“กำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจ…โดยเดชพระวิญญาณ”
เราเคยพิจารณากำลังของตัวเราเองไม๊ว่า เราสามารถยกของหนักได้เท่าไร บางคนถือถุงข้าวห้ากิโลได้สองถุง บางคนได้สามถุง แต่ยกนานไม่ได้ บางคอถือได้นานไปได้ไกล ไปได้เร็ว เมื่อวันจันทน์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปขี่จักรยานกับพี่น้อง โดยเฉพาะผู้ชาย ขี่ได้เร็วมาก แซงไปเลย ข้าพเจ้าไม่สามารถขี่เร็วอย่างพี่น้องผู้ชายเหล่านั้น แต่ถ้าให้ขี่ระยะทางไกล ข้าพเจ้ามั่นใจว่าสามารถไปได้ไกลกว่า ทนกว่า มีคำหนึ่งในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Not how fast but how far แปลว่า ไม่ใช่เร็วแค่ไหน แต่ไปไกลได้ขนาดไหนต่างหากที่สำคัญ โดยคุณไม่ล้มกระดาน หยุดหรือเลิกเสียกลางทางเพราะหมดแรง ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องของกำลังเรี่ยวแรงมากที่จะอดทนได้อย่างถึงจุดหมายปลายทาง ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจที่จะมีกำลังเรี่ยวแรงทานทนกับแรงกดดัน แรงกระแทก หรือสงครามเย็นที่คนที่ยังไม่หายดีมักจะใช้เพื่อตอบโต้จากความเจ็บปวดที่ตนเองได้รับ หนังสือสุภาษิต16:32 32 บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก และบุคคลผู้ปกครองจิตใจของตนเองก็ดีกว่าผู้ที่ตีเมืองได้ พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจ ที่สามารถควบคุมความโกรธ หรือปกครองจิตใจของตนเองต่อสิ่งที่มาเขย่า สิ่งที่มายั่วโทสะจากภายนอก นี่คือเหตุผลที่อ.เปาโลได้เขียนคำหนุนใจโดยเฉพาะสำหรับผู้ชาย 2โครินธ์ 2:8 8 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้ผู้ชายทั้งหลายอธิษฐานในที่ทุกแห่ง ด้วยใจบริสุทธิ์ ปราศจากโทโสและการเถียงกัน พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังบอกเป็นนัยว่า ผู้ชายที่ดูเข้มแข็ง ดูมีกำลังภายนอก แต่ภายในไม่สามารถปกครองจิตใจของตนเองได้ ความโกรธและการเถียงกัน คือความอ่อนแอ ไม่ใช่ความเข้มแข็ง คำแนะนำให้ผู้ชายอธิษฐานในที่ทุกแห่งด้วยใจบริสุทธิ์ คือการฝึกตนเองให้มีใจถ่อมต่อพระเจ้า เพื่อจะรับกำลังเรี่ยวแรงมากในจิตใจ เพราะพระเจ้าคือขุมพลังความเข้มแข็งของจิตใจที่แท้จริง และอ.เปาโลจึงได้บอกเหตุผลที่ท่านอธิษฐานเผื่อคริสเตียนในเมืองเอเฟซัสเรื่องของกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจดังนี้ เอเฟซัส 3:14-21 14 เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดา15 (คำว่า บิดา ของทุกตระกูล ทุกชาติ ในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกนี้ก็ดีมาจากคำว่า พระบิดา)16 ขอให้พระองค์ทรงโปรดประทานกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจแก่ท่าน โดยเดชพระวิญญาณของพระองค์ตามความไพบูลย์แห่งพระสิริของพระองค์17 เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อท่านได้วางรากลงมั่นคงในความรักแล้ว18 ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก19 คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม 20 ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ กระทำสารพัดมากยิ่งกว่าที่เราจะทูลขอหรือคิดได้ ตามฤทธิ์เดชที่ประกอบกิจอยู่ภายในตัวเรา21 ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักร และในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุคนเป็นนิตย์ อาเมน ในข้อ1 ของเอเฟซัสบทที่สามนี้คือเหตุผลที่อ.