“ชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

เวลาเราพูดถึงคำว่า เป็นคนธรรมดานั้น หมายถึงคนที่ไม่มีตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง  ไม่ได้มีหน้ามีตา ไม่ได้มีชีวิตที่หรูหรา วิเศษวิโสอะไรกว่าใคร ก็คือคนธรรมดาสามัญ มนุษย์ที่เท้าติดดิน กินข้าวแกงจานละไม่กี่บาท และคำว่า ไม่ธรรมดานั้นก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของคนๆนั้นกลายเป็นเทวดา แต่ไม่ธรรมดานั้น แปลว่า น่าสนใจ เพราะในความธรรมดานั้น มีอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากคนธรรมดา ในขณะที่เขายังดำเนินชีวิตอย่างคนธรรมดา ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Remarkable คือมีความเด่น ความเหนือกว่าคนธรรมดา ซึ่งเงินทอง ชื่อเสียง และฐานะไม่สามารถบันดาลให้ได้  และคริสเตียนในยุคเมื่อสองพันปีที่แล้วได้สัมผัสชีวิตที่ไม่ธรรมดานี้หลังจากได้มีประสบการณ์กับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คนที่ได้พบเจอกับคริสเตียนในยุคนั้นถึงกับใช้สำนวนที่มีความหมายว่าไม่ธรรมดากับคริสเตียนในยุคนั้น ปรากฏในหนังสือ กิจการ 4:13-16  13 เมื่อ​เขา​เห็น​ความ​กล้า​หาญ​ของ​เปโตร​กับ​ยอห์น​ และ​รู้​ว่า​ท่าน​ทั้ง​สอง​ขาด​การศึกษา​และ​เป็น​คน​สามัญ ​ก็​ประหลาด​ใจ แล้ว​สำนึก​ว่า​คน​ทั้ง​สอง​เคย​อยู่​กับ​พระ​เยซู​14 เมื่อ​เขา​เห็น​คน​นั้น​ที่​หาย​โรค​ยืน​อยู่​กับ​เปโตร​และ​ยอห์น​ เขา​ก็​ไม่​มี​ข้อ​คัดค้าน​ที่​จะ​พูด​ขึ้น​ได้​15 แต่​เมื่อ​สั่ง​ให้​เปโตร​กับ​ยอห์น​อ​อก​ไป​จาก​ที่​ประชุม​แล้ว เขา​จึง​ปรึกษา​กัน​16 ว่า “เรา​จะ​ทำ​อย่างไร​กับ​คน​ทั้ง​สอง​นี้ เพราะ​การ​ที่​เขา​ได้​กระทำ​หมาย​สำคัญ​อัน​เด่น คน​ทั้ง​ปวง​ที่​อยู่​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​ก็​รู้​กัน​แล้ว​และ​เรา​ปฏิเสธ​ไม่ได้​ ชีวิตที่ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาจากการกระทำที่สำคัญอันเด่น คนเหล่านั้นสำนึกว่า คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดานี้เคยอยู่กับพระเยซู ที่คนในยุคนั้นใช้คำว่า พวกสาวกเคยอยู่กับพระเยซู เพราะพวกเขาคือคนที่ตรึงพระเยซูตาย และเห็นพระเยซูตายไปบนไม้กางเขนกับสายตา พวกเขาจึงใช้คำว่า เคยอยู่กับพระเยซู หมายถึงพระเยซูไม่อยู่แล้ว แต่คนที่เรียกเปโตรกับยอห์นว่า คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ไม่ได้มีประสบการณ์กับการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์อย่างเปโตรและยอห์น คำว่า สำนึกว่า คนเหล่านี้เคยอยู่กับพระเยซู คำว่าสำนึก รากศัพท์ภาษากรีก แปลว่า ได้เห็นเครื่องหมายบางอย่าง หรือสังเกตเห็นลักษณะที่เด่น 1โครินธ์ 2:14-15 14 แต่​มนุษย์​ธรรมดา​จะ​รับ​สิ่ง​เหล่า​นั้น ซึ่ง​เป็น​ของ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​พระ​เจ้า​ไม่ได้ เพราะ​เขา​เห็น​ว่า​เป็น​สิ่ง​โง่​เขลา และ​เขา​ไม่​สามารถ​เข้าใจ​ได้ เพราะ​ว่า​จะ​เข้าใจ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ได้​ก็​ต้อง​สังเกต​ด้วย​วิญญาณ​15 แต่​มนุษย์​ฝ่าย​วิญญาณ​วิจัย​สิ่ง​สารพัด​ได้ แต่​ไม่​มี​ผู้ใด​จะ​วิจัย​ใจ​คน​นั้น​ได้​ สิ่งที่ทำให้สาวกของพระเยซู คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาก็คือ เป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณที่วิจัยสิ่งสารพัดได้ คนที่เคยอยู่กับพระเยซูจะเป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณ นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากการเปลี่ยนศาสนา ถ้าคุณเปลี่ยนแค่จากศาสนาเดิมมาเป็นนับถือคริสต์ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์การอยู่กับพระเยซูคริสต์ คุณก็จะเห็นว่า ชีวิตของคุณก็ยังเหมือนเดิม คนรอบข้างก็เห็นคุณเหมือนเดิม เป็นแค่คนนับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับสำนวนที่อ.เปาโลใช้เรียกคนที่มีประสบการณ์กับพระเยซูคริสต์ในยุคนั้นว่า โรม16:19 การ​ซึ่ง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​เชื่อ​ฟัง​ก็​เลื่อง​ลือ​ไป​ถึง​หู​คน​ทั้ง​ปวง​แล้ว ข้าพเจ้า​จึง​มี​ความ​ยินดี​เพราะ​ท่าน​ทั้ง​หลาย ข้าพเจ้า​ใคร่​ให้​ท่าน​เชี่ยวชาญ​ใน​การ​ดี และ​ให้​เป็น​คน​ทึ่ม​ใน​การ​ชั่ว​ ตรงกันข้ามก็คือ ทึ่มในการดี และเชี่ยวชาญในการชั่ว ทึ่มในการดี คือความไม่สามารถวิจัยสิ่งสารพัดได้ อย่าว่าแต่สิ่งสารพัดเลย แม้แต่ความดีเล็กๆน้อยๆก็ไม่สามารถคิดได้  คำว่า วิจัยสิ่งสารพัดได้ คือสามารถเข้าใจจิตใจของคน จึงทำให้เชี่ยวชาญในการตอบสนองจิตใจของคนได้ คืออ่านจิตใจของคนอย่างทะลุ เหมือนกับเปโตรที่เพ่งมองดูคนง่อยและรู้ถึงความต้องการของคนง่อย คนง่อยวไม่ได้มีความต้องการแค่ของปากท้องเท่านั้น แต่ยังมีความต้องการคือการหายดี  มีคำภาษาอังกฤษคำว่า Concern ที่แปลว่าห่วงใย ภาษาอังกฤษมีสำนวนความหมายนี้ว่า Make them feel good about themselves not feel good about ourselves. แปลไทยว่า ทำให้คนๆนั้นรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเอง ไม่ใช่ทำให้เขารู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเรา ผู้ที่เชี่ยวชาญในการทำดี จะทำให้คนนั้นรู้สึกดีเกี่ยวกับตนเอง ไม่ใช่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ รู้สึกแย่ที่ช่วยตัวเองไม่ได้และต้องเป็นเบี้ยล่างคนอื่น คำสอนของพระเยซูคริสต์แก่สาวกของพระองค์ได้ให้ไว้อย่างนี้เช่นกัน มัทธิว5:16 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เหมือนกับ​ตะเกียง จง​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ทั้ง​ปวง เพื่อ​ว่า​เมื่อ​เขา​ได้​เห็น​ความ​ดี​ที่​ท่าน​ทำ เขา​จะ​ได้​สรรเสริญ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน ผู้​ทรง​อยู่​ใน​สวรรค์ คนที่ได้รับการปรนนิบัติ ได้รับความใส่ใจจากผู้เชี่ยวชาญในการดี จะรู้สึกว่า เขาอยากสรรเสริญพระเจ้า  การกระทำของเปโตรและยอห์น คือการพยุงให้คนง่อยลุกขึ้น แต่คนง่อยสรรเสริญพระเจ้า เพราะประสบการณ์กับพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า คนง่อยหายดี จึงวิ่งเข้าไปในบริเวณพระวิหาร กระโดดโลดเต้นและสรรเสริญพระเจ้า คนง่อยผู้มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระนามของพระเยซูไม่ได้มองเปโตรกับยอห์นเป็นผู้วิเศษ แต่คนที่ไม่มีประสบการณ์กลับมองดูเปโตรและยอห์นเป็นผู้วิเศษ เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้มีประสบการณ์กับพระนามของพระเยซู คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาจะรู้ว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาเด่นชัดคือพระเยซูคริสต์ มิใช่ด้วยตัวของเขาเอง กิจการ 3:12 พอ​เปโตร​แล​เห็น​ก็​กล่าว​แก่​คน​เหล่า​นั้น​ว่า “ท่าน​ชน​ชาติ​อิสราเอล​ทั้ง​หลาย ไฉน​ท่าน​พา​กัน​ประหลาด​ใจ​ด้วย​เรื่อง​ของ​คน​นี้ เขม้น​ดู​เรา​ทำไม​เล่า อย่าง​กับ​ว่า​เรา​ทำ​ให้​คน​นี้​เดิน​ได้​โดย​ฤทธิ์​หรือ​ความ​ชอบธรรม​ของ​เรา​เอง​ เปโตรสามารถวินิจฉัยความคิดวิธีมองของคนอีกกลุ่มหนึ่ง นี่คือความไม่ธรรมดาในชีวิตของคนที่ตระหนักว่า เขาคือคนธรรมดาที่ทำการอัศจรรย์ของพระเจ้า เราจะมาดูคริสเตียนรุ่นนำร่องชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของเปโตรและยอห์นในตอนนี้จากหนังสือกิจการ 3:1-10  1 ฝ่าย​เปโตร​กับ​ยอห์น​กำลัง​ขึ้น​ไป​จะ​เข้า​บริเวณ​พระ​วิหาร ใน​เวลา​อธิษฐาน​เป็น​เวลา​บ่าย​สาม​โมง​2 มี​คน​หนึ่ง​เป็น​ง่อย​ตั้งแต่​คลอด​ออกมา ทุก​วัน​คน​เคย​หาม​เขา​มา​วาง​ไว้​ริม​ประตู​พระ​วิหาร ซึ่ง​มี​ชื่อ​ว่า​ประตู​งาม เพื่อให้​ขอทาน​จาก​คน​ที่​จะ​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร​3 คน​นั้น​พอ​เห็น​เปโตร​กับ​ยอห์น​จะ​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร​ก็​ขอทาน​4 ฝ่าย​เปโตร​กับ​ยอห์น​เพ่ง​ดู​เขา​บอก​ว่า “จง​ดู​เรา​เถิด”5 คน​ขอทาน​นั้น​ได้​เขม้น​ดู คิด​ว่า​จะ​ได้​อะไร​จาก​ท่าน​6 ​เปโตร​กล่าว​ว่า “เงิน​และ​ทอง​เรา​ไม่​มี แต่​ที่​เรา​มี​อยู่​เรา​จะ​ให้​ท่าน คือ​ใน​พระ​นาม​แห่ง​พระ​เยซู​คริสต์​ชาว​นาซาเร็ธ จง​เดิน​เถิด”7 แล้ว​เปโตร​จับ​มือ​ขวา​ของ​เขา​พยุง​ขึ้น และ​ใน​ทันใด​นั้น​เท้า​และ​ข้อ​เท้า​ของ​เขา​ก็​มี​กำลัง​8 เขา​จึง​กระโดด​ขึ้น​ยืน​และ​เดิน​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร ด้วย​กัน​กับ​เปโตร​และ​ยอห์น​ เดิน​เต้น​โลด​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​ไป​9 คน​ทั้ง​ปวง​เห็น​เขา​เดิน​และ​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​10 จึง​รู้​ว่า​เป็น​คน​นั้น​ซึ่ง​นั่ง​ขอทาน​อยู่​ที่​ประตู​งาม​แห่ง​พระ​วิหาร เขา​จึง​พา​กัน​มี​ความ​ประหลาด​และ​อัศจรรย์​ใจ​อย่าง​ยิ่ง ใน​เหตุการณ์​ที่​เกิดขึ้น​แก่​คน​นั้น​    ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดาอย่างเปโตรและยอห์น คืออะไร

