“ผู้รับใช้ของพระคริสต์….นักสู้”
นักสู้วัวกระทิง มาธาดอร์ (สเปน) ที่วัวมันพุ่งเข้าหานักสู้วัวกระทิง ด้วยเหตุผลหนึ่ง คือการยั่วยุให้วัวพุ่งเข้าใส่ เราได้เห็นนักสู้วัวกระทิงตายเพราะถูกเขากระทิงขวิดจำนวนไม่น้อย เป็นกีฬาหนึ่งของคนสเปน ไม่น่าดูเท่าไร แต่รู้ไม๊ว่า ในชีวิตประจำวันของเรา เราอาจเป็นเหมือนนักสู้วัวกระทิงที่ยั่วยุให้คนบางคนวิ่งเข้าใส่เพื่อจะใช้เขาขวิดเรา (บางคนอาจทั้งตั้งใจ และบางคนดำเนินชีวิตอย่างคนไม่ใส่ใจ) พระคำของพระเจ้ามาถึงเราในวันนี้ จากนหนังสือ
2ทิโมธี 2:24 ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน
ผู้รับใช้ของพระเจ้า ในนี้ใช้คำว่า ดูลอส พี่น้องจำได้ไม๊ คำว่า ดูลอส แปลว่า ทาสที่ถูกผูกพันไว้กับเจ้านาย ในความหมายของพระเยซูที่ใช้คำนี้ หมายถึงทาสสมัครใจ คือเลือกที่จะผูกพันกับเจ้านายตลอดไป (ผูกพันกับพระเยซูด้วยใจ) ในหนังสือทิโมธีตอนนี้ใช้คำว่าดูลอส เพื่อเรียกผู้รับใช้ของพระเจ้า (ผู้รับใช้ของพระคริสต์) ผู้รับใช้สมัครใจ เต็มใจ ในการติดตามพระเยซูคริสต์ (พี่น้องทุกคนเต็มใจใช่ไม๊?) หรือถูกใครบังคับให้มาโบสถ์ ข้าพเจ้าหวังใจว่า คงจะไม่มีใครรู้สึกอย่างนั้น
ผู้รับใช้ของพระคริสต์เป็นนักสู้ ไม่ใช่นักทะเลาะวิวาท คำว่า ทะเลาะวิวาท ที่พระคัมภีร์ตอนนี้ใช้ ในรากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า ทำสงคราม และที่น่าสนใจว่า ในประโยคเดียวกันของพระคัมภีร์ตอนนี้ ได้แสดงความตรงกันข้ามกับการทะเลาะวิวาท ด้วยคำว่า มีใจเมตตาต่อทุกคน
ในสนามรบที่มีการทำสงคราม ไม่มีความเมตตา ผู้รับใช้ของพระคริสต์ (คือพวกเราทุกคน) ต้องไม่ใช่นักทำสงคราม พระคัมภีร์ยากอบได้กล่าวถึงคำว่า ต่อสู้ ให้เราต่อสู้กับมาร และคำว่า ต่อสู้ ในรากศัพท์ภาษากรีก ก็ไม่ได้แปลว่าทำสงคราม
ยากอบ 4:7 7 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงน้อมใจยอมฟังพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร และมันจะหนีท่านไป
แต่คำว่า ต่อสู้ ที่ยากอบใช้ในข้อนี้ แปลว่า ยืนตรงกันข้ามกับมาร ไม่อยู่ฝ่ายเดียวกันกับมาร ไม่มีพฤติกรรมอย่างมาร มารไม่มีความเมตตา มารโหด และพร้อมที่จะกัดกินตลอดเวลา
1เปโตร 5:8 8 ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้
1ปต. 5:9 จงต่อสู้กับศัตรูนั้นด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ เพราะว่า พวกพี่น้องทั้งหลายของท่านทั่วโลก ก็ประสบความทุกข์ลำบากอย่างเดียวกัน
