“พระเยซูคริสต์…พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์”

คนโรคเรื้อนหนึ่งใน สิบคนที่กลับมาหาพระเยซู ได้รับการชี้แจงและสอนเรื่องความเชื่อของเขาที่ทำให้เขาหายโรคแล้ว การกลับมาเพื่อนมัสการพระเยซูทำให้เขาได้รับคำตอบของการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคต ประสบการณ์ความเชื่อที่เขาหายโรคเรื้อน แตกต่างจากคนโรคเรื้อนเก้าคนที่ไม่ได้กลับมาหาพระเยซู…

พระเยซูคริสต์…พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์ ถูกนำมาสรุปไว้ในหนังสือฮีบรู….

ฮีบรู 12:1-2 1 เพราะ​ฉะนั้น เมื่อ​เรา​มี​พยาน​มาก​มาย​อยู่​รอบ​ข้าง​อย่าง​นี้​แล้วก็​ขอ​ให้​เรา​ละ​ทิ้ง​ทุก​อย่าง​ที่​ถ่วง​อยู่ และ​บาป​ที่​เกาะ​แน่น ขอ​ให้​เรา​ยังคง​วิ่ง​แข่ง​ด้วย​ความ​ทร​หด​อด​ทน​ใน​การ​แข่ง​ขัน​ที่​อยู่​ข้าง​หน้า​เรา2 โดย​จับ​ตา​มอง​ที่​พระ​เยซู​ผู้​เบิก​ทาง​ความ​เชื่อ และ​ผู้​ทรง​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​นั้น​สม​บูรณ์ พระ​องค์​ทรง​สู้​ทน​ต่อ​กาง​เขน เพื่อ​ความ​ยินดี​ที่​อยู่​ต่อ​หน้า​พระ​องค์ ทรง​ถือ​ว่า​ความ​อับ​อาย​นั้น​ไม่​เป็น​สิ่ง​สำ​คัญ และ​พระ​องค์​ประ​ทับ​เบื้อง​ขวา​พระ​ที่​นั่ง​ของ​พระ​เจ้า

​พระ​เยซู​ผู้​เบิก​ทาง​ความ​เชื่อ และ​ผู้​ทรง​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​นั้น​สม​บูรณ์

คำว่า ผู้บุกเบิกความเชื่อและผู้ทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์  รากศัพท์กรีก แปลว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้เขียนริเริ่มความเชื่อ และเป็น ผู้นำในเส้นทางแห่งความเชื่อ เป็นเจ้านายผู้บัญชาการความเชื่อ และเป็นผู้ทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์  รากศัพท์กรีกแปลว่า ผู้ทำให้ความเชื่อนั้นสำเร็จ

คนที่มาหาพระเยซูคริสต์เพื่อขอให้รักษาโรค ขับผีออก มาพร้อมกับคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ พระเยซูคริสต์มักจะตอบว่า ความเชื่อทำให้คนเหล่านี้หาย แม้สาวกที่ขับผีไม่ออก พระเยซูก็ยังสอนสาวกเกี่ยวกับการไม่มีความเชื่อ และชี้ให้เห็นว่า ผีบางชนิด โรคบางอย่าง นอกจากจะอธิษฐานด้วยความเชื่อแล้ว ยังต้องเป็นการกระทำด้วยการอดอาหารอธิษฐาน คือการทำให้ความเชื่อถูกแสดงออกเป็นการกระทำ

ในประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล หลังจากผู้เผยพระวจนะได้ล้มหายตายจากไปนานนับสี่ร้อยปี พระเจ้าไม่ตรัสอะไรเลย ไม่มีผู้เผยพระวจนะเกิดขึ้นมา จนกระทั่งมาถึงยุคของพระเยซู และยอห์น ผู้ให้บัพติศมาในน้ำ และเรื่องแรกที่ยอห์นสอนก็คือ ความเชื่อ….