1.สายตาที่มองเห็นความต้องการของคนป่วย  กิจการ 3:1-7

1 ฝ่าย​เปโตร​กับ​ยอห์น​กำลัง​ขึ้น​ไป​จะ​เข้า​บริเวณ​พระ​วิหาร ใน​เวลา​อธิษฐาน​เป็น​เวลา​บ่าย​สาม​โมง​2 มี​คน​หนึ่ง​เป็น​ง่อย​ตั้งแต่​คลอด​ออกมา ทุก​วัน​คน​เคย​หาม​เขา​มา​วาง​ไว้​ริม​ประตู​พระ​วิหาร ซึ่ง​มี​ชื่อ​ว่า​ประตู​งาม เพื่อให้​ขอทาน​จาก​คน​ที่​จะ​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร​3 คน​นั้น​พอ​เห็น​เปโตร​กับ​ยอห์น​จะ​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร​ก็​ขอทาน​4 ฝ่าย​เปโตร​กับ​ยอห์น​เพ่ง​ดู​เขา​บอก​ว่า “จง​ดู​เรา​เถิด”5 คน​ขอทาน​นั้น​ได้​เขม้น​ดู คิด​ว่า​จะ​ได้​อะไร​จาก​ท่าน​6 ​เปโตร​กล่าว​ว่า “เงิน​และ​ทอง​เรา​ไม่​มี แต่​ที่​เรา​มี​อยู่​เรา​จะ​ให้​ท่าน คือ​ใน​พระ​นาม​แห่ง​พระ​เยซู​คริสต์​ชาว​นาซาเร็ธ จง​เดิน​เถิด”7 แล้ว​เปโตร​จับ​มือ​ขวา​ของ​เขา​พยุง​ขึ้น และ​ใน​ทันใด​นั้น​เท้า​และ​ข้อ​เท้า​ของ​เขา​ก็​มี​กำลัง    การมองของเปโตรและยอห์นสามารถอ่านความคาดหวังระดับตื้นและลึกของคนง่อยได้ ระดับตื้นคือความคาดหวังสิ่งที่เป็นเงินทอง ส่วนความคาดหวังระดับลึกนั่นคือ การหายดี เปโตรและยอห์นปฏิเสธความคาดหวังระดับตื้น จากความจำกัดของพวกเขาเอง ลองคิดดูว่า ถ้าพวกเขามีเงิน เขาก็คงจะให้เงินด้วย แต่เพราะพวกเขาไม่มี ต้องขอบคุณพระเจ้าที่เวลานั้น เปโตรและยอห์นไม่มีเงินจริงๆ ไม่ใช่คำโกหก แต่มันคือความจริง  บางครั้งพระเจ้าอนุญาตให้เราอยู่ในความติดขัด ไม่มี ทำให้เราใช้ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ถ้าเรามี เราก็จะคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ความเชื่อ พระเยซูสอนเรื่องการละความกระวนกระวายเรื่องปากท้อง เพื่อให้สาวกของพระองค์เรียนรู้การไว้วางใจพระเจ้า ดังนั้น จะมีบางครั้งที่เราจะต้องเข้าสู่ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้การไว้วางใจพระเจ้าในภาวะที่ไม่มี แต่ไม่ใช่ไม่มีตลอดไป มัทธิว 6:31-33  31 เหตุ​ฉะนั้น​อย่า​กระวน​กระวาย​ว่า จะ​เอา​อะไร​กิน หรือ​จะ​เอา​อะไร​ดื่ม หรือ​จะ​เอา​อะไร​นุ่ง​ห่ม​32 เพราะ​ว่า​พวก​ต่างชาติ​แสวงหา​สิ่งของ​ทั้ง​ปวง​นี้ แต่​ว่า​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​ทราบ​แล้ว​ว่า ท่าน​ต้อง​การ​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​เหล่า​นี้​33 แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​แสวงหา​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า