“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…เปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น”
มนุษย์ทุกคน ตั้งแต่คลอดออกมา มีการเจริญเติบโต เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ เปลี่ยนและเปลี่ยน เพียงแต่ว่าจะดีขึ้น หรือแย่กว่าเดิม ไม่มีใครที่เป็นเหมือนเดิม สิ่งที่เห็นชัด คือการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เราไม่ต้องคาดหวังให้เด็กเติบโต เพราะว่า เด็กๆจะเติบโต และเติบโต แม้จะกินมากหรือน้อย เพราะเขาอยู่ในวัยที่กำลังเติบโต เพียงแต่ว่า เขาจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ หรือไม่สมบูรณ์ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็กๆ ในแต่ละวัย จนถึงวัยโตเต็มที่ ที่เรียกว่า วัยหนุ่มสาว บางคนเรียกว่าหยุดเติบโตทางกายภาพ แต่ในด้านจิตใจกำลังเติบโต เปลี่ยนแปลงหรือไม่ เรามักจะเรียกการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจด้วยประสบการณ์ จากประสบการณ์หนึ่งสู่อีกประสบการณ์หนึ่ง ประสบการณ์ตั้งแต่วัยเด็กทำให้เขาเติบโตทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก แต่มีคำถามว่า อารมณ์ความรู้สึกนั้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และหยุดการเติบโตเมื่อไร แต่เราได้เห็นผู้ใหญ่มีอารมณ์เด็กก็ไม่น้อย สิ่งที่เราได้พบเห็นอารมณ์ความรู้สึกของคน คืออารมณ์ที่แปรปรวน คือเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเป็นผู้ใหญ่ เดี๋ยวเป็นเด็ก จะเรียกว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่แย่ลงหรือไม่ มีภาพเปรียบเทียบอารมณ์ความรู้สึกของเรา เหมือนกับน้ำใสที่มีตะกอนนอนก้น มีเวลาที่อารมณ์ดี และมีเวลาที่อารมณ์เสีย(ขุ่น) ในยามที่ถูกกวน เหมือนเอาไม้มากวนตะกอนที่นอนก้นให้ขึ้นมา ทำให้น้ำใสกลายเป็นน้ำขุ่น อย่างนี้ไม่เรียกว่า เปลี่ยน แต่คืออาการแปรปรวน เราเป็นอย่างนี้ไม๊ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น (เติบโต) ทางด้านอารมณ์ ยังแปรปรวนเหมือนเดิม พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง ไว้อย่างน่าสนใจ
2โครินธ์4:16 16 เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน
ฉบับแปล 2011 แปลคำว่า แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน ด้วยสำนวนว่า แต่สภาพภายในนั้นก็ได้รับการเปลี่ยนใหม่ทุกๆ วัน คำว่า จำเริญ หรือคำว่า รับการเปลี่ยนใหม่ ใช้คำว่า อนาไคนู (Renewed) ที่แปลว่า สิ่งใหม่ที่ไม่เคยเป็น (ความสดใหม่)
พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังบอกเราว่า มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และแย่ลง เมื่อถึงเวลาหนึ่ง ของความเสื่อมทั้งหลาย เราไม่สามารถหยุดการเปลี่ยนแปลงได้ เช่นฝ่ายร่างกาย แต่มีคำว่าชะลอความแก่ Anti aging แต่ยังไง คนเราก็ต้องเสื่อมถอยด้านความสวยความงาม ความอ่อนวัยภายนอก และจิตใจภายในก็เช่นกัน ก็มีปัจจัยมากมายที่จะทำให้เสื่อมถอยได้ เช่นศีลธรรม กำลังใจ หากเราไม่พยายามที่จะต่อสู้กับความชั่วร้ายทั้งหลาย Anti evils คำที่ใช้ในพระคัมภีร์คำว่า ไม่ย่อท้อ คือการไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วร้าย faint not ไม่ยอมอ่อนข้อ ไม่ยอมอ่อนแอ และไม่ยอมพ่ายแพ้ในทางจิตใจ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ไม่ถอดใจ ต้องสู้ๆ ที่จะทำดี
กาลาเทีย 6:9 9 อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร
คำว่า เมื่อยล้า ใช้คำกรีกคำเดียวกันกับย่อท้อ “อย่า” เมื่อยล้า “ไม่” ย่อท้อ คือสิ่งที่พระคัมภีร์กำลังหนุนใจเราทั้งหลายที่กำลังมุ่งหน้าสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ ….กับการเปลี่ยนที่ดีขึ้น และชี้ให้เราได้เห็นความจริงว่า ในการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่เรื่องง่าย มีแรงต้าน มีความรู้สึกที่เรียกว่า เจ็บผสมอยู่ด้วย
มีเรื่องเล่าว่า มีเด็กคนหนึ่งชื่อจอห์น หนีโรงเรียน แล้วครูก็รายงานให้ทางบ้านรู้ ทางพ่อแม่ ก็ลงวินัยลูกว่า ให้ขึ้นไปนอนบนห้องใต้หลังคาเป็นเวลาสามวัน ในคืนแรก เด็กน้อยนอนไม่หลับ ทั้งเหงา ทั้งกลัวความมืดของห้องใต้หลังคา พ่อของจอห์นก็นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วงลูกที่ยังเล็กที่ไม่เคยนอนคนเดียวในความมืดที่ห้องใต้หลังคา สุดท้ายพ่อก็คว้าหมอนขึ้นไปนอนที่ห้องใต้หลังคา และพบว่า เด็กน้อยจอห์นกำลังนอนร้องไห้ สะอึกสะอื้น พ่อเข้าไปปลอบและบอกว่า จำเป็นที่ลูกจะต้องถูกลงวินัย เพื่อลูกจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และพ่อก็มานอนข้างๆลูกเพื่อร่วมรับการลงวินัยกับลูก ลูกไม่ได้ถูกลงวินัยคนเดียว ลูกมีพ่ออยู่เคียงข้างด้วย
หมอนของพ่อ คือกางเขนที่พระเยซูทรงถูกตรึงเพื่อจะร่วมรับการลงวินัยร่วมกับเราทั้งหลาย ชีวิตที่จะเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น แน่นอน ย่อมมีความเจ็บปวดร่วมด้วย อันเนื่องจากสิ่งที่ไม่ดีในชีวิตของเราต้องถูกลิดออก ภาพที่พระเยซูตรัสว่า พระองค์เป็นเถาองุ่น และเราทั้งหลายเป็นแขนง
ยอห์น 15:1-2 1 “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา2 แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น
พระบิดาเป็นผู้ดูแล ตัดทิ้ง ลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น เวลาพระเจ้าทรงลิด ทรงตัด พระเยซูทรงเจ็บปวดร่วมกับเราทุกคน เพราะพระองค์ทรงเป็นส่วนหนึ่งกับเรา พระองค์ทรงยอมสลายพระองค์เองเพื่อจะต่อติดกับเรา แม้เราทั้งหลายจะรู้สึกว่าเรายังไม่ต่อติดกับพระองค์ในบางครั้งก็ตาม พระเจ้ากำลังทำให้เราทั้งหลายดีขึ้น ไม่ใช่แค่เปลี่ยนนิดๆ แต่เปลี่ยนชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า
อิสยาห์ 43:19 19 ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่ งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ เราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร และแม่น้ำในที่แห้งแล้ง
พระเจ้ากำลังเปลี่ยนเรา จากคำว่าไม่มีทาง กลายเป็นมีทาง จากที่แห้งแล้ง กลายเป็นความชุ่มชื่นที่ไม่ธรรมดา คือกลายเป็นแม่น้ำ ที่มีน้ำหล่อเลี้ยงคนอื่นด้วย
2โครินธ์ 5:17 17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
นี่คือสำนวนที่บอกว่า สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์….คือชีวิตที่เปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น อาเมน ให้เราพูดว่า “ฉันจะเปลี่ยน ฉันต้องเปลี่ยน และฉันสามารถเปลี่ยนได้”
ฟิลิปปี 4:13 3 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
และนี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าในการประทานกำลังเสริมให้กับเราเพื่อเราจะเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น และข้าพเจ้าอยากจะให้เราได้มองเห็นว่า มีArea หรือพื้นที่ที่เราจะต้องใช้กำลังมากเป็นพิเศษ (การเสริมกำลังจากพระเจ้า)
1.จัดการกับขยะอารมณ์ ฟิลิปปี 3:8,10