ยอห์น บัพติศโต ผู้เผยพระวจนะในยุคเดียวกันกับพระเยซู ที่ออกมาประกาศให้คนกลับใจใหม่ และแสดงการกลับใจใหม่ ด้วยการพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง เป็นการกระทำ  ยอห์นได้กล่าวถ้อยคำหนึ่งว่า

มัทธิว 3:7-10 7 ครั้น​ยอห์น​เห็น​พวก​ฟาริสี และ​พวก​สะ​ดู​สี​พา​กัน​มา​เป็น​อัน​มาก เพื่อ​จะ​รับ​บัพติศมา ท่าน​จึง​กล่าว​แก่​เขา​ว่า “เจ้า​ชาติ​งู​ร้าย ใคร​ได้​เตือน​เจ้า​ให้​หนี​จาก​พระ​อาชญา​ซึ่ง​จะ​มาถึง​นั้น​8 เหตุ​ฉะนั้น​จง​พิสูจน์​การ​กลับ​ใจ​ของ​เจ้า​ด้วย​ผล​ที่​เกิดขึ้น​9 อย่า​นึก​เหมา​เอา​ใน​ใจ​ว่า​ตัว​มี​อับราฮัม​เป็น​บิดา เพราะ​เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ว่า ​พระ​เจ้า​ทรง​ฤทธิ์​อาจจะ​ให้​บุตร​เกิดขึ้น​แก่​อับราฮัม​จาก​ก้อน​หิน​เหล่า​นี้​ได้​10 บัดนี้​ขวาน​วาง​ไว้​ที่​โคน​ต้นไม้​แล้ว และ​ทุก​ต้น​ที่​ไม่​เกิด​ผลดี​จะต้อง​ตัด​แล้ว​โยน​ทิ้ง​ใน​กอง​ไฟ

เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสีและพวกสะดูสีพากันมาเพื่อจะรับบัพติศมาจากยอห์นเหมือนชาวบ้านบ้าง ยอห์นสัมผัสได้ว่า คนพวกนี้ มาเพื่อทำตามๆกัน เป็นแต่ภายนอก แต่ภายในไม่กลับใจ ยอห์นกล่าวถึงอับราฮัม ซึ่งเป็นบิดา ต้นกำเนิดของชนชาติอิสราเอล มีฉายาว่า บิดาแห่งความเชื่อ ในตอนนี้ ยอห์นกล่าวกับพวกฟาริสี และพวกสะดูสี (ซึ่งคนสองพวกนี้มีความเชื่อที่ตรงกันข้ามกัน)

ฟาริสี เป็นชื่อในภาษาฮีบรู  แปลว่า แยกตัวออก เชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นมาจากความตาย กลัวการลงโทษ จึงเป็นพวกเคร่งศาสนา

แต่พวกสะดูสี เป็นชื่อในภาษาฮีบรู  แปลว่า รางวัล  ไม่เชื่อว่าจะมีการฟื้นขึ้นมาจากความตาย   พวกสะดูสีปฏิเสธเรื่องการลงโทษ และการรับรางวัล ในอนาคต  ทั้งสองพวกนี้ ต่างเป็นลัทธิที่พัฒนาเกิดขึ้น จากศาสนายูดาห์ ที่เชื่อในพระเจ้าเดียวกัน แต่แตกออกไปตามความคิดของบรรดาผู้เริ่มต้นตั้งตัวเป็นสังคมของผู้เชื่อในแนวที่ตนเองชื่นชอบ  ยอห์นกล่าวตำหนิคนสองพวกนี้ ที่พากันมาหายอห์น แต่ยังคงความเชื่อของตนเอง ยอห์นเรียกคนพวกนี้ว่า เจ้าชาติงูร้าย เป็นสำนวนเรียก  คนทรยศ  คือไม่สัตย์ซื่อต่อความเชื่อของตนเอง ที่พากันมา หายอห์น เพียงเพื่อการแสดง ไม่ใช่การกระทำที่พิสูจน์ความเชื่อ ยอห์นจึงกล่าวต่อว่า