และ​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระ​องค์​ก่อน แล้ว​พระ​องค์​จะ​ทรง​เพิ่ม​เติม​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​เหล่า​นี้​ให้ คำสอนของพระเยซูตอนนี้เพื่อให้เราเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ แต่จะไม่ธรรมดาเมื่อเราเผชิญกับเรื่องปากท้องด้วยสายตาอย่างคนที่ไว้วางใจการเลี้ยงดูของพระเจ้า โดยการเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังได้อย่างถูกต้อง  ทุกวันนี้ คนมากมายรวมทั้งคนของพระเจ้าเรียงลำดับไม่ถูกต้อง เอาเรื่องปากท้องมาก่อน ทำให้เป็นเหตุทำลายความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัว ทำลายความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า และกับตัวเอง เรื่องของปากท้องทำให้ตาใจของคนมืดบอด มองไม่เห็นความต้องการระดับลึกของคนอื่น มีความสามารถแค่มองเห็นความต้องการระดับตื้นเท่านั้น นี่คือความป่วยทางสายตาฝ่ายวิญญาณ พระเยซูได้ตรัสเรื่องนี้ว่า มัทธิว6:22-23  22 “ตา​เป็น​ประทีป​ของ​ร่างกาย เหตุ​ฉะนั้น​ถ้า​ตา​ของ​ท่าน​ปกติ ทั้งตัว​ก็​พลอย​สว่าง​ไป​ด้วย​23 แต่​ถ้า​ตา​ของ​ท่าน​ผิดปกติ ทั้งตัว​ของ​ท่าน​ก็​พลอย​มืด​ไป​ด้วย เหตุ​ฉะนั้น​ถ้า​ความ​สว่าง​ซึ่ง​อยู่​ใน​ตัว​ท่าน​มืด​ไป ความ​มืด​นั้น​จะ​หนา​ทึบ​สัก​เพียงใด​หนอ​ สายตาที่มองเห็นความต้องการของคนป่วย คือสายที่มีความสว่างสามารถมองเห็นความป่วยฝ่ายวิญญาณที่เป็นสาเหตุของความป่วยฝ่ายร่างกายได้ เมื่อเปโตรตอบความจริงว่า ตนเองไม่มีเงินเพื่อตอบสนองต่อขอทานง่อยได้ เปโตรไม่ได้เดินหนีไป แต่ได้ให้สิ่งที่เปโตรมี คือความเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสต์ ​6 ​เปโตร​กล่าว​ว่า “เงิน​และ​ทอง​เรา​ไม่​มี แต่​ที่​เรา​มี​อยู่​เรา​จะ​ให้​ท่าน คือ​ใน​พระ​นาม​แห่ง​พระ​เยซู​คริสต์​ชาว​นาซาเร็ธ จง​เดิน​เถิด”7 แล้ว​เปโตร​จับ​มือ​ขวา​ของ​เขา​พยุง​ขึ้น และ​ใน​ทันใด​นั้น​เท้า​และ​ข้อ​เท้า​ของ​เขา​ก็​มี​กำลัง ไม่เพียงให้ความเชื่อ แต่ลงแรงพยุงด้วยกำลังของตนเองด้วย ด้วยมือขวา คือส่วนที่มีกำลังอย่างตั้งใจที่สุดที่จะให้ความเชื่อของตนเองทำงาน ความเชื่อที่มีการประพฤติคือภาพนี้ กิจการ 4:12 ​ใน​ผู้อื่น​ความ​รอด​ไม่​มี​เลย ด้วย​ว่า​นาม​อื่น​ซึ่ง​ให้​เรา​ทั้ง​หลาย​รอด​ได้ ไม่​ทรง​โปรด​ให้​มี​ใน​ท่ามกลาง​มนุษย์​ทั่ว​ใต้​ฟ้า” รากศัพท์ภาษากรีกคำว่า ความรอดแปลว่า สมบูรณ์ สุขภาพดี (บำบัดรักษา) เปโตรได้พูดประโยคนี้ในบทต่อมาเพื่ออธิบายความหมายของความรอด หลังจากที่คนง่อยได้หายจากง่อยด้วยพระนามพระเยซูที่เปโตรใช้ความเชื่อด้วยพระนามนี้ เปโตรเข้าใจชัดเจนแล้วว่า ความรอดที่แท้จริง คือปัจจุบันมิใช่อนาคตอย่างเดียว ความรอดที่แท้จริง คือการหายดี ความรอดที่แท้จริงสามารถตอบโจทย์ชีวิตของคนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะที่ป่วย