“จากคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา” (From Ordinary to Extraordinary)
คลิปวิดีโอ เปโตรกับยอห์นพบขอทานหน้าพระวิหาร
1ยอห์น 5:4-5 4 เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก5 ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่น คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง
หนังสือหนึ่งยอห์น เขียนโดยยอห์น คือคนเดียวกัน กับยอห์นที่มีประสบการณ์เดียวกันกับเปโตร ตั้งแต่เริ่มต้น ยอห์นได้เห็นเปโตรเปลี่ยนไปคนละคน จากเปโตรที่ขี้กลัว และหนีเอาตัวรอด เมื่อครั้งพระเยซูทรงถูกจับก่อนไปตรึงที่กางเขน ยอหน์ที่เห็นเปโตรทุกชอต จากกลัว จากสงสัย และจนถึงไม่เชื่อว่าพระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย ยอห์นคนเดียวกันที่วิ่งไปยังอุโมงค์ฝังศพของพระเยซูกับเปโตร และวิ่งเร็วกว่าเปโตร ในเช้าวันอาทิตย์วันที่สามหลังจากถูกตรึง เมื่อมีคนมาบอกว่า มีคนมาขโมยเอาพระศพของพระเยซูไป
ยอห์น 20:1-10 1 วันอาทิตย์เวลาเช้ามืด มารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ฝังศพ นางเห็นหินออกจากปากอุโมงค์อยู่แล้ว2 นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตร และสาวกอีกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักนั้น และพูดกับเขาว่า “เขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าออกไปจากอุโมงค์แล้ว และพวกเราไม่รู้ว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน”3 เปโตรจึงออกไปยังอุโมงค์กับสาวกคนนั้น4 เขาวิ่งไปทั้งสองคน แต่สาวกคนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตรจึงมาถึงอุโมงค์ก่อน5 เขาก้มลงมองดูเห็นผ้าป่านวางอยู่ แต่เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน6 ซีโมนเปโตรตามมาถึงภายหลัง แล้วเข้าไปในอุโมงค์เห็นผ้าป่านวางอยู่7 และผ้าพันพระเศียรของพระองค์ไม่ได้วางอยู่กับผ้าอื่น แต่พับไว้ต่างหาก8 แล้วสาวกคนนั้นที่มาถึงก่อนก็ตามเข้าไปด้วย เขาได้เห็นและเชื่อ9 เพราะว่าขณะนั้นเขายังไม่เข้าใจข้อพระธรรมที่เขียนไว้ว่า พระองค์จะต้องฟื้นขึ้นมาจากความตาย10 แล้วสาวกทั้งสองก็กลับไปยังบ้านของตน
ความเป็นคนธรรมดา ของทั้งยอห์น และเปโตร ที่ไม่เข้าใจ เรื่องการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ พระศพของพระเยซูหายไป ต้องถูกขโมยแน่ ไม่มีทางที่พระเยซูตายแล้วจะฟื้น เพราะขนาดพระเยซูทรงอยู่บนไม้กางเขน พระองค์ยังลงมาเองไม่ได้ ความเป็นคนธรรมาดทำให้สาวกไม่เข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซู…. และเมื่อพระเยซูทรงปรากฏตัว หลังจากฟื้นขึ้นมาจากความตาย เป็นระยะๆตลอดสี่สิบวัน ก่อนที่พระองค์จะถูกรับไปบนฟ้าต่อหน้าต่อตาของสาวกและผู้เชื่อ
อ.เปาโลได้เขียนหนังสือ หนึ่งโครินธ์สำหรับคริสเตียนที่เมืองโครินธ์ถึงการปรากฏของพระเยซูหลังจากพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย เรียงลำดับตั้งแต่ เปโตร และสาวกที่เหลืออีกสิบสองคน(ยูดาสตายไปแล้ว คนที่สิบสองที่ถูกเลือกภายหลัง ก็มีประสบการณ์กับพระเยซู และปรากฏกับคนห้าร้อยคน ตาห้าร้อยคู่ ได้เห็นพร้อมๆกัน และกับยากอบพี่ชายของยอห์น และจนถึงตัวของอ.เปาโลเอง บุคคลที่อ.เปาโลได้กล่าวถึงเหล่านี้ ต่างเป็นคนธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา และแม้แต่เปาโลเองที่เคยคิดว่า สิ่งที่ตนเองมีพิเศษกว่าชาวบ้าน ท่านกลับเห็นว่า มันเป็นเพียงแค่หยากเยื่อ เมื่อเทียบกับประสบการณ์ในการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ได้เปลี่ยน คนธรรมดาให้ไม่ธรรมดา พระคัมภีร์ได้บันทึกในกิจการว่า….