ในข้อ 9 ของหนังสือเปโตรบทนี้ ก็ใช้คำเดียวกันกับยากอบ คือคำว่า ต่อสู้ (ยืนคนละข้างกับมาร)
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…นักสู้ แปลว่า ต้องต่อสู้กับมาร ยืนคนข้างกับมาร และอยู่ข้างเดียวกันกับพระเจ้า อยู่ฝ่ายเดียวกันกับคนของพระเจ้า อยู่ฝ่ายเดียวกันกับครอบครัวของพระเจ้า
เราอยู่ในยุคที่มีความแบ่งแยกมากๆ มีการสร้างค่านิยมของการแบ่งแยก เรื่องความชื่นชอบ ความไม่ชอบ การสร้างความรู้สึกที่ไม่อยากเหมือนใคร ไม่อยากเลียนแบบใคร ไม่อยากให้ใครเหมือน จนเอาเรื่องการแข่งขัน มาเป็นเครื่องมือของการสร้างความแตกต่าง ทั้งๆที่เป้าหมายคือการสร้างความสามัคคี สุดท้ายจบลงด้วยการทะเลาะกันก็มีไม่น้อย
2ทิโมธี 2:24 ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน
รากศัพท์คำว่า ทะเลาะวิวาท ที่แปลว่า ทำสงคราม ไม่ใช่วิสัย ไม่ใช่ลักษณะคนของพระเจ้าเลย พระเยซูทรงตรัสสอนในคำเทศนาบนภูเขาตอนหนึ่งว่า
มัทธิว 5:9 9 “บุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตร
คำว่า ผู้สร้างสันติ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Peacemaker ภาษาชาวบ้าน ใช้สำนวนว่า ผู้สงบศึก ผู้หยุดสงคราม คริสเตียนเป็นลูกพระเจ้า เราต้องเป็นผู้สงบศึก ผู้หยุดสงคราม แต่ที่เราเห็นในชีวิตคริสเตียนไม่น้อย (ไม่รู้ว่า พวกเราเป็นแบบนี้ไม๊) ตอนอยู่โบสถ์ ดูหน้าตาแต่ละคนเป็นผู้สงบศึก ผู้หยุดสงคราม แต่อยู่บ้าน ไม่รู้ว่า เป็นผู้ก่อสงคราม เป็นเหมือนนักสู้วัวกระทิง ยั่งยุให้วัวกระทิงอยากจะพุ่งเข้าใส่ตลอดเวลาหรือเปล่า
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…นักสู้ กับมารเท่านั้น คืออยู่คนละข้างกับมาร แต่ถ้าเราเป็นนักสู้กับวัวกระทิงหรือเป็นวัวกระทิง เราอาจจะอยู่ข้างเดียวกันกับมาร มารจะยืนเชียร์อยู่ข้างสนาม บ้านกลายเป็นสนามสู้วัวกระทิง
ความจริง พื้นที่ต่อสู้กับมาร อยู่ทุกที่ โดยเฉพาะที่บ้าน เราต้องทำให้บ้านของเราเป็นพื้นที่ต่อสู้ (คนละฝ่ายกับมาร) โดยการทำให้เกิดพื้นที่ของการอธิษฐานด้วยกัน (มารไม่ชอบคริสเตียนที่อธิษฐาน เพราะว่า พื้นที่ของมารจะหายไป เราต้องทำให้ชีวิตของเราเป็นพื้นที่ที่มารไม่สามารถมาตั้งป้อมค่ายในชีวิตของเราได้
2โครินธ์ 10:4-5 4 เพราะว่าศาสตราวุธของเราไม่เป็นฝ่ายโลกียวิสัย แต่มีฤทธิ์เดชจากพระเจ้า อาจทำลายป้อมได้5 คือทำลายความคิดที่มีเหตุผลจอมปลอม และทิฐิมานะทุกประการที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และน้อมนำความคิดทุกประการให้เข้าอยู่ใต้บังคับจนถึงรับฟังพระคริสต์