เปาโลเขียนถึงพี่น้องเอเฟซัส1 เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าเปาโล ผู้ที่ถูกจำจองเพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์เพื่อท่านซึ่งเป็นคนต่างชาติ เบื้องหลังที่อ.เปาโลต้องไปเป็นนักโทษถึงกรุงโรม เกิดขึ้นในกรุงเยรูซาเล็มที่คนยิวเข้าใจว่าเปาโลได้นำคนต่างชาติซึ่งเป็นชาวเมืองเอเฟซัสเข้าไปในพื้นที่พระวิหารที่ห้ามคนต่างชาติเข้า และได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาถูกจับและทำร้ายร่างกาย ความจริงอ.เปาโลได้สื่อสารและประกาศข่าวประเสริฐกับชาวเมืองเอเฟซัส แต่ไม่ได้พาเข้าไปในวิหารอย่างที่ถูกกล่าวหา สำหรับคนยิว การพูดจากับคนต่างชาติเป็นสิ่งที่คนยิวไม่ทำ คนยิวจะดูถูกคนต่างชาติเป็นเหมือนสุนัข เพราะคนต่างชาติมีวิถีชีวิตที่ไม่มีพระเจ้า กราบไหว้รูปเคารพอย่างงมงายไม่มีธรรมบัญญัติเหมือนคนยิว มีชีวิตที่แปดเปื้อนสกปรกกับของกินที่เป็นมลทิน ไม่มีสุขอนามัย เพราะธรรมบัญญัติของโมเสสจะสอนถึงการดำเนินชีวิตที่ถูกสุขอนามัย และมนุษยธรรม ศีลธรรมและให้แยกตัวออกจากคนต่างชาติเพื่อที่จะไม่ได้รับอิทธิพลจากวิถีการดำเนินชีวิตอย่างคนต่างชาติ เมื่ออ.เปาโลได้รับการทรงเรียกให้ประกาศกับคนต่างชาติ อ.เปาโลก็ทำหน้าที่ประกาศกับคนต่างชาติทุกคนโดยไม่ได้รังเกียจหรือดูถูกคนต่างชาติอย่างยิวอื่นๆ เหมือนที่พระเยซูได้ทรงสนทนากับหญิงสะมาเรีย และหญิงสะมาเรียก็สงสัยว่า พระเยซูเป็นยิวทำไมจึงคุยด้วยกับนาง นี่คือสปิริตเดียวกันของพระเยซูที่อ.เปาโลได้รับหลังจากอ.เปาโลได้กลับใจเป็นคริสเตียน และคือสิ่งที่อ.เปาโลได้เขียนในหนังสือเอเฟซัสนี้บทนี้ถึงความเข้าใจในความลึก สูง กว้าง ยาว ของความมั่นคงในความรักของพระคริสต์ที่อ.เปาโลอยากให้คริสเตียนเมืองเอเฟซัสมีประสบการณ์อย่างเดียวกันกับท่าน
1.เพื่อจะเข้ากับคนอื่นได้ เอเฟซัส 3:14-17
14 เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดา15 (คำว่า บิดา ของทุกตระกูล ทุกชาติ ในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกนี้ก็ดีมาจากคำว่า พระบิดา)16 ขอให้พระองค์ทรงโปรดประทานกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจแก่ท่าน โดยเดชพระวิญญาณของพระองค์ตามความไพบูลย์แห่งพระสิริของพระองค์17 เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ เพื่อว่าเมื่อท่านได้วางรากลงมั่นคงในความรักแล้ว คำว่า กำลังเรี่ยวแรงมาก ใช้ภาษากรีกคำเดียวกันกับในเอเฟซัส บทที่ 6 คำว่า จงมีกำลังมากในองค์พระผู้เป็นเจ้า คือการเชื่อมต่อกับผู้มีอำนาจสูงสุด แต่สำนวนในบทนี้ คือ การอธิษฐานขอให้ผู้มีอำนาจสูงสุดเชื่อมต่อให้ผู้ที่รับการอธิษฐานมีกำลังเรี่ยวแรงมาก อ.เปาโลตระหนักว่า ในฐานะผู้ชายที่เข้มแข็ง แกร่งกล้า สามารถในเรื่องธรรมบัญญัติอย่างเปาโลเอง ท่านรู้ว่า ไม่ง่ายที่จะเป็นคริสเตียนในสังคมที่มีแรงต้านสูงอย่างสังคมคนยิวที่ต่อต้านคนต่างชาติ ความจริงหนังสือเอเฟซัสได้กล่าวถึง The One New Manคนใหม่คนเดียวในพระคริสต์ นั่นคือไม่มียิว ไม่มีต่างชาติ อีกต่อไป แต่มีคนใหม่ที่ทั้งต่างชาติและยิวเป็นพี่น้องกัน เป็นคนของพระเจ้าอย่างเดียวเท่านั้น นี่คือสิ่งที่อ.