กิจการ 4:13 13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญ ก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู”
เขาที่เห็นความกล้าหาญของเปโตรและยอห์น คือบรรดาผู้อาวุโส 70 คนที่ถูกคัดเลือกสรรมาจากบรรดาผู้ทรงวัยวุฒิ และคุณวุฒิทางด้านกฏหมาย ธรรมบัญญัติ และมีประสบการณ์ชีวิตที่เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม มีอำนาจในการลงมติตัดสิน คดีความ และปกครองคนยิวในเวลานั้น (แม้จะเป็นอาณานิคมของอาณาจักรโรมก็ตาม แต่โรมก็ได้มอบหมายให้ยิวปกครองกันเอง เพราะว่ากฏหมายของคนยิวแตกต่างจากชนชาติอื่นๆ) ดังนั้น สภานี้ ที่มีชื่อว่า สภาแซนเฮดดริน จึงเป็นเหมือนสภาสูงของคนยิว เปโตรและยอห์น เป็นคนบ้านนอกที่เรียกว่า ชาวกาลิลี เคยมีอาชีพประมง ในตอนนี้ มาประกาศเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ อย่างคนที่รู้ตีความพระคัมภีร์ที่กล่าวคำพยากรณ์ ถึงความรอดของชนชาติยิว และของคนทั้งโลก ดังประโยคที่ว่า….
กิจการ 4:12 12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”
ก่อนหน้านี้ เปโตรและยอห์นได้ทำสิ่งที่ไม่ธรรมดา ขณะที่ท่านทั้งสองได้ไปพระวิหารในเวลาบ่ายสามโมง เวลาปกติของคนยิวที่จะไปอธิษฐานที่นั่น ระหว่างทางก็พบกับคนขอทานขอเศษเงิน ท่านทั้งสองก็ถูกขอ ถูกมองอย่างคนธรรมดาที่น่าจะให้เงินกับขอทาน แต่ปรากฏว่า ท่านแย่กว่าคนธรรมดา คือไม่มีเงินติดตัวเลย แต่เปโตรและยอห์นได้ตอบขอทานว่า….