มัทธิว 3:8  8 เหตุ​ฉะนั้น​จง​พิสูจน์​การ​กลับ​ใจ​ของ​เจ้า​ด้วย​ผล​ที่​เกิดขึ้น​9 อย่า​นึก​เหมา​เอา​ใน​ใจ​ว่า​ตัว​มี​อับราฮัม​เป็น​บิดา เพราะ​เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ว่า ​พระ​เจ้า​ทรง​ฤทธิ์​อาจจะ​ให้​บุตร​เกิดขึ้น​แก่​อับราฮัม​จาก​ก้อน​หิน​เหล่า​นี้​ได้

ชื่ออับราฮัมได้ถูกกล่าวถึงในตอนนี้  เพราะยอห์นกำลังกล่าวถึง ความเชื่อที่ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ และอับราฮัมบิดาแห่งความเชื่อ ได้พิสูจน์ความเชื่อของท่าน อย่างที่ในหนังสือฮีบรูได้กล่าวถึงอับราฮัมว่า

ฮีบรู 11:8,17 8 เพราะ​อับราฮัม​มี​ความ​เชื่อ ฉะนั้น​เมื่อ​พระ​เจ้า​ทรง​เรียก​ให้​ท่าน​ออก​เดินทาง​ไป​ยัง​ที่​ซึ่ง​ท่าน​จะ​รับ​เป็น​มรดก ท่าน​ได้​เชื่อ​ฟัง​และ​ได้​เดินทาง​ออกไป​โดย​หา​รู้​ไม่​ว่า​จะ​ไป​ทาง​ไหน…17 เพราะ​อับราฮัม​มี​ความ​เชื่อ ฉะนั้น​เมื่อ​ท่าน​ถูก​ลอง​ใจ ท่าน​จึง​ได้​ถวาย​อิสอัค​เป็น​เครื่องบูชา และ​ท่าน​ซึ่ง​เป็น​ผู้​ได้รับ​พระ​สัญญา ​ก็​ได้​พร้อม​แล้ว​ที่​จะ​ถวาย​บุตร​คน​เดียว​ของ​ท่าน

สำหรับคนอิสราเอล คนยิว คนฮีบรู เชื่อว่า พวกเขา คือลูกหลานของอับราฮัม ที่เกิดขึ้นในภายหลังมากมาย คนเหล่านี้ ต่างได้รับการส่งต่อความเชื่อ จากรุ่นสู่รุ่น ว่าพวกเขามีบิดาแห่งความเชื่อ คืออับราฮัม  ผู้ที่ความเชื่อของท่านสำเร็จ จากชายแก่ เป็นหมัน ไม่มีทางที่จะมีลูกได้ เหมือนคนตายไปแล้ว แต่กลับเป็นต้นกำเนิดของชนชาติที่มีประชากรมากมาย ผ่านยุคสมัยหลายแผ่นดิน ระหกระเหิน ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ค่ำไหน ก็ปักเต็นท์ที่นั่น  จากไม่มีอะไร จนมีอะไรมากมาย มั่งคั่ง เรื่องราวของอับราฮัมกับความสำเร็จ ถูกเล่าต่อๆกันปากต่อปาก ในท่ามกลางชนชาติอิสราเอล  ความเชื่อของคนอิสราเอลในยุคของยอห์น ห่างจากต้นแบบของความเชื่อหลายพันปี ความเชื่อที่ส่งต่อด้วยคำพูด จะยังเหลือความมีชีวิตอยู่อีกหรือ… แน่นอนว่า อาจเป็นความเชื่อที่ตายไปแล้ว

พระเยซูคริสต์…พันธกิจ ความเชื่อที่สมบูรณ์  เกิดขึ้นเพื่อเขียนความเชื่อใหม่ ที่มีชีวิต ไม่ตาย ไม่เป็นเพียงความเชื่อที่เล่าต่อๆกัน แต่เป็นความเชื่อที่มีประสบการณ์จริง จากผู้เป็นเจ้าของความเชื่อตัวจริง หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ตัวเป็นๆ อย่างพระเยซูคริสต์ ผู้เขียนหนังสือฮีบรูจึงกล่าวว่า