ช่วยตัวเองไม่ได้ ป่วยจนมองเห็นตัวเองอยู่รอดไปวันๆด้วยแค่เรื่องของปากท้อง แต่เมื่อเปโตรและยอห์นได้นำความรอดที่แท้จริงมาใช้กับคนง่อย คนง่อยหายดี มีกำลัง กระโดดขึ้นยืน คนง่อยเลิกสนใจเรื่องปากท้อง เพราะเปโตรและยอห์นได้เรียกให้คนง่อยมองดูเขาที่ธรรมดา แต่มีสิ่งที่น่าสนใจที่ไม่ธรรมดาคือพระนามพระเยซู  การเปลี่ยนมุมอง เปลี่ยนความสนใจเรื่องเงิน มาเป็นเรื่องตัวของคนง่อยที่จะยืนขึ้นได้ ทั้งพูดให้ได้ยิน ทั้งดึงให้ลุกขึ้น นี่คือความไม่ธรรมดาของเปโตรและยอห์น คนธรรมดาๆที่ไม่มีเงินทอง แต่มีสองมือ สองเท้า มีปาก มีความเชื่อในพระนามพระเยซูคริสต์ พวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่ เราไม่มีเงินทอง แต่เรามีสองมือ สองเท้า มีปาก และมีความเชื่อในพระนามของพระเยซู   เราได้ใช้ความเชื่อในพระนามพระเยซูเพื่อทำให้ชีวิตที่ธรรมดาของเราไม่ธรรมดาอย่างไร  เราเชื่อไม๊ว่า ความรอดที่เราได้รับ อยู่กับเราแล้วในตอนนี้ คือ ความสมบูรณ์และการบำบัดรักษา คำว่า ความรอดที่เรามักนำมาใช้กับอนาคต ว่าเราจะได้ตามพระสัญญาคือหลังจากเราตาย แล้วขณะที่เรามีชีวิตอยู่ ความรอดนี้ได้ทำอะไรกับเราได้บ้าง นี่คือสิ่งที่ผู้เข้าค่ายบำบัดภายในเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เรียนรู้  คือคำว่า หายดี เราสามารถหายดี หายจากเป็นง่อยฝ่ายวิญญาณได้ หลุดจากความขมขื่นได้  มุมมองชีวิตเปลี่ยนเพราะความรอดคือปัจจุบัน คือกระบวนการบำบัดรักษาเราให้แข็งแรง และยังทำให้เราเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา คือเราจะนำการรักษานี้ไปส่งต่อให้กับคนอื่นด้วย

2. แม้ไม่ธรรมดาแต่ยังเป็นคนธรรมดา กิจการ 4:8-10

8 เขาจึงกระโดดขึ้นยืนและเดินเข้าไปในพระวิหาร ด้วยกันกับเปโตรและยอห์น เดินเต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าไป9 คนทั้งปวงเห็นเขาเดินและสรรเสริญพระเจ้า10 จึงรู้ว่าเป็นคนนั้นซึ่งนั่งขอทานอยู่ที่ประตูงามแห่งพระวิหาร เขาจึงพากันมีความประหลาดและอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่คนนั้นชีวิตธรรมดาของคนง่อยกลายเป็นไม่ธรรมดาเมื่อเขาหายดี และเลิกขอทาน ไม่สนใจเรื่องปากท้องมากไปกว่าการเต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าในพระวิหาร เขาสามารถเข้าไปในพระวิหารได้ บริเวณพระวิหารไม่อนุญาตให้คนพิการซึ่งถือว่ามีตำหนิเข้าไป แต่คนง่อยได้เริ่มต้นชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปที่ปราศจากตำหนิ คือ หายดี และเข้าไปอธิษฐานและนมัสการพระเจ้าอย่างคนธรรมดาๆที่หายดี นี่คือความไม่ธรรมดาที่อยู่ในคนธรรมดา นี่คืออาการของคนที่ได้รับความรอดที่แท้จริง  เราลองจินตนาการใบหน้าของคนที่อยู่ในศาลที่ผู้พิพากษากำลังจะอ่านคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต แต่คำพิพากษากลับกลายเป็นไม่ประหารและมีอิสรภาพอีก