คำว่า ขยะ ใช้กับสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์สำหรับตนเอง วันนี้ในสูจิบัตร ข้าพเจ้าได้เขียนถึง สิ่งของมากมายที่คริสตจักรไม่ได้ใช้ ทั้งคนเอามาบริจาคก็เยอะ สำหรับเรามันไร้ประโยชน์ แต่กลายเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่น เราจึงมีการจัดการกับสิ่งของที่ไม่เป็นประโยชน์กับเราโดยการบริจาคให้กับสมาคมคนพิการ และของบางอย่างที่คริสตจักรบางแห่งยังขาดอยู่ คริสตจักรเรามีเกิน เราก็ส่งต่อไปให้คริสตจักรเหล่านั้น นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า การจัดการกับขยะ เมื่อเราจัดการออกไป เราได้พื้นที่ที่จะใช้สอยกลับคืนมา เป็นประโยชน์มากขึ้น เรียกว่า กำไร แต่ถ้าเราไม่จัดการกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ พื้นที่ที่จะใช้สอยถูกนำมาใช้เก็บ นั่นเรียกว่า ขาดทุน ซึ่ง อ.เปาโลได้ใช้คำเหล่านี้ ในการจัดการกับชีวิตการเป็นคริสเตียนของท่านเช่นกัน ในหนังสือฟิลิปปี
ฟิลิปปี 3:8,10 8 ยิ่งกว่านั้นข้าพเจ้าถือว่าทุกสิ่งเป็นการขาดทุน เพราะเหตุคุณค่าอันสูงยิ่งของการได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ข้าพเจ้ายอมขาดทุนทุกอย่าง และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนเศษขยะเพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์เป็นกำไร ….10 ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ และได้รับประสบการณ์ในฤทธิ์เดช เนื่องในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้น และร่วมทุกข์กับพระองค์ คือยอมตั้งอารมณ์ตายเหมือนพระองค์(2011)
ดังนั้น การจัดการกับขยะ (หยากเยื่อ ในฉบับแปล 1971) คือการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง การตั้งอารมณ์ตาย คือการจัดการกับขยะอารมณ์ คือรับสภาพเหมือนอย่างพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงตายต่อความปรารถนาของตนเอง มุ่งเป้าหมาย คือมีชีวิตอยู่เพื่อจิตวิญญาณของคนมากมาย นี่คือสิ่งที่เปาโลได้กล่าวต่อไปว่า
ฟิลิปปี 3:11 11 ถ้าเป็นไปได้ข้าพเจ้าก็จะได้เป็นขึ้นมาจากความตายด้วย
คำว่า เป็นขึ้นมาจากความตาย คือประสบการณ์ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คำว่า เป็นขึ้นมา (Resurrection) มาจากรากศัพท์คำว่า สร้างใหม่ beget , produce, create นี่คือกระบวนการก่อนการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น ต้องจัดการกับขยะ (หยากเยื่อ) ทางอารมณ์ จัดการด้วยวิธีเดียวคือ ต้องประหารให้ตาย เอาออกไป
ลูกา 6:41-42 41 เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านก็ไม่รู้สึก42 เหตุไฉนท่านจึงจะพูดกับพี่น้องของท่านว่า ‘พี่น้องเอ๋ย ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของเธอ’ แต่ที่จริงท่านเองยังไม่เห็นไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้
เมื่อวานข้าพเจ้าเห็นขยะลอยมาตรงข้างบ้านพอดี ก็เลยถือโอกาสช้อนออก ก่อนหน้านี้ รู้สึก ว่าขยะในคลองมีเยอะ แต่มันอยู่ไกล มันทำให้รำคาญ จะช้อนออกก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ลอยมาหน้าบ้าน แต่พอมันมาถึงหน้าบ้าน ก็สามารถช้อนออกได้ ขณะช้อนขยะไป ก็นึกถึงเพื่อนบ้าน (เจ้าของสวน) ที่ข้าพเจ้าได้เห็นเขาช้อนขยะออกจากคลองเช่นกัน ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ทำไมเขาไม่ช้อนมันออก ก็เพราะมันยังไม่มาอยู่ตรงหน้า แต่ข้าพเจ้าเห็นและคอยมองขยะระยะไกลด้วยความรำคาญใจ บางที่ เพื่อนบ้านข้าพเจ้าก็คงจะคิดเหมือนกันว่า เมื่อเขาเห็นขยะลอยมาตรงบ้านข้าพเจ้า ทำไมข้าพเจ้าจึงไม่ช้อนออก ก็เพราะเวลานั้นข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ที่ริมคลอง ไม่ได้มองเห็นขยะลอยมาใกล้ เช่นเดียวกัน คำที่พระเยซูใช้ว่า ไม้ทั้งท่อนอยู่ในตาของเรา เรามักจะมองไม่เห็น เรามักมองเศษผง (ระยะไกล) ในตาของคนอื่น ขอให้เราเลิกที่จะติคนอื่น และหันกลับมารอคอยโอกาสที่จะจัดการกับขยะในตัวเอง และนี่คือการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น จัดการกับขยะอารมณ์ของตนเอง ก่อนอันดับแรก