ฮีบรู 12:1-2 1 เหตุ​ฉะนั้น​เมื่อ​เรา​มี​พยาน​พรั่ง​พร้อม​อยู่​รอบ​ข้าง​เช่นนี้​แล้ว ​ก็​ขอ​ให้​เรา​ละ​ทิ้ง​ทุก​อย่าง​ที่​ถ่วง​อยู่ และ​บาป​ที่​เกาะ​แน่น ขอ​ให้​เรา​วิ่ง​แข่ง​ด้วย​ความ​เพียร​พยายาม ตาม​ที่​ได้​กำหนด​ไว้​สำหรับ​เรา​2 หมาย​เอา​พระ​เยซู​เป็น​ผู้​บุกเบิก​ความ​เชื่อ และ​ผู้​ทรง​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​สมบูรณ์…

พยานที่พรั่งพร้อมที่หนังสือฮีบรูกล่าวถึง ก็คือ บรรดาบุคคลในพระคัมภีร์มากมายหลายคนที่ถูกกล่าวถึงในบทที่ 11 ก่อนหน้านี้ คือ บุคคลที่ประสบความสำเร็จในความเชื่อที่พวกเขาได้เชื่อในพระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์อยู่

ฮีบรู 11:6 6 แต่​ถ้า​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​แล้ว จะ​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ไม่ได้​เลย เพราะ​ว่า​ผู้​ที่​จะ​มา​เฝ้า​พระ​เจ้า​ได้​นั้น ต้อง​เชื่อ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ดำรง​พระ​ชนม์​อยู่ และ​พระ​องค์​ทรง​เป็น​ผู้​ประทาน​บำเหน็จ​ให้แก่​ทุก​คน​ที่​แสวงหา​พระ​องค์​

หนังสือฮีบรูกล่าวถึง ความเชื่อของบุคคลในพระคัมภีร์ยังไปไม่ถึงความเชื่อที่สมบูรณ์ ไม่ใช่ความสำเร็จอย่างที่มนุษย์นิยาม

ฮีบรู 11:39-40 39 คน​เหล่า​นั้น​ทุก​คน​มี​ชื่อเสียง​ดี​เพราะ​ความ​เชื่อ​ของ​เขา แต่​เขา​ก็​ยัง​ไม่ได้​รับ​สิ่ง​ที่​ทรง​สัญญา​ไว้​40 เพราะ​พระ​เจ้า​ทรง​จัดเตรียม​สิ่ง​ซึ่ง​ประเสริฐ​ยิ่ง​กว่า​นั้น​ไว้​สำหรับ​เขา เพื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้รับ​ความ​สมบูรณ์​ด้วย​กัน​กับ​เรา​เท่านั้น​

พระเยซูคริสต์….พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์  พระเยซูคริสต์ ทรงเสด็จมาเพื่อทำให้ความเชื่อที่สมบูรณ์เกิดขึ้น  ทรงนำไปสู่ความสำเร็จ ชัยชนะที่แท้จริง  มีคนมากมาย ยอมตายเพื่อความเชื่อของตนเอง แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง บางคนก็ท้าทายว่า ให้ไปดูตอนจบว่า ความเชื่อของใครจะดีกว่าใคร ทุกคนต่างมีความเชื่อ ที่ปัจจุบันเรียกว่า ความศรัทธา ทั้งในตัวบุคคล ก้อนอิฐก้อนหิน ไม้ เงินทอง หรือในศาสดาใดๆก็ตาม ต่างก็ยึดความเชื่อนั้นไว้

มีหนังสือชื่อ กระเป๋าความเชื่อ (ได้รวบรวมความเชื่อของบุคคล 24 คน) ต่างมีความเชื่อในสิ่งที่ตนเองยึดถือ และเข้าใจว่านั่นคือความสำเร้จ แต่…ตอนจบเป็นอย่างไร ก็ยังมีคำถามกันอยู่ว่า ความเชื่อนั้น จะนำชีวิตไปสุดปลายหรือไม่?

