“พระเยซูคริสต์….พันธกิจไครอส”
ไครอส คำกรีกแปลว่า เวลาที่กำหนด เวลาที่เหมาะสม เวลาของพระเจ้า พระเยซูคริสต์…พันธกิจไครอส คือภารกิจในเวลาอันเหมาะสม มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า อยู่ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน จะได้รับสิ่งที่ดี ทำดี ทำสิ่งที่เหมาะสม หรือใช่สำหรับตนเอง และส่งผลดีต่อคนอื่น
พระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า
ยอห์น 7:6 6 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ยังไม่ถึงเวลาของเรา แต่เวลาของพวกท่านมีอยู่เสมอ
พระเยซูทรงใช้คำกรีก ไครอส ในตอนนี้ เป็นคำตรัสกับน้องๆของพระเยซูคริสต์เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์ทำการอัศจรรย์มากมาย น้องๆของพระเยซูแนะนำพระองค์ว่า ทำไม ไม่เปิดตัวเลย ไปให้คนได้เห็นได้รู้ว่า พระเยซูเป็นใคร แต่พระเยซูทรงรู้เวลาของพระองค์ว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะไครอสของพระเยซูคือการตายเพื่อคนทั้งโลก แต่เวลาของพวกท่านมีอยู่เสมอ
เวลาของทุกคน คือ Chronos มี 24 ชม. 7 วัน เดือนและปี ไครอสคือเวลาที่เหมาะสม ที่คนจะพบบนเส้นเวลาโครนอส
พระเยซูคริสต์…พันธกิจไครอส คือภารกิจของพระเยซูคริสต์ที่ทรงเสด็จมาเพื่อให้มนุษย์ทุกคนพบกับพระองค์ ใครที่พบกับพระองค์ก็จะพบกับ พันธกิจไครอสของพระองค์ด้วย นั่นคือ จะได้รับสิ่งที่ดี ทำดี ทำสิ่งที่เหมาะสม หรือใช่ สำหรับตนเอง และส่งผลดีต่อคนอื่น
ในวีดีโอประกอบคำเทศนาเช้าวันนี้ เรื่องลาซารัสฟื้นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เมื่อพระเยซูทรงที่นั่น สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปได้เสมอ เรื่องราวในคลิปวีดีโอมีมุมหนึ่งที่พระเยซูทรงทำเกี่ยวกับไครอส คือเวลาที่กำหนด ที่คนใกล้ตัวพระองค์ไม่เข้าใจ และบางคนคิดว่า พระเยซูมาช้าเกินไป สายไปเสียแล้ว ก็คือ ลาซารัสตายไปก่อนพระเยซูจะมาถึง พระคัมภีร์บันทึกลำดับเหตุการณ์เรื่องราวนี้ไว้เพื่อให้เราได้เรียนรู้จักเรื่องของพันธกิจไครอสของพระเยซูคริสต์
ยอห์น 11: 6,14-15 6 ครั้นพระองค์ทรงได้ยินว่าลาซารัสป่วยอยู่ พระองค์จึงทรงพักอยู่ที่ที่พระองค์ทรงอยู่นั้นอีกสองวัน….14 ฉะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเขาตรงๆ ว่า “ลาซารัสตายแล้ว15 เพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เราจึงยินดีที่เรามิได้อยู่ที่นั่น เพื่อท่านจะได้เชื่อ เราไปหาเขากันเถิด”
พระคัมภร์บันทึกว่า ลาซารัส มีพี่สาวสองคน คือมารธาและมารีย์ สามคนนี้ เป็นพี่น้องที่รักกันมาก และน่าจะเป็นเหตุผลว่า ทำไมพระคัมภีร์จึงบันทึกว่า พระเยซูทรงรักครอบครัวนี้มาก ไม่น่าจะใช่แค่เวลาพระเยซูเดินทางไปที่บ้านของครอบครัวเมื่อใด ก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดี ทั้งคนในบ้านอย่างมารีย์ก็เป็นคนที่ให้ความสนใจฟังคำสอนของพระเยซูเสมอ ซึ่งโดยปกติ ผู้หญิงจะอยู่ในครัว เพื่อเตรียมอาหาร สำหรับแขก พระคัมภีร์บันทึกว่า มารธาถึงกับบ่นกับพระเยซูว่า มารีย์ไม่ยอมมาช่วยนางทำครัว มัวแต่นั่งฟังคำสอนของพระเยซู แต่พระเยซูก็ทรงทำให้มารธามองน้องสาวของตนเองในทางบวก ส่วนลาซารัส เป็นผู้ชาย ก็แน่นอนว่า ได้ฟัง ได้ใช้เวลากับพระเยซูทุกครั้ง เมื่อมาถึงเหตุการณ์ลาซารัสป่วย
พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บันทึกมิติที่ให้เราได้เห็นพระเยซูในมุมของความสะเทือนใจที่พระเยซูทรงแสดงออกถึงสองครั้ง เมื่อพระองค์ได้เห็นสองพี่น้อง ร่ำไห้เสียใจในการจากไปของน้องชายที่ตนเองรักอย่างมาก ภาพของครอบครัวที่รักกันมาก ส่งผลต่อการแสดงออกของพระเยซูที่บันทึกว่า พระองค์ทรงสะเทือนใจมาก ก็คือ สามคนพี่น้องที่รักกันมาก แม้บางครั้งจะต่อว่าต่อขานกันบ้าง อย่างมารธาต่อว่ามารีย์ แต่ครอบครัวนี้ ก็ยังรักกัน และแสดงออกอย่างเดียวกัน เมื่อสูญเสียน้องชายไป เมื่อพระเยซูมาช้า มารธารอพระเยซูตั้งแต่ปากทาง เมื่อได้ส่งคนไปบอกข่าว แต่พระเยซูประวิงเวลาอยู่ ไม่มาทันที แต่ตั้งใจให้ช้าไปอีกสองวัน เมื่อมารธาพบหน้าพระเยซู ทันที
ยอห์น 11:20-21 20 ครั้นมารธารู้ข่าวว่าพระเยซูกำลังเสด็จมา เธอก็ออกไปต้อนรับพระองค์ แต่มารีย์นั่งอยู่ในเรือน 21 มารธาทูลพระเยซูว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตาย
ยอห์น 11:32 32 ครั้นมารีย์มาถึงที่ซึ่งพระเยซูประทับอยู่และเห็นพระองค์แล้ว จึงกราบลงที่พระบาทของพระองค์ทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าพระองค์ประทับอยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตาย”
การแสดงออกของมารธาและมารีย์ คือรักน้องชาย และเชื่อในพระเยซูว่า พระองค์ช่วยน้องชายของตนเองให้รอดจากความเจ็บป่วยครั้งนี้ได้ แต่ปัญหาคือ เวลา พระเยซูไม่มาให้ทันเวลา พระองค์ไม่ได้มาในเวลาที่คาดหวัง พระองค์มาช้า พระองค์พลาดเวลาของพวกเขาไปแล้ว พวกเขาได้สูญเสียผู้เป็นที่รักไป แม้การแสดงออกจะสุภาพ แต่ก็คือการต่อว่า คือการแสดงความไม่เชื่อในเวลาของพระเยซูคริสต์
พระเยซูคริสต์…พันธกิจไครอส ไม่เคยหายไปไหน ไม่เคยมาช้า แต่ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ หรือแม้แต่คนใกล้ชิดพระองค์อย่างมารธา และมารีย์ เข้าใจอย่างนั้น เพราะนางตีความพันธกิจของพระเยซูด้วยเวลา เงื่อนไขอย่างมนุษย์ ที่จำกัด ด้วยความรู้เท่าที่ตนเองรู้ และคาดหวังได้เท่านั้น
พระเยซูคริสต์…พันธกิจไครอส คือ ภารกิจที่พระเจ้าทรงรู้ เกินกว่าที่มนุษย์จะหยั่งรู้ได้ ผู้ที่จะร่วมทีมกับพระเยซู จึงจำเป็นจะต้องเข้าในพันธกิจเดียวกันกับพระองค์ ไม่ใช่สร้างพันธกิจของตนเอง และให้พระองค์มาร่วมวงกับตน ในเรื่องราวตอนนี้ได้ให้บทเรียนแก่เราดังนี้
1.พันธกิจไครอส…สวนทางความกลัว