ป้อมค่ายความคิดเหตุผลจอมปลอม และทิฐิมานะทุกอย่าง ทำให้เรากลายเป็นนักสู้วัวกระทิง ไม่ใช่นักสู้กับมาร
2ทิโมธี 2:24 ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน
มีวิธีที่เราจะรับมือและปรับปรุงแก้ไขตนเองสามด้าน
1.มีใจเมตตาต่อทุกคน (ทุกบุคคลิก) 2ทิโมธี 2:24ก
…แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน…
อยากทำความเข้าใจกับพวกเราคำว่า ทุกบุคคลิก ในภาษานักจิตวิทยา ใช้คำเรียกบางคนที่มีหลากหลายบุคคลิก (อารมณ์ดีดูเป็นคนเดิม อารมณ์ไม่ดีก็ดูเป็นอีกคน) ผู้รับใช้ของพระคริสต์ต้องคงเส้นคงวา ไม่เต้นไปตามบุคคลิกที่เปลี่ยนไปของคนที่อยู่ตรงหน้า นั่นคือความคงเส้นคงวาของการมีใจเมตตาต่อทุกคน(ทุกบุคคลิกอารมณ์ของคน)
คำว่า เมตตา ตรงนี้ รากศัพท์ภาษากรีก แปลว่า อ่อนโยน สุภาพ ไม่ก้าวร้าว ไม่หยาบคาย ไม่ใช่ลักษณะของนักรบในสงครามเลย เราจะเห็นลักษณะนี้ที่เด่นชัดในพระเยซูคริสต์ เวลามีพวกฟาริสี ธรรมาจารย์มาจับผิดพระเยซู พระเยซูไม่ก้าวร้าว ไม่แก้แค้น ไม่อคติ ไม่ลำเอียง พระเยซูยังคงยืนอยู่ฝ่ายพระเจ้า เมื่อเวลามารซาตานมาทดลองพระเยซู ชักชวนให้พระเยซูอยู่ฝ่ายเดียวกันกับมาร พระเยซูทรงแสดงการต่อต้านอยู่คนละฝ่ายกับมารทันที แม้แต่เปโตรที่มีความคิดอย่างมาร พระเยซูก็ขนาบมาร พระเยซูไม่ได้ไล่เปโตรไป เปโตรยังถูกพระเยซูพาไปที่ต่างๆด้วยตลอดเวลา
ในชีวิตจริงของเรา ดูจะยากที่เราจะคงเส้นคงวากับอารมณ์ของคนที่แปรปรวน และยั่วยุเราให้เรากลายเป็นวัวกระทิงที่พร้อมจะตอบสนองต่อการยั่วยุ ในชีวิตจริงของเรา เราอาจต้องเผชิญกับนักสู้วัวกระทิง ที่ต้องการจะทำให้เราเป็นวัวกระทิง เราจะทำอย่างไร ที่เราจะมีใจเมตตาต่อทุกคน (ทุกอารมณ์ของคน)ที่ไม่ง่ายเลย นักสู้วัวกระทิงบางคน (ใช่คุณหรือเปล่า) ชำนาญมากในการกระตุ้นต่อมอยากจะตอบโต้ อยากจะให้ทำบาป วิธีของคนที่ไม่มีพระเจ้า เขาก็จะแยกตัวเอง (หนีไปสันโดษ) คำว่า คน แปลว่า ยุ่ง มีแต่ปัญหา ปลีกวิเวกดีกว่า (บางทีก็ใช้ได้ผล บางทีก็ใช้ไม่ได้ผล)
แต่เรารู้หรือไม่ว่า วิธีของพระเจ้า (พระคัมภีร์แนะนำ) คืออย่าคบ (คนที่เป็นเหมือนนักสู้วัวกระทิง)