พระคัมภีร์ก็ได้กล่าวถึง ด้วยคำว่า

1โครินธ์ 13:13 13 ดังนั้น​ยัง​ตั้งอยู่​สาม​สิ่ง คือ​ความ​เชื่อ ความ​หวัง​ใจ และ​ความ​รัก แต่​ความ​รัก​ใหญ่​ที่สุด​

รากศัพท์กรีกคำว่า ความเชื่อในข้อนี้ แปลว่า ความไว้วางใจ ความมั่นใจ แรงจูงใจ สิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจ สำหรับคริสตชน หนังสือฮีบรูตอบโจทย์เรื่องความเชื่อว่า  ให้หมายเอาพระเยซูคริสต์ เป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และเป็นผู้นำไปสู่ความเชื่อที่สมบูรณ์

พระเยซูคริสต์….พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์ คือ ความเชื่ออย่างเดียวกันกับพระเยซู  ไม่ใช่ความเชื่อที่สร้างขึ้นเอง คิดเอง เออเอง มีกติกาของความเชื่อที่ถูกกำหนดไว้แล้ว และจุดแห่งความสำเร็จของความเชื่อก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ทั้งหมด อยู่ที่พระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์วิวรณ์จึงมีคำตรัสของพระเยซูว่า…

วิวรณ์ 21:6,12-14  6 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “สำเร็จ​แล้ว เรา​เป็นอัลฟา​และ​โอ​เม​กา เป็น​ปฐม​และ​อวสาน ผู้ใด​กระหาย เรา​จะ​ให้​ผู้​นั้น​ดื่ม​จาก​บ่อ​น้ำพุ​แห่ง​ชีวิต​โดย​ไม่​ต้อง​เสีย​อะไร​เลย….12 “ดู​เถิด เรา​จะ​มา​ใน​เร็วๆ นี้ และ​จะ​นำ​บำเหน็จ​ของ​เรา​มา​ด้วย เพื่อ​ตอบ​แทน​การ​กระทำ​ของ​ทุก​คน13 เรา​คืออัลฟา​และ​โอ​เม​กา เป็น​เบื้องต้น​และ​เป็น​เบื้อง​ปลาย เป็น​ปฐม​และ​เป็น​อวสาน” 14 คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ชำระ​เสื้อผ้า​ของ​ตน​ก็​เป็น​สุข เพื่อ​ว่า​เขา​จะ​ได้​มี​สิทธิ์​ใน​ต้นไม้​แห่ง​ชีวิต และ​เพื่อ​เขา​จะ​ได้​เข้า​ไป​ใน​นคร​นั้น​โดย​ทาง​ประตู​

พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์ ของพระเยซูคริสต์  ไม่เหมือนความเชื่อใดๆในโลกนี้  และผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์จำเป็นต้องมีความเชื่อในกติกาของพระองค์ จึงจะไปถึงความเชื่อที่สมบูรณ์  พระเยซูคริสต์เอง ยังตรัสถึงผู้เชื่อในพระองค์อาจถูกล่อให้หลงและออกไปจากเส้นทางความเชื่อนี้ได้

เราคงเคยดูกีฬาฟุตบอล หรือกีฬาประเภทต่างๆ ถ้าผู้เล่นผิดกติกา ไม่เล่นตามกติกา ภาษาชาวบ้านเรียกว่า กติกู คือ ข้าจะทำตามใจข้า ไม่สนว่ากติกาเป็นอย่างไร ผลลัพธ์ก็คือ ถูกให้ออกจากสนามแข่ง หรือเส้นทางของการเป็นนักกีฬานั้นๆ  ทำนองเดียวกัน พระเยซูคริสต์ได้ใช้คำว่า หลงไป (เพราะไปเชื่อคำสอนเทียมเท็จ พระคริสต์เทียมเท็จ หรืออะไรก็ตาม ที่ทำให้ออกจากเส้นทางของความเชื่อที่พระเยซูทรงเป็นผู้กำหนด ผู้เชื่อที่ไม่อยู่ในกติกาความเชื่อของพระเยซูคริสต์ คือผู้ที่พาตัวเองออกไปจากสนามแห่งความเชื่อเอง)