ยอห์น 11:7-10 7 หลังจากนั้นพระองค์ก็ตรัสกับพวกสาวกว่า “เราเข้าไปในแคว้นยูเดียกันอีกเถิด”8 พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เมื่อเร็วๆ นี้ พวกยิวหาโอกาสเอาหินขว้างพระองค์ให้ตาย แล้วพระองค์ยังจะเสด็จไปที่นั่นอีกหรือ”9 พระเยซูตรัสตอบว่า “กลางวันมีสิบสองชั่วโมงมิใช่หรือ ถ้าผู้ใดเดินในตอนกลางวันเขาก็จะไม่สะดุด เพราะเขาเห็นความสว่างของโลกนี้10 แต่ถ้าผู้ใดเดินในตอนกลางคืนเขาก็จะสะดุด เพราะไม่มีความสว่างในตัวเขา”
เหตุผลที่สาวกเตือนพระเยซูไม่ให้ไปที่หมู่บ้านเบธานี ที่อยู่ของครอบครัว สามพี่น้อง (มารธา มารีย์ และลาซารัส) เพราะอยู่ห่างจากเยรูซาเล็มแค่สามกิโลเมตร และพวกยิวหาโอกาสจะฆ่าพระเยซูให้ตาย เหตุการณ์นี้ ใกล้จะถึงเวลาที่พระเยซูจะถูกจับ และถูกตรึงที่กางเขนแล้ว คำเตือนของพวกสาวก คือความกลัวตายของตัวเองด้วย ถ้าพระเยซูไป สาวกก็ต้องตามพระองค์ไป พวกเขาจึงห้ามพระเยซูทำนองว่า อย่าไปเลย แน่นอนว่า สาวกของพระเยซูย่อมรู้จักลาซารัสดีด้วย แต่งานนี้ ความกลัวตาย ทำให้พวกเขาสนใจตัวเองมากกว่า การไปหาลาซารัสที่กำลังป่วย (ตามที่พวกเขารู้ข่าวจากคนที่ถูกส่งมาเรียกพระเยซูให้ไป)
แต่พระเยซูทรงตอบสาวกด้วยคำว่า เวลา สิบสองชั่วโมง เวลากลางวัน กลางคืน แสงสว่าง และความมืด นั่นคือ เวลาโครนอส ไม่ใช่ไครอส พระเยซูกำลังบอกเป็นนัยว่า มีเวลา ไครอส อยู่บนเส้นเวลาโครนอส นั่นคือ นั่นคือเวลากำหนด เหมาะสม และเวลานี้ใช่แล้ว เมื่อเวลาที่ใช่ เวลาที่กำหนด อะไรก็จะมาขัดขวาง หรือทำร้าย ไม่ได้ และยังไม่ถึงเวลาที่พระองค์จะถูกฆ่าด้วย ยังไม่ถึงเวลาไครอส ยังไง พระองค์ก็จะไม่ตายเพราะถูกฆ่าในเวลานี้ แต่เวลาของลาซารัสถูกกำหนดไว้แล้วว่า จะป่วย และได้ตายไปแล้ว
ยอห์น 11:11-16 11 พระองค์ตรัสดังนั้นแล้วจึงตรัสกับเขาว่า “ลาซารัสสหายของเราหลับไปแล้ว แต่เราไปเพื่อจะปลุกเขาให้ตื่น”12 พวกสาวกทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเขาหลับอยู่เขาก็คงจะหายดี”13 พระเยซูตรัสถึงความตายของลาซารัส แต่พวกสาวกคิดว่าพระองค์ตรัสถึงการนอนหลับพักผ่อน14 ฉะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเขาตรงๆ ว่า “ลาซารัสตายแล้ว15 เพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เราจึงยินดีที่เรามิได้อยู่ที่นั่น เพื่อท่านจะได้เชื่อ เราไปหาเขากันเถิด” 16 โธมัสที่เรียกว่า แฝดจึงพูดกับเพื่อนสาวกว่า “พวกเราไปกับพระองค์ด้วยเถิด เพื่อจะได้ตายด้วยกันกับพระองค์”
พระเยซูสอนให้สาวกสวนทางกับความกลัว ในการทำพันธกิจไครอส แต่สาวกบางคน โดยเฉพาะโธมัส ก็ยังตีความสวนทางกับพระเยซู สมกับที่พระคัมภีร์ตั้งฉายาเรียกเขาว่า คนขี้สงสัย แปลว่า คนที่ไม่ไว้วางใจอะไรเลย แม้กระทั่งพระเยซู เขาก็ยังสงสัย
2.พันธกิจไครอส….ทำให้เชื่อวางใจมากขึ้น
ยอห์น 11:42 42 ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ประชาชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา”
คำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ก่อนจะเรียกลาซารัสออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ คือการแจ้งเหตุผลของกำหนดการที่พระองค์มาในเวลาที่ลาซารัสตายและถูกฝังไปสี่วัน เป็นเวลาที่คนจะไม่เชื่อและไม่มีทางที่จะไว้วางใจแน่ๆ เรียกว่า ไม่มีเหลือความเชื่อและความวางใจอีกเลย ก่อนหน้านี้ มารธายังสวนพระเยซูด้วยหลักศาสนศาสตร์ว่า
ยอห์น 11:25-27 25 พระเยซูตรัสกับเธอว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก 26 และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม”27 มารธาทูลพระองค์ว่า “เชื่อพระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าที่เสด็จมาในโลก”
บ่อยครั้งเราฟังเยอะ เรียนเยอะ แต่วิธีคิดของเราไม่มีความเชื่อ และความไว้วางใจในพระเยซูคริสต์เลย ความเชื่อและความไว้วางใจ จะถูกพิสูจน์ด้วยการกระทำ
ยากอบ 2:26 26 เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผลฉันนั้น
ยากอบ1:6-7 6 แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา7 ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย
พันธกิจไครอส จะพิสูจน์ความเชื่อแท้ และทำลายความสงสัยออกไป ยังทำให้ยิ่งมีความเชื่อมากขึ้น มีความกล้าหาญมากขึ้น ยิ่งได้เห็นความยิ่งใหญ่ ยิ่งมีสติปัญญามากขึ้น
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ความล้มเหลวทำให้เกิดความกลัว และไม่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ และก็ทำแต่วิธีการเดิมๆ ไม่ยอมเปลี่ยนอะไรใหม่ อยู่แต่ในพื้นที่ที่เรียกว่า เซฟตี้โซน เขตปลอดภัย จะเปลี่ยนแต่สถานที่ เปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่แต่ภายนอกทั้งสิ้น
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้านั่งทำงานที่สุขุมวิทซอยหก มักจะกลับค่ำ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง เดินเข้ามาในโบสถ์ แล้วก็พบกับข้าพเจ้า คำแรก ของผู้หญิงคนนี้ คือ ขอบวชเป็นแม่ชีในโบสถ์คริสต์ นางไม่อยากโกนผม แต่ขอแค่สวมเสื้อแม่ชี ปรากฏว่า เราเป็นคริสเตียน ไม่ใช่คริสตัง เลยไม่มีแม่ชี ไม่มีชุดให้เขาเปลี่ยน ถามไปถามมา ได้คำตอบว่า นางผิดหวังกับเรื่องชีวิต ถูกผู้ชายมีภรรยาแล้วหลอกให้เป็นภรรยาน้อยโดยไม่รู้ตัว จะเลิก ด้วยวิธีบวชชี …
นี่เป็นพันธกิจไครอส ที่พระเยซูนำมาถึงข้าพเจ้า ถูกคน ก็เลย ให้คำแนะนำ จนนาง ขอเป็นคริสเตียน และหลุดจากวงจรชีวิตเป็นเหยื่อ เป็นไทจากภายในจิตใจ นั่นคือ ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ทรงทรงเปลี่ยนชีวิตที่ตายไปแล้วให้ กลับมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
พระเยซูคริสต์…พันธกิจไครอส สวนทางกับความกลัว และทำให้ชีวิตที่ตายไป กลับมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ขอให้เราทุกคน ลุกขึ้น ร่วมมือกัน เข้าทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ เล็งผลลัพธ์อย่างเดียวกันกับพระองค์ คือนำคนไปถึงพันธกิจไครอสของพระองค์ อาเมน