2.เพิ่มพื้นที่หัวใจให้กว้างขึ้น 2เปโตร 1:5-8
5 เพราะเหตุนี้เอง ท่านจงอุตส่าห์จนสุดกำลังที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อ เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม6 เอาความเหนี่ยวรั้งตนเพิ่มความรู้ เอาขันตีเพิ่มความเหนี่ยวรั้งตน และเอาธรรมเพิ่มขันตี7 เอาความรักฉันพี่น้องเพิ่มธรรม และเอาความรักคนทั่วไปเพิ่มความรักฉันพี่น้อง8 ถ้าท่านทั้งหลายเพียบพร้อมด้วยของประทานเหล่านี้แล้ว ก็จะกระทำให้ท่านเกิดประโยชน์ และเกิดผลที่ได้ซาบซึ้งในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
คำที่เปโตรใช้คำว่า “เพิ่ม” มาจากรากศัพท์แปลว่า ยกขึ้น แข็งแรงขึ้น (ด้วยกำลังอย่างผู้ชาย) เราจะพบว่า พื้นที่ที่ต้องการให้เพิ่มขึ้น ได้แก่
1.1 ความเชื่อ จะต้องเข้มแข็งขึ้น ด้วยการเสริมด้วยคุณธรรม (ความดีงาม)
1.2 คุณธรรม จะต้องเข้มแข็งขึ้นด้วยการเสริมด้วยการเสริมด้วยความรู้ (ของพระเจ้า)
1.3 การรู้ (ของพระเจ้า)จะต้องเข้มแข็งขึ้นด้วยการเสริมด้วยความเหนี่ยวรั้งตน (การควบคุมตนเอง)
1.4 การควบคุมตนเอง จะต้องเข้มแข็งขึ้นด้วยการเสริมด้วยขันติ (ความอดกลั้น)
1.5 การอดกลั้น จะต้องเข้มแข็งขึ้นด้วยการเสริมด้วย ความยำเกรงพระเจ้า
1.6 ความยำเกรงพระเจ้า จะเข้มแข็ง ด้วยการเสริมด้วยความรักฉันท์พี่น้อง
1.7 และความรักฉันท์พี่น้อง จะเข็มแข็ง ด้วยการเสริมด้วยความรักคนทั่วไป (การทำดี ทำกุศลกับคนอื่นๆ)
จะเห็นว่า พื้นที่ของหัวใจ สามารถขยายได้ และไร้ขอบเขต ไม่จำกัดวงเฉพาะคนที่เรารัก แต่เราสามารถรักคนที่ไม่รู้จัก คนแปลกหน้าได้
ดาเนียล ชาวอินเดียมาเยี่ยมเรา อยู่กับเราสามสี่วันที่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เขาพูดแต่คำว่า เขาเป็นคนแปลกหน้า แต่ได้รับการดูแลใส่ใจจนเขาแปลกใจ ว่าทำไมเราจึงปฏิบัติกับเขาดียอดเยี่ยม จนถึงเวลาที่จะจากกัน เขาพูดว่า เขารู้สึกเหมือนกำลังจะออกจากคานาอัน เขาบอกว่า เขาได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของคนในคริสตจักรเราไม่ใช่แค่เรื่องที่พัก อาหาร เงิน แต่คือความมั่งคั่งในความรัก ในฝ่ายจิตวิญญาณ ข้าพเจ้าตอบคนบางคนว่า This is our signature นี่คือ ลักษณะเด่นของเรา อาเมน เรากำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และดีขึ้น เราเอาขยะออก และขยายพื้นที่ของหัวใจเราให้กว้างขึ้น สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ พร้อมที่จะต้อนรับคนทุกคนได้
ฮีบรู 13:1-2 1 จงให้ความรักฉันพี่น้องมีอยู่ต่อกันเสมอไป2 อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้า เพราะว่าโดยการกระทำเช่นนั้น บางคนก็ได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว
มีคำพูดหนึ่งกล่าว่า ถ้าเรารักคนที่เรามองเห็นไม่ได้ เราจะรักพระจ้าที่เรามองไม่เห็นได้อย่างไร ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราไม่รักพี่น้องของเรา เราจะรักคนอื่นได้อย่างไร
ให้พูดกับหัวใจของเรา “ฉันจะเปลี่ยน ฉันต้องเปลี่ยน และฉันสามารถเปลี่ยนได้ และฉันกำลังเปลี่ยน” ขอให้เราทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงของชีวิต จิตใจ อารมณ์ความรู้สึกที่ดีขึ้น อาเมน
“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…เปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น”
1.จัดการกับขยะอารมณ์
2.เพิ่มพื้นที่หัวใจให้กว้างขึ้น