เปาโลมองเห็นแผนการของพระเจ้า 6 นี่คือคนต่างชาติได้เป็นผู้รับมรดกร่วมกัน และเป็นอวัยวะของกายอันเดียวกัน และมีส่วนได้รับคำสัญญาในพระเยซูคริสต์โดยข่าวประเสริฐนั้น….9 และทำให้คนทั้งปวงเห็นแผนงานแห่งความล้ำลึก ซึ่งตั้งแต่แรกสร้างโลกทรงปิดบังไว้ที่พระเจ้าผู้ทรงสร้างสารพัดทั้งปวง10 ประสงค์จะให้เทพผู้ปกครองและศักดิเทพในสวรรคสถาน รู้จักปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้าทางคริสตจักร ณ บัดนี้ คริสตจักรมีความหลากหลายของคนต่างเชื้อชาติ ต่างพื้นเพ ต่างนิสัย แต่มาอยู่ด้วยกันได้ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่จะใช้พลังอำนาจความเป็นหนึ่งเดียวที่ครั้งหนึ่ง คนในยุคปฐมกาลเคยคิดจะใช้พลังนี้สร้างหอบาเบลเพื่อตนเอง แต่พระจ้าได้ทรงกระจัดกระจายเขาออกไป โดยที่เรื่องพลังความเป็นหนึ่งเดียวนั้นยังคงอยู่ แต่รอวันที่จะถูกใช้อีกครั้ง นั่นคือผ่านคริสตจักรที่พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นผู้สร้าง คริสตจักรจะไม่สร้างตัวเองให้สูงเทียมฟ้า แต่คริสตจักรถูกสร้างให้แบนราบ แผ่ขยายออกไปทั่วใต้ฟ้า จนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก คริสตจักรจึงประกอบไปด้วยความหลายหลายเชื้อชาติ ทุกชนเผ่า ทุกภาษา เป็นหนึ่งเดียว ใช้ภาษาเดียวคือภาษารัก ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย และนี่คือจุดเริ่มต้นของคริสตจักรในยุคเมื่อสองพันปีที่คนต่างชาติที่กลับใจใหม่จะต้องปรับตัวอยู่ด้วยกันกับคริสเตียนยิว หรือคริสเตียนยิวจะต้องปรับตัวเข้ากับคนต่างชาติ คนยิวอย่างเปาโลก็ต้องปรับตัวในความแตกต่างคนละขั้วเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในพระกายของพระคริสต์เดียวกัน มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ถ้าเราต้องการคนที่สมบูรณ์แบบในคริสตจักร เราจะไม่พบคนๆนั้นเลย คนที่สมบูรณ์แบบแปลว่า คนนั้นไม่มีจุดบกพร่องเลย ไม่มีตำหนิเลย มีคนขอให้ข้าพเจ้าอธิบายคำว่า บริสุทธิ์ จากพระคัมภีร์ที่ว่า 1 เปโตร1:15-16 15 แต่เพราะพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านทั้งหลายนั้นบริสุทธิ์ ท่านทั้งหลายจงประพฤติให้บริสุทธิ์พร้อมทุกประการ16 ดังที่มีพระวจนะเขียนไว้แล้วว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์ คำว่า บริสุทธิ์ ภาษากรีกตอนนี้ใช้คำว่า ฮากีออส แปลว่า บริสุทธิ์ สำหรับพระเจ้าคือความศักดิ์สิทธิ์ ความบริสุทธิ์ของพระเจ้า แปลว่า เข้าใกล้แล้วตาย แต่สำหรับมนุษย์ แปลว่าปราศจากตำหนิ ปราศจากสิ่งเจือปน เหมือนกับการหลอมทองคำหรือเงินให้บริสุทธิ์ มนุษย์จะบริสุทธิ์ปราศจากตำหนิด้วยการเข้าสู่เตาหลอมแห่งชีวิต ที่ทำให้รู้สึกร้อน รู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจ และเราอยากจะตอบสนองด้วยเนื้อหนัง นั่นคือการทำให้เรามองเห็นตำหนิในชีวิตของเรา กำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจคือการหยิบเอาสิ่งเจือปนนั้นออกจากชีวิตได้ สำนวนเดียวกันกับที่พระเยซูทรงใช้คือคำว่า เอาชนะตนเอง แต่อ.