“จงรักษาจิตใจให้มั่นคง”
เอเฟซัส 6:13-18 13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้14 เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก15 และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า16 และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย17 จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า18 จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน
คำว่า อยู่อย่างมั่นคงในข้อ13 ของหนังสือเอเฟซัสนี้ ใช้คำกรีกแปลว่า ยืนอยู่ได้ น่าจะหมายถึง ไม่ล้มลง ในข้อ 14 ถัดมาก็ใช้คำเดียวกัน ในคำว่า จงมั่นคง ยังคงเป็นการย้ำว่า จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการดำรงชีวิตคริสเตียน ที่จะยืนอยู่ได้ ไม่ล้มลง
ท่ายืน เป็นท่าของการเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ในสงคราม หากย้อนกลับไปในข้อก่อนหน้าคือข้อ 12 คือการบอกกับคริสเตียนทั้งหลายว่า นอกจากการต่อสู้กับตัวเองที่ต้องชนะแล้ว ยังมีอีกการต่อสู้ในมิติที่เรามองไม่เห็น ก็คือ สงครามฝ่ายวิญญาณ
เอเฟซัส 6:12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า สนามรบที่สำคัญที่สุด คือความคิดที่เชื่อมต่อกับจิตใจของตัวเราเอง อ.เปาโลผู้เขียนพระคัมภีร์เอเฟซัสตอนนี้จึงเปรียบเทียบชุดออกศึกสงครามของคริสเตียนประกอบไปด้วย ความจริง ความชอบธรรม ข่าวประเสริฐ ความเชื่อ ความรอด และการอธิษฐาน นี่คือองค์ประกอบของการดำเนินชีวิตคริสเตียน ที่จะทำให้จิตใจของเราทั้งหลายสามารถต้านกับวันอันชั่วร้ายในยุคปัจจุบันนี้ได้
สุภาษิต4:23 จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