กิจการ 3:6 6 เปโตรกล่าวว่า “เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีอยู่เราจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด”
และขอทานก็ลุกขึ้นได้จริงๆ แถมวิ่งไปร้องสรรเสริญพระเจ้าไป และวิ่งเข้าไปในพระวิหาร ไปที่เฉลียงซาโลมอน ลองคิดดูว่า เวลาบ่ายสามโมง เป็นเวลาที่คนยิวมากมายจะมาที่นี่ เหมือนกัน คือมาอธิษฐาน แล้วพวกคนเหล่านี้ก็จำขอทานได้ว่า ขอทานคนนี้ เป็นง่อยเดินไม่ได้ตั้งแต่เกิด คนยิวพวกนี้ ก็มาพระวิหารตั้งแต่เกิดเหมือนกัน ตั้งแต่พ่อแม่พามา จนตัวเองโต ก็มากันเองได้ ขอทานง่อยหายง่อย และดีใจ ที่ตนเองได้เข้าไปพระวิหารได้อย่างคนอื่นๆ (เพราะตามธรรมบัญญัติ ของโมเสส ผู้ชายยิวจะเข้าบริเวณพระวิหารได้ ต้องมีครบสามสิบสองประการ) คนพิการเข้าไม่ได้ คนง่อยคนนี้ แน่ใจว่า เขาหายดีครบสามสิบสองประการ พร้อมเผชิญกับการตรวจสอบของปุโรหิต การได้เข้าไปในบริเวณพระวิหารเป็นยอดของความปรารถนาของผู้ชายยิว มันคือสิทธิ์เฉพาะ และความภูมิใจ ทีเดียว และผู้คนก็ถามว่า เกิดเรื่องนี้ได้อย่างไร คนขอทานก็เลยชี้ไปที่เปโตรกับยอห์น
และเปโตรกับยอห์นจึงต้องมายืนอยู่ต่อหน้าสภาแซนเฮดดริน และต้องตอบคำถามของเหล่าผู้ทรงคุณวุฒิวัยวุฒิเหล่านี้
กิจการ 4:8-10 8 ขณะนั้นเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์กล่าวแก่เขาว่า “ดูก่อน ท่านผู้ครอบครองพลเมืองและพวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย9 ถ้าท่านทั้งหลายจะถามข้าพเจ้าในวันนี้ ถึงการกุศลซึ่งได้ทำแก่คนป่วยนี้ว่า เขาหายเป็นปกติโดยเหตุอันใดแล้ว10 ก็ให้ท่านทั้งหลายกับบรรดาชนอิสราเอลทราบเถิดว่า โดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขน และซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คืนพระชนม์ โดยพระองค์นั้นแหละชายคนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าท่าน จึงได้หายโรคเป็นปกติ
เปโตรได้ตอบคำถามถึงการเปลี่ยนแปลง ขอทานง่อย ที่ป่วยคนนี้ หายเป็นปกติ เพราะพระนามของพระเยซูคริสต์ สาระสำคัญที่เปโตรได้กล่าวคือ พระเยซูทรงถูกตรึงให้ตายบนกางเขน และซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คืนพระชนม์ พระนามของพระเยซูคริสต์ มีฤทธิ์อำนาจ เพราะเป็นพระนามของพระเจ้าผู้มีชีวิต ไม่ใช่พระเจ้าที่ตายแล้ว ชีวิตได้ต่อชีวิต Life on Life และพระนามของพระเยซูคริสต์ได้ทำให้คนธรรมดา ไม่ธรรมดา
น่าสนใจว่า พระคัมภีร์กิจการตอนนี้ได้บันทึกว่า ขณะนั้นเปโตรประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ฉบับแปล2011 แปลว่า เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ Fill with Holy Spirit หมายความว่า อยู่ภายใต้การนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พูดตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้พูด
ก่อนหน้านี้ พระเยซูได้ตรัสกับเหล่าสาวกของงพระองค์ว่า เมื่อพระองค์เสด็จไป พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมา และอยู่ภายในผู้ที่เชื่อในพระองค์
ยอห์น 14:26-27 26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว 27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า คนเราจะมีสติได้ เมื่อมีความนิ่งสงบ คำว่า สันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้ ที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสในเวลานี้ peace เอเรเน่ เกิดจาก การทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเยซูคริสต์ทรงประทานให้กับสาวกของพระองค์ และสิ่งที่พิสูจน์ว่า สันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้มีอยู่จริงหรือไม่ ก็คือในวินาทีที่คับขัน ไม่รู้ว่าจะพูด คือคิดไม่ออก คนๆนั้นจะยังนิ่งสงบและทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำถ้อยคำในการพูดมาให้ พระเยซูทรงใช้คำว่า อย่ากังวล…. ถึงเวลา ก็จะมีถ้อยคำนั้นออกมา….