คนที่รับคำพิพากษาจะมีใบหน้ายังไง หันไปมองคนข้างๆ แล้วถามว่า ตอนนี้หน้าของฉันเหมือนคนได้รับข่าวร้าย หรือข่าวดี  การตายของพระเยซูบนไม้กางเขน คือคำพิพากษาที่ได้เปลี่ยนจากการประหารชีวิตผู้ทำบาป ให้กลับเป็นรอดชีวิต คือเราทั้งหลาย คำพิพากษานี้ได้ประกาศตั้งแต่สองพันปีที่แล้ว แต่วันนี้ หน้าตาของพวกเราหลายคนที่นมัสการพระเจ้า เหมือนกำลังต้องคำพิพากษาอยู่ ไม่เหมือนคนง่อยที่หายดีที่กำลังเต้นโลดในพระวิหารสรรเสริญพระเจ้า ทำไมเราจึงไม่เหมือน ทำไมการเป็นคนธรรมดาของเราจึงไม่น่าสนใจสำหรับเพื่อนบ้านของเรา เพื่อนร่วมงานของเรา เพื่อนร่วมโรงเรียนของเรา เพื่อนลูกค้า เพื่อนธุรกิจของเรา เพราะหน้าตาของเราเหมือนคนที่กำลังจะถูกนำไปประหารหรือคนที่รอดจากการประหาร หน้าของเรากำลังชื่นชมยินดี หรือกำลังโกรธใครมาร้อยปี ชีวิตของเราเหมือนคนง่อยขอทานที่นั่งอยู่ที่ประตูงาม ไม่หายสักที ไม่สามารถเข้าไปนมัสการเหมือนคนหายดีได้  อยู่แค่หน้าพระวิหาร ไปไม่สุดในการนมัสการ เราเคยสังเกตคนที่กระโดดโลดเต้นในการนมัสการพระเจ้าไม๊ว่า พวกนี้บ้าหรือเปล่า ในขณะที่เราไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการนมัสการ ไม่รู้ใครบ้ากันแน่ เมื่อกษัตริย์ดาวิดนมัสการพระเจ้า ดาวิดโลดเต้นที่ท้องถนน 2ซามูเอล 6:16,20-23  และ​ขณะ​เมื่อ​หีบ​ของ​พระ​เจ้า​เข้า​มาถึง​เมือง​ดาวิด มี​คาล​ราช​ธิดา​ของ​ซาอูล​ก็​ม​อง​ออก​ที่​ช่อง​หน้าต่าง เห็น​พระ​ราชา​ดาวิด​กระโดด​โลด​เต้นรำ​ถวาย​แด่​พระ​เจ้า และ​นาง​ก็​มี​ใจ​หมิ่น​ประมาท…20 และ​ดาวิด​ก็​ทรง​กลับไป​อวย​พร​แก่​ราชวงศ์​ของ​พระ​องค์ แต่​มี​คาล​ราช​ธิดา​ของ​ซาอูล​ได้​ออกมา​พบ​ดาวิด​และ​ทูล​ว่า “วันนี้​พระ​ราชา​แห่ง​อิสราเอล​ได้​เกียรติยศ​นักหนา​ทีเดียว​นะ​เพ​คะ ทรง​ถอด​ฉลอง​พระ​องค์​วันนี้​ต่อ​หน้า​สาว​ใช้​ของ​ข้าราชการ อย่าง​กับ​คน​ถ่อย​แก้​ผ้า​ด้วย​ไม่​มี​ความ​อาย”21 และ​ดาวิด​ตรัส​ตอบ​มี​คาล​ว่า “เป็น​งาน​ที่​ถวาย​แด่​พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​เลือก​เรา​ไว้​แทน​เสด็จ​พ่อ​ของ​เจ้า และ​แทน​ราชวงศ์​ทั้งสิ้น​ของ​พระ​องค์​ท่าน ทรง​แต่งตั้ง​ให้​เรา​เป็น​เจ้า​เหนือ​อิสราเอล​ประชากร​ของ​พระ​เจ้า และ​เรา​จึง​จะ​ร่า​เริง​ต่อ​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า​22 เรา​จะ​ถ่อม​ตัว​ของ​เรา​ลง​ยิ่ง​กว่า​นี้​อีก​ให้​ปรากฏ​แก่​ตา​ของ​เรา​เอง​ว่า​เป็น​คน​ต่ำ แต่​โดย​พวก​สาว​ใช้​ที่​เจ้า​พูด​ถึง​นั้น เรา​จะ​เป็น​ผู้​ที่​เขา​ถือ​ว่า​มี​เกียรติ” 23 และ​มี​คาล​ราช​ธิดา​ของ​ซาอูล​ก็​ไม่​มี​บุตร​จนถึง​วัน​สิ้นชีพ​ พระเจ้าได้เปลี่ยนชีวิตที่ธรรมดาของดาวิดทำให้ดาวิดกลายเป็นคนไม่ธรรมดา เพราะการให้ความสำคัญกับการนมัสการพระเจ้า จนพระเจ้าได้ให้ดาวิดมาแทนกษัตริย์ซาอูล ซาอูลในขณะที่เป็นกษัตริย์แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการนมัสการพระเจ้า