พระเยซูคริสต์…พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์   เป็นพันธกิจที่เริ่มต้น ด้วยความเชื่อ ดำเนินไปด้วยความเชื่อ และจบลงด้วยความเชื่อ

โรม 1:17 17 เพราะ​ว่า​ใน​ข่าว​ประเสริฐ​นั้น ความ​ชอบธรรม​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ได้​สำแดง​ออก โดย​เริ่มต้น​ก็​ความ​เชื่อ สุดท้าย​ก็​ความ​เชื่อ ตาม​ที่​พระ​คัมภีร์​มี​เขียน​ไว้​ว่า คน​ชอบธรรม​จะ​มี​ชีวิต​ดำรง​อยู่​โดย​ความ​เชื่อ

พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์ ของพระเยซูคริสต์ เปลี่ยนคนบาป เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ ไมใช่ด้วยการกระทำ และนี่คือจุดสตาร์ทของการเข้าสู่ลู่วิ่งแข่งกับตัวเอง อ.เปาโลคริสเตียนยุคแรก ได้ใช้คำว่า

1 โครินธ์ 9:24-25 24 ท่าน​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​คน​เหล่า​นั้น​ที่​วิ่ง​แข่ง​กัน​ก็​วิ่ง​ด้วย​กัน​ทุก​คน แต่​คน​ที่​ได้รับ​รางวัล​มี​คน​เดียว เหตุ​ฉะนั้น​จง​วิ่ง​เพื่อ​ชิง​รางวัล​ให้​ได้25 ฝ่าย​นักกีฬา​ทุก​คน​ก็​เคร่งครัด​ใน​ระเบียบ เขา​กระทำ​อย่าง​นั้น​เพื่อ​จะ​ได้​มงกุฎ​ใบไม้​ซึ่ง​ร่วง​โรย​ได้ แต่​เรา​กระทำ​เพื่อ​จะ​ได้​มงกุฎ​ที่​ไม่​มี​วัน​ร่วง​โรย​เลย​ ​

แปลว่า มีกติกาของความเชื่อที่ถูกกำหนดไว้แล้ว อย่ามั่ว อย่าละเมิดกติกา ขอให้เคารพกฏกติกาความเชื่อของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ความเชื่อขงตนเองที่สร้างขึ้นมาเอง หรือจากลอกเลียนแบบความเชื่อของใครมา

พระเยซูคริสต์…พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์   จะนำเราไปสู่ความสำเร็จในความเชื่อที่ถูกต้อง  เมื่อขอ ก็จะได้ เคาะแล้วจะเปิด แสวงหาแล้วจะพบ  เมื่อบุตรของปลา มีหรือพ่อจะให้งู เมื่อขอขนมปัง มีหรือจะให้ก้อนหิน  เรากำลังใช้ความเชื่อในกติกาอย่างเดียวกันกับพระเยซูคริสต์อยู่หรือไม่   ในกติกาความเชื่อของพระเยซู ในหนังสือฮีบรู ได้กล่าวถึง

1.ละทิ้งสิ่งที่ถ่วงอยู่  อะไรคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตของคุณหยุดนิ่ง ก้าวต่อไปไม่ได้  กรอบความคิดบางอย่างที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ไม่อยากเปลี่ยน เปลี่ยนไม่ได้ ไม่อยากรับรู้การเปลี่ยนแปลง?

2.บาปที่เกาะแน่น คืออะไร  ที่ยังรัก โลภ โกรธ และหลง….