มัทธิว 10:19-20 19 แต่เมื่อเขาอายัดท่านไว้นั้นอย่าเป็นกังวลว่าจะพูดอย่างไร เพราะเมื่อถึงเวลาคำที่ท่านจะพูดนั้น พระเจ้าจะทรงประทานแก่ท่านในเวลานั้น20 เพราะว่าผู้ที่พูดมิใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นพระวิญญาณแห่งพระบิดาของท่านผู้ตรัสทางท่าน
จากคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา คือวิถีชีวิตของสาวกของพระเยซูคริสต์ สาวกแปลว่า ศิษย์ (นักเรียน) ศิษย์จะเป็นเหมือนอาจารย์ พระเยซูคริสต์ทรงมาบังเกิดเป็นคนธรรมดา เกิดในรางหญ้า ในครอบครัวที่ยากจน เกิดในความไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง เพื่อจะเป็นข่าวดีต่อคนธรรมดาๆว่า จากคนธรรมดานี่แหล่ะที่จะทำให้เป็นคนไม่ธรรมดาได้
1โครินธิ์ 1:26-31 26 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูว่า พวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง27 แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าโง่เขลา เพื่อทำให้คนมีปัญญาอับอาย และได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย28 พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไร้สาระ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ29 เพื่อมิให้มนุษย์สักคนหนึ่งอวดต่อพระเจ้าได้ 30 โดยพระองค์ ท่านจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะพระเจ้าทรงตั้งพระองค์ให้เป็นปัญญาและความชอบธรรมของเรา และเป็นผู้ทรงชำระเราให้บริสุทธิ์ และทรงเป็นผู้ไถ่เราไว้ให้พ้นบาป31 เพื่อให้เป็นไปตามพระคัมภีร์ที่เขียนว่า ให้ผู้โอ้อวด อวดองค์พระผู้เป็นเจ้า
จากคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับศึกษา ฐานะ ทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่ง แต่คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา คือคนที่มีความกล้าหาญ ที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ได้ อย่างผู้มีชัยชนะเหนือทุกเหตุการณ์ อย่างผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์
1ยอห์น 5:4-5 4 เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก5 ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่น คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง
ยอห์นผู้เขียนหนึ่งยอห์นตอนนี้ได้เห็นประจักษ์ความจริงของผู้ที่เกิดใหม่ในพระเจ้า ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ จากประสบการณ์ของท่านเอง และเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน คือเปโตรว่า พวกเขาเป็นคนธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา ที่เรียกว่า เป็นผู้มีชัยต่อโลก คำตอบอยู่ในข้อที่ 14-15
1ยอห์น 5:14-15 14 และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา15 และถ้าเรารู้ว่า พระองค์ทรงโปรดฟังเรา เมื่อเราทูลขอสิ่งใดๆ เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่เราทูลขอนั้นจากพระองค์
จากคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เป็นเหมือนคนที่มีแก้ววิเศษ ที่ขอสิ่งใด พระเจ้าจะประทานให้ การอธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ คือการเชื่อถึงสิทธิ์และอำนาจที่พระเจ้ามอบให้กับพระเยซูคริสต์ และนี่คือความหมายในพระมหาบัญชาที่พระเยซูคริสต์ทรงสัญญากับสาวกว่า พระองค์จะอยู่กับพวกเขาเสมอไป(ตลอดเวลา) จนกว่าจะสิ้นยุค แปลว่า รูปแบบที่ต้องใช้พระนามของพระองค์ สำแดงความเชื่อ จะจบลง และได้อยู่กับพระองค์จริงๆ บนฟ้าสวรรค์ จากคนไม่ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา (แบบชั่วคราว) จะกลายเป็นถาวร นิรันดร์กาล
พระมหาบัญชา
มัทธิว 28:18-20 18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
ดังนั้น ภารกิจที่พระเยซูทรงมอบหมายให้สาวกของพระองค์ทำ ก็คือ การประกาศนำคน ให้เป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ให้แตกต่างจากคนทั่วไป