เปาโลได้ขยายความต่อไปว่า16 ขอให้พระองค์ทรงโปรดประทานกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจแก่ท่าน โดยเดชพระวิญญาณของพระองค์ตามความไพบูลย์แห่งพระสิริของพระองค์ การปรับตัวที่ยากที่สุดคือจิตใจภายใน ที่ต้องอธิษฐานขอพระเจ้าประทานกำลังเรี่ยวแรงภายใน ซึ่งคำศัพท์ภาษาอังกฤษใช้คำว่า The Inner Man แปลว่า ตัวในของเรา ในบทเรียนบำบัดภายในของ Elijah House ได้ใช้คำว่า Inner Man ตัวในของคนที่บาดเจ็บ อ่อนแอ เป็นเด็กตัวในที่ไม่มีกำลังเรี่ยวแรงที่จะต้านกับการถูกทำร้าย สร้างบาดแผล และความอ่อนแอของเด็กตัวในที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ ความคิด การกระทำของผู้ใหญ่ภายนอกในปัจจุบันของหลายๆคน ยามที่ถูกแรงกดดัน ถูกสะกิดแผลเมื่อไหร่ เด็กตัวในก็จะออกฤทธิ์กับคนนั้น ทำให้มีปัญหากับคนที่มาสะกิดแผลโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ คนที่เข้าใจเรื่องนี้ก็จะขอกำลังจากพระเจ้าเพื่อจะให้อภัยได้ง่าย แต่คนที่ไม่เข้าใจก็จะสะท้อนกลับเป็นปฏิเสธ และใช้บาดแผลของตนเองต่อสู้กับบาดแผลของคนอื่น นี่คือเหตุผลที่เราจะมีค่ายทะลุทะลวงและทำลายพันธนาการ..ในปลายเดือนนี้ เราต้องการกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจ..โดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต้องอธิษฐานและรับการอธิษฐาน มีคริสเตียนไม่น้อย ชอบสอน ชอบปรนนิบัติ แต่ไม่ชอบรับการปรนนิบัติ เพราะเข้าใจผิดคิดว่า การรับการปรนนิบัติสำหรับคนที่เป็นผู้ตามเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับผู้นำ แต่ความจริง เราได้พบว่า มีผู้นำจำนวนไม่น้อยที่ซ่อนความอ่อนแอของตนเองไว้ เพราะยิ่งอยู่สูง ยิ่งหนาว คือ ไม่มีใครที่จะรับฟัง รับได้กับความอ่อนแอของผู้นำ ทำให้ผู้นำขาดผู้ปรนนิบัติในมิติของความอ่อนแอของผู้นำนั้น และเมื่อเกิดเรื่องก็ล้มลงไปแล้ว ดังนั้น อย่าให้เราเข้าใจผิดคิดว่า ไม่เป็นไร แต่ความจริงคือ ยิ่งเราปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในมุมซ่อนตัวในสภาพไร้กำลังเรี่ยวฝ่ายจิตใจ (ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม) ยิ่งนานเท่าใด นั่นคือภาวะที่ไม่ปลอดภัย พระคัมภีร์เตือนว่า มารมันวนเวียนดุจสิงห์ที่จะคอยกัดกินและทำลาย มารรอคอยวันที่เราจะอ่อนแอ เราไม่รู้ว่าเราจะอ่อนแอ อ่อนไหว และถูกยั่ว ถูกยวน ถูกเขย่าเมื่อไร ให้เราสังเกตว่า อะไรที่ทำให้เราอ่อนไหว นั่นคือ มีมุมหนึ่งในจิตใจของตัวเราเองที่ไม่มีกำลังที่จะต้านทาน เราต้องการกำลังเรี่ยวแรงมากกับสิ่งนั้น…โดยเดชพระวิญญาณ เพื่อเราจะเข้ากับคนอื่นได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น ค่ายทะลุทะลวงและทำลายพันธนาการ จะมีบทเรียนที่เรียกว่า Soul ties แปลว่า การผูกพัน เข้ากันอย่างถูกต้อง กับไม่ถูกต้อง ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Godly Soul Ties กับ UnGodly Soul Ties เราจะต้องเข้ากับคนอื่นได้ อย่างถูกต้อง ถ้าไม่ถูกต้อง จะเข้ากันไม่นานก็จะมีเรื่องให้ต้องทำบาป ทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน พึ่งพาทางอารมณ์กัน เป็นต้น กำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจ…โดยเดชพระวิญญาณ ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่นแข็งแรง ไม่เปราะบาง เราต้องอธิษฐาน และเข้าสู่พันธกิจการอธิษฐาน รับการอธิษฐาน และไปทุกที่ด้วยการอธิษฐาน พันธกิจเอลียาห์เฮ้าส์จึงไม่เรียกตัวเองว่า พันธกิจบำบัดภายใน แต่ใช้ชื่อว่า พันธกิจการให้คำปรึกษาและการอธิษฐาน การอธิษฐานทำให้เรามีกำลังทำให้เด็กตัวในสูญสลายอิทธิพลในชีวิตของเราผ่านการอธิษฐาน ในคำอธิษฐานของอ.เปาโล ยังต่อด้วยการอธิษฐานด้วยความ….