1โครินธ์ 5:8-11 8 เหตุฉะนั้นให้เราถือปัสกานั้น มิใช่ด้วยเชื้อเก่า ซึ่งเป็นเชื้อของความชั่วช้าเลวทราม แต่ด้วยขนมปังที่ไม่มีเชื้อ คือความจริงใจและสัจจะ 9 ข้าพเจ้าได้เขียนจดหมายบอกท่านแล้วว่า อย่าคบคนที่ล่วงประเวณี10 แต่ซึ่งท่านจะคบคนชาวโลกนี้ที่เป็นคนล่วงประเวณี คนโลภ คนฉ้อโกงหรือคนถือรูปเคารพข้าพเจ้ามิได้ห้ามเสียทีเดียว เพราะว่าถ้าห้ามอย่างนั้นแล้ว ท่านก็ต้องออกไปเสียจากโลกนี้11 แต่ข้าพเจ้าเขียนบอกท่านว่า ถ้าผู้ใดได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องแล้ว แต่ยังล่วงประเวณี เป็นคนโลภ เป็นคนถือรูปเคารพ เป็นคนปากร้าย เป็นคนขี้เมา หรือเป็นคนฉ้อโกง อย่าคบคนอย่างนั้น แม้จะกินด้วยกันก็อย่าเลย
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…นักสู้ ต้องอยู่คนข้างกับมาร เราอยู่ในโลกนี้ เราต้องแตกต่างจากชาวโลก แต่ในการสร้างความแตกต่าง ไม่ใช่เราแยกตัวเราเออกจากชาวโลก การสร้างความแตกต่าง คือเราต้องสร้างความแตกต่างเมื่อเราเข้ามาในอาณาจักร(คริสตจักร) เมื่อเราเป็นคริสเตียนแล้ว เราต้องเลิกนิสัยเก่า เชื้อเก่าทั้งหลาย
…ถ้าผู้ใดได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องแล้ว แต่ยังล่วงประเวณี เป็นคนโลภ เป็นคนถือรูปเคารพ เป็นคนปากร้าย เป็นคนขี้เมา หรือเป็นคนฉ้อโกง อย่าคบคนอย่างนั้น แม้จะกินด้วยกันก็อย่าเลย
คนที่เป็นเหมือนนักสู้วัวกระทิง หรือผู้ก่อความไม่สงบ ไม่ได้ยุติ หรือหยุดสงคราม ทำให้เกิดความวุ่นวายภายในคริสตจักรด้วยพฤติกรรมอย่างชาวโลก การล่วงประเวณี ของคริสเตียนก่อให้เกิดความไม่สงบ การโลภก็ก่อให้เกิดความไม่สงบ การถือรูปเคารพก็เหมือนชักศึกเข้าบ้าน ชักมารเข้าคริสตจักร คนปากร้าย ทำให้คนทำสงครามกับคน คนขี้เมา ยิ่งทำอะไรที่ขาดสติ และแน่นอน ยากที่จะสร้างสันติ คนมีสติเท่านั้นที่จะสร้างสันติได้ และคนฉ้อโกง ทำให้เกิดเชื้อของความแตกแยก เป็นเชื้อของความไม่จริงใจที่อยู่ภายในคริสตจักร ทั้งหมดนี้ พระคัมภีร์เตือนว่าอย่าคบ หรือแม้แต่จะกินข้าวด้วย แปลว่า อย่าใช้เวลา อย่าฟัง อย่าทำให้คนเหล่านี้ เข้าใจผิดคิดว่า เรายอมรับพฤติกรรมของพวกเขา
สุภาษิต 26:4-5 4 อย่าตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา เกรงว่าเจ้าเองจะเป็นเหมือนเขาเข้า 5 จงตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา เกรงว่าเขาจะฉลาดในสายตาของเขาเอง
ผู้รับใช้ของพระคริสต์…นักสู้ ที่อยู่ตรงกันข้ามกับมาร ไม่ใช่นักสู้วัวกระทิง หรือกลายเป็นวัวกระทิง ที่ก้าวร้าย หยาบคาย
2.เป็นครูที่ฉลาด (ไม่ใช่ทุกคนที่จะสอนได้)2ทิโมธี 2:24ข
…เป็นครูที่เหมาะสม….