เขาจึงถูกแทนที่โดยเด็กหนุ่มอย่างดาวิด ที่ใช้ชีวิตธรรมดา แม้ดาวิดจะได้เป็นกษัตริย์แล้ว ดาวิดยังคงชีวิตที่ธรรมดาต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า คือการนมัสการพระองค์โดยไม่ได้มีฟอร์มของการเป็นกษัตริย์  มีคาลลูกสาวกษัตริย์ซาอูลดูหมิ่นดาวิด เพราะฟอร์มของพ่อที่นางยังยึดติดอยู่ติดตัวนางมาด้วย  และสิ่งที่ทำให้ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้นกับดาวิด คือชีวิตธรรมดาๆในความฐานะที่ไม่ธรรมดา และนี่คือความไม่ธรรมดาที่ต่อเนื่อง คนที่คิดว่าตนเองวิเศษ หรือดีกว่าคนอื่น คือคนธรรมดาที่พยายามที่จะทำตนเองให้เป็นเทวดา เป็นชีวิตที่เหมือนเทวดาตกสวรรค์ที่รอคอยการลงโทษอย่างเดียว พระคัมภีร์พูดถึงเทวดาตกสวรรค์ คือทูตสวรรค์ที่กบฏที่ติดตามมารลงมายังโลกมนุษย์  วิวรณ์12:4  หาง​พญานาค​ตวัด​ดวงดาว​ใน​ท้องฟ้า​ทิ้ง​ลง​มา​ที่​แผ่นดิน​โลกเสีย​หนึ่ง​ใน​สาม​ส่วน…. แต่คริสเตียนที่ดำเนินชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเป็นบุตรของพระเจ้า บุตรพระเจ้าเป็นมนุษย์ไม่ใช่เทวดา แม้แต่พระเยซูคริสต์มาบังเกิดบนโลกนี้ พระองค์ก็เรียกพระองค์เองว่า บุตรมนุษย์ เพื่อให้โลกรู้ว่า พระองค์มาเกิดเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา  และพระองค์ทรงสอนสาวกของพระองค์ว่า อย่าพยายามทำตัวเป็นเทวดา เพราะมนุษย์ทุกคนต้องกิน และก็ถ่ายลงส้วมเหมือนกัน มัทธิว 15:16-20  16 ฝ่าย​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ยัง​ไม่​เข้าใจ​ด้วย​หรือ​17 ท่าน​ยัง​ไม่​เห็น​หรือ​ว่า สิ่ง​ใดๆ ซึ่ง​เข้า​ไป​ใน​ปาก​ก็​ลง​ไป​ใน​ท้อง แล้ว​ก็​ถ่าย​ออก​ลง​ส้วม​ไป​18 แต่​สิ่ง​ที่​ออก​จาก​ปาก​ก็​ออกมา​จาก​ใจ สิ่ง​นั้น​แหละ​ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มลทิน​19 ความ​คิด​ชั่ว​ร้าย การ​ฆ่า​คน การ​ผิด​ผัว​ผิด​เมีย การ​ล่วง​ประเวณี การ​ลัก​ขโมย การ​เป็น​พยาน​เท็จ การ​ใส่​ร้าย ​ก็​ออกมา​จาก​ใจ​20 สิ่ง​เหล่า​นี้​แหละ​ที่​ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มลทิน แต่​ซึ่ง​จะ​รับประทาน​อาหาร​โดย​ไม่​ล้าง​มือ​ก่อน ไม่​ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มลทิน”   ชีวิตที่ไม่ธรรมดาคือการเป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นแต่ยังรักษาความไม่ธรรมดานั้น คือการยอมรับความจริงว่าตนไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่น และต้องรับการชำระ มิใช่ไปมองแต่คนอื่น จนไม่มองตนเอง นี่แหล่ะคือชีวิตที่ไม่ธรรมดาที่มีมุมมองสายตาอย่างพระเยซู และใช้ชีวิตอยู่ในท่ามกลางผู้คนธรรมดาเหมือนพระเยซู

“ชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา”

1.สายตาที่มองเห็นความต้องการของคนป่วย 

2.แม้ไม่ธรรมดาแต่ยังเป็นคนธรรมดา

By admin