2.คาดหวังความหยั่งรู้…ซาบซึ้ง…เกินความรู้..อย่างเต็มเปี่ยม เอเฟซัส 3:18-19
18 ท่านก็จะได้มีความสามารถหยั่งรู้พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก19 คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม อ.เปาโลคาดหวังให้สิ่งที่เกิดขึ้นจากคำอธิษฐานของท่านคือ ความหยั่งรู้ รากศัพท์คำนี้ แปลว่า ฉวยเอาไว้ได้ ครอบครองเป็นเจ้าของ คำว่า พร้อมกับธรรมิกชนทั้งหมด นั่นหมายความว่า เราไม่พลาดโอกาสที่จะเข้าใจ ไม่พลาดที่จะได้รับ ได้ใช้ความรักของพระคริสต์ในทุกโอกาส ทุกสถานการณ์ ด้วยกันกับผู้เชื่อคนอื่นๆทุกคน โดยเฉพาะบทเรียนชีวิตการอยู่ด้วยกันของคริสเตียน อ.เปาโลอธิษฐานขอให้คริสเตียนเมืองเอเฟซัสมีความสามารถนี้ ด้วยประสบการณ์กับความรักของพระเยซูคริสต์ที่ไม่มีใครเคยรู้จักความรักเช่นนี้มาก่อน เป็นความรักของพระบิดา ที่พระเยซูคริสต์เจ้าได้สำแดงผ่านพระกายของพระองค์ เป็นสิ่งใหม่ ที่ตัวในของแต่ละคนจะมีประสบการณ์ด้วยตนเอง เข้มแข็งเติบโตจากประสบการณ์ส่วนตัว และเส้นทางของประสบการณ์นั้นคืออย่างต่อเนื่องจนถึงความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์ ยิ่งมีประสบการณ์กับความรักของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ยิ่งไปต่อไม่มีจุดจบ ความรักของพระเจ้าเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่เราจะแสวงหา ด้วยความคาดหวัง ความหยั่งรู้…ซาบซึ้ง…เกินความรู้..อย่างเต็มเปี่ยม ทำให้เรามีความต้องการที่จะอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่แยกตัวออก หนีหายจากกันไป หนังสือกิจการได้บันทึกถึงความปรารถนาที่อยากจะใช้เวลาด้วยกันทุกวันตลอดวันของคริสเตียน กิจการ 2:43-47 43 เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์ และหมายสำคัญหลายประการ44 บรรดาผู้ที่เชื่อถือนั้นก็อยู่พร้อมกัน ณ ที่แห่งเดียว และทรัพย์สิ่งของของเขาเหล่านั้นเขาเอามารวมกันเป็นของกลาง45 เขาจึงได้ขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของ มาแบ่งให้แก่คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ46 เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวาง ทุกวันเรื่อยไป47 ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ นี่เป็นสังคมที่น่าอยู่ ไม่มีคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ มีความยำเกรงพระเจ้า มีการอัศจรรย์ท่ามกลางพวกเขา การหายโรค การเยียวยา การนมัสการ มีความเข้าใจกัน สิ่งเหล่านี้เกิดจากอะไร เกิดจากความหยั่งรู้…ซาบซึ้ง…เกินความรู้..อย่างเต็มเปี่ยม ทุกคนฉวยความเข้าใจที่เกิดขึ้นในการอยู่ร่วมกันและซาบซึ้งต่อกันและกัน สิ่งที่ทำให้เราคนอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะเราไม่ฉวยความเข้าใจ การไม่พยายามเข้าใจ คือการไม่ฉวยโอกาสที่จะเข้าใจ แต่เราปล่อยให้ความไม่เข้าใจทิ้งค้างไว้ และจะไม่ยอมเข้าใจอีกฝ่าย โดยเฉพาะคนที่ทำให้เรารู้สึกบาดเจ็บ คนที่ปฏิเสธเรา อ.เปาโลได้กำชับเรื่องนี้ในหนังสือเอเฟซัส 5:17-21 15 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา16 จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว17 เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นอย่างไร18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ19 จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่าน ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า20 จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา21 จงยอมฟังกันและกันด้วยความเคารพในพระคริสต์ อ.