ในรากศัพท์ของคำว่า ครูที่เหมาะสม ใช้คำว่า ฉลาดในการสอน นั่นหมายความว่า ไม่ใช่ตั้งท่าจะสอนอย่างเดียว ในขณะที่คนฟัง ไม่พร้อมที่จะฟัง อันนี้ เรียกว่าตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เราหลายคน ตำน้ำพริกหมดไปกี่ครกแล้ว ยังไม่มีการตอบสนองที่ดีกลับมา ในทางตรงกันข้าม ยิ่งเกิดการต่อต้าน ฟังคำสอน คำแนะนำ อย่างเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา นิ่ง เฉย ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น นี่คืออาการแบบเด็กที่อยู่ในผู้ใหญ่ เป็นเรื่องของบาดแผลภายใน ที่ต้องบำบัด เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่เสียหาย ที่ต้องจัดการอันดับแรก ก่อนที่จะยัดเยียดคำสอน คำแนะนำ
สุภาษิต 29:11 11 คนโง่ย่อมให้ความโกรธของเขาพลุ่งออกมาเต็มที่ แต่ปราชญ์ย่อมยับยั้งโทสะไว้เงียบๆ
การเป็นครูที่ฉลาด ต้องไม่สอนตอนถูกยั่วยุให้เป็นวัวกระทิง เงียบไว้ ดีที่สุด และรออารมณ์นักสู้วัวกระทิงสงบ กลายเป็นอารมณ์ของผู้สร้างสันติเมื่อไร ก็นั่นแหละเขาพร้อมจะรับฟังคำสอนที่ดีๆได้แล้ว ผู้รับใช้ของพระคริสต์…นักสู้ ผู้อยู่คนฝ่ายกับมาร ต้องเป็นครูที่ฉลาด
3.อดทน (แม้จะโดดเดี่ยว)2ทิโมธี 2:24ค
….และมีความอดทน….
คำว่า โดดเดี่ยวนี้ หมายถึงการยืนหยัดอยู่ได้คนเดียวกับสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ชอบธรรม แม้ไม่มีแนวร่วม อันนี้ต้องฝึกและผ่านบททดสอบแต่ละขั้น รากศัพท์คำว่า อดทน ในข้อนี้ หมายถึง การพยายามที่จะยืนหยัดในความถูกต้อง เที่ยงธรรม เพื่อต่อสู้ ทนทุกข์กับแรงต้านที่ชั่วร้ายทั้งปวง พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงเรื่องระดับของการต่อสู้ที่สามารถจะทนได้
1โครินธ์ 10:13 13 ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้(2011)
ขอให้เราทั้งหลายเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์…นักสู้ที่อยู่คนฝ่ายกับมาร ไม่ใช่นักสู้อย่างวัวกระทิง หรือกลายเป็นวัวกระทิง มารต้องการทำให้ชีวิตของเราทุกคนอยู่กับความบาดเจ็บและส่งต่อบาดแผลให้แก่กันและกัน แต่พระเจ้าต้องการให้เราทุกคนหายดี บางครั้งพระเจ้าอนุญาตให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น (มารฉวยโอกาสนั้น) ก็เพื่อจะให้เราทุกคนรู้ว่า เรามีบาดแผลที่ต้องรักษา ต้องเยียวยา หยุดที่จะส่งต่อบาดแผล แต่จงยอมที่จะให้พระเจ้าเปิดแผลเพื่อใส่ยาให้กับเราทุกคน
มีคำหนึ่งที่พันธกิจเอลียาเฮ้าส์ Elijah house ได้กล่าวว่า บาดแผลเกิดจากครอบครัว การเยียวยาก็ต้องมาจากครอบครัว ขอให้เราทั้งหลายเข้าสู่การขับเคลื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคริสตจักรของเราในความเป็นครอบครัวเดียวกัน ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
“ผู้รับใช้ของพระคริสต์….นักสู้”
1.มีใจเมตตาต่อทุกคน (ทุกบุคคลิก)
2.เป็นครูที่ฉลาด (ไม่ใช่ทุกคนที่จะสอนได้)
3. อดทน (แม้จะโดดเดี่ยว)