3.อดทนต่อกางเขน คืออะไร กางเขนคือเส้นทางที่ต้องเดินไปให้ถึง คือการประหารตัวเก่า (กิเลศตัณหาต่างๆ)

4.อดทนต่อคำคัดค้านของคนบาป คนที่ต่อต้าน อย่างไร นั่นคือ ชีวิตที่สวนกระแสกับค่านิยมของโลก อดทนต่อการยั่วเย้าให้คล้อยตามหันกลับไปมีชีวิตเดิม ต้านกับวิถีชีวิตใหม่ เหมือน เดินขึ้นที่สูง ต้องต่อสู้กับแรงดึงดูด แรงต้านของโลก

5.ต่อสู้กับบาป คืออะไร บาปแปลว่า พลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า การต่อสู้กับบาป คือการพยายามทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า

มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า คนเราถ้าเชื่ออะไรแล้วจะดำเนินตามความเชื่อนั้น ทั้งชีวิตจะทุ่มเท อุทิศ เสียสละให้กับความเชื่อของตนเอง

คำถามคือ เรากำลังดำเนินชีวิตตามความเชื่อที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ชัยชนะ หรือพ่ายแพ้ ล้มเหลวในความเชื่อ

พระเยซูคริสต์…พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์  ต้องใช้ความพยายามและความทรหดอดทน  คนที่จะผ่านไปถึงสุดเส้นทาง มีน้อย คุณจะเป็นคนในหมู่คนจำนวนน้อยนีหรือไม่….

มัทธิว 7:13-14 13 “จง​เข้า​ไป​ทาง​ประตู​แคบ เพราะ​ว่า​ประตู​ใหญ่ และ​ทาง​กว้าง​ซึ่ง​นำไป​ถึง​ความ​พินาศ และ​คน​ที่​เข้า​ไป​ทาง​นั้น​มี​มาก​14 เพราะ​ว่า​ประตู​ซึ่ง​นำไป​ถึง​ชีวิต​นั้น​ก็​คับ​และ​ทาง​ก็​แคบ ผู้​ที่​หา​พบ​ก็​มี​น้อย​

คริสตชนจึงต้องมีการชาร์ทพลัง ด้วยการอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ สามัคคีธรรมกับผู้เชื่อด้วยกัน อยู่ในสังคมความเชื่อ ร่วมรับใช้ เพื่อจะรักษาความเชื่อเอาไว้ และทำให้ความเชื่อที่มีอยู่เข็มแข็งมากยิ่งขึ้น จนถึงความทรหดอดทน ….เพื่อจะไปให้สุดถึงจุดหมายปลายทาง  เพราะจะมีคนเป็นอันมากออกนอกเส้นทาง ออกนอกกติกาความเชื่อที่สมบูรณ์ของพระเยซูคริสต์ และหลงไปกับโลกนี้

โคโลสี 1:9-11 9 เพราะ​เหตุ​นี้​นับตั้งแต่​วันที่​เรา​ได้​ยิน เรา​ก็​ไม่ได้​หยุด​ใน​การ​ที่​จะ​อธิษฐาน​ขอ​เพื่อ​ท่าน ให้​ท่าน​เพียบพร้อม​ด้วย​ความ​รู้​ถึง​พระ​ทัย​ของ​พระ​องค์ ใน​สรรพ​ปัญญา​และ​ใน​ความ​เข้าใจ​ฝ่าย​วิญญาณ​10 เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ประพฤติ​อย่าง​ที่​สมควร​ต่อ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​ทำ​ตน​ให้​เป็น​ที่​ชอบ​พระ​ทัย​พระ​องค์ ให้​เกิดผล​ใน​การ​ดี​ทุก​อย่าง และ​จำเริญ​ขึ้น​ใน​ความ​รู้​ถึง​พระ​เจ้า​11 ขอ​ให้​ท่าน​มี​กำลัง​มาก​ขึ้น​ทุก​อย่าง​โดย​ฤทธิ์​เดช​แห่ง​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์ ขอ​ให้​ท่าน​มี​ความ​ทรหด​ที่สุด และ​ความ​อดทน​ไว้​นาน​ด้วย​ความ​ยินดี​

พระเยซูคริสต์…พันธกิจความเชื่อที่สมบูรณ์  มุ่งทำกิจในผู้เชื่อทุกคน ที่ตอบสนองและรักษาเส้นทางนี้อย่างต่อเนื่อง สำรวจความเชื่อของเราว่า ยังอยู่ในกติกาของพระเยซูคริสต์อยู่หรือไม่

By admin