เปาโลได้ใช้คำว่า ฉวยโอกาสในที่นี้ คือการฉวยโอกาสที่จะเข้าใจ เพราะทุกวันนี้เป็นเวลาที่ชั่ว หมายถึงจะมีแต่การใช้ความไม่เข้าใจทำสิ่งที่ชั่ว คนที่ไม่เข้าใจ คือคนที่โง่เขลา ขาดความเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า ชัดเจน เลยว่า ขาดความหยั่งรู้ ปฏิเสธความซาบซึ้ง ปฏิเสธที่จะรับสิ่งที่เกินความรู้ จึงทำให้ไปไม่ถึงการ จะได้รับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
3.คาดหวังการถวายเกียรติแด่พระเจ้า เอเฟซัส 3:20-21
20 ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ กระทำสารพัดมากยิ่งกว่าที่เราจะทูลขอหรือคิดได้ ตามฤทธิ์เดชที่ประกอบกิจอยู่ภายในตัวเรา21 ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักร และในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุคนเป็นนิตย์ อาเมน คำอธิษฐานอ.เปาโลต้องการให้คริสเตียนทุกคนคาดหวังการถวายเกียรติแด่พระเจ้าผ่านชีวิตของเราทุกคน การถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการให้พระจเ้าทำกิจผ่านชีวิตของเรา มิใช่ด้วยกำลังของตัวเราเอง เพราะเราอ่อนแอ และมักจะโอ้อวดตัวเอง การโอ้อวดตัวเอง เป็นความพ่ายแพ้ การทำให้ตัวเองดีกว่าคนอื่น เป็นการแยกตัวเราเองออกจากคนอื่น เป็นการสร้างความแตกต่างที่แตกแยก แต่การโอ้อวดพระเยซูคริสต์คือชัยชนะ เราจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยชัยชนะขององค์พระเยซูคริสต์ในตัวของเรา 1ยอห์น5:1-5 1 ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ ผู้นั้นก็เกิดจากพระเจ้า และผู้ใดรักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด ผู้นั้นก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย2 โดยข้อนี้เราจึงรู้ว่าเรารักคนทั้งหลายที่เป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อเราทั้งหลายรักพระเจ้า และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์3 เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ4 เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก5 ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่น คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง พระคัมภีร์ตอนนี้ได้กล่าวถึงชัยชนะในองค์พระเยซูคริสต์นั่นคือ การใช้ประสบการณ์ในความรักของพระเยซู ด้วยการรักพระเจ้า รักคนที่เกิดจากพระเจ้าด้วย รักคนที่เป็นบุตรของพระเจ้า และแสดงความรักด้วยการประพฤติตามพระคัมภีร์ ไม่ใช่จากความอ่อนแอภายในของตนเองอีกต่อไป คนที่เกิดจากพระเจ้า ไม่ใช่เด็กตัวใน คนที่เกิดจากพระเจ้าไม่ใช่คนเก่า นิสัยเก่า แต่เป็นคนใหม่ นิสัยใหม่ ขอให้เราคาดหวังให้ชีวิตของเราถวายเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจ…โดยเดชพระวิญญาณ ด้วยประสบการณ์ความรักของพระคริสต์ด้วยตัวเอง และผ่านการอธิษฐานอย่างเดียว
“กำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจ…โดยเดชพระวิญญาณ”
1.เพื่อจะเข้ากับคนอื่นได้
2.คาดหวังความหยั่งรู้…ซาบซึ้ง…เกินความรู้..อย่างเต็มเปี่ยม
3.คาดหวังการถวายเกียรติแด่พระเจ้า