“สุขภาพดีเพื่อแม่”
ทำไมต้องสุขภาพดี องค์การอนามัยโลก (WHO)ได้ให้นิยามคำ สุขภาพดี ว่า ไม่เพียงไม่มีความป่วยไข้หรืออ่อนแอเท่านั้น แต่ยังหมายถึงมีการปรับตัวที่ดีทางกาย ทางจิตใจและสังคมด้วย” และล่าสุดได้เพิ่มอีกด้านคือ ด้านจิตวิญญาณ (Spiritual) การปรับตัวที่ดีในความหมายของพจนานุกรม แปลว่า การแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงนิสัย คำไทยมีสำนวนหนึ่ง “สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก” คำว่า สันดาน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Nature คือกลายเป็นอุปนิสัย ลักษณะพิเศษ ถ้าการปรับตัวที่ดีกลายเป็นสันดานที่ดี อะไรจะเกิดขึ้น นั่นคือ สุขภาพที่ดีแน่นอน แต่ถ้าสันดานไม่ดี คือการปรับตัวแย่ คือไม่ปรับปรุงแก้ไข มีแต่จะยังคงนิสัยเลวๆ พฤติกรรมเลวๆ ลักษณะชีวิตเลวๆ นั่นย่อมหมายถึงสุขภาพที่แย่ การเข้าสังคมกับคนอื่นไม่ดี (ต้องทำสังคมบำบัด) สุขภาพจิตแย่ (ต้องบำบัด) จิตวิญญาณไม่ต้องพูดถึง สุขภาพกายก็จะแย่ตามไปด้วย พระคัมภีร์ได้บอกไว้ว่า สุภาษิต 4:23 จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ วันนี้คนหนุ่มคนสาว วัยรุ่น ป่วยเร็ว ก็เพราะการปรับตัวแย่ สุขภาพจิตแย่ (แต่ยังคิดว่า โอเค) แต่หารู้ไม่ว่า การปรับตัวยาก การแก้ไขเปลี่ยนแปลงยากขึ้นเรื่อยๆ ส่งสัญญาณถึงสุขภาพจิตที่แย่ลงไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ที่ควรจะดีขึ้น กลับแย่ลงและถอยหลัง ในเรื่องของความสัมพันธ์ได้แบ่งออกเป็นสองประเภท อันได้แก่ ความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง เรียกว่าความผูกพัน แต่ถ้าความสัมพันธ์ไม่ดี เรียกว่า ความสัมพันธ์ที่เป็นปม เป็นภาระ เป็นความยุ่งยาก และไม่อยากจะอยู่ร่วมกัน อยากวิ่งหนีจากกัน หรืออยากอยู่ร่วมกัน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Soul ties คำถามก็คือว่า วันนี้ ความสัมพันธ์ที่เรามีกับคนที่เรารักเป็นความสัมพันธ์แบบไหน ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก สามีภรรยา พี่น้องชายหญิง วงจรครอบครัวที่มีเครือญาติ เพื่อนสนิทคู่หู และระหว่างพี่น้องชายหญิงในพระคริสต์ มีเรื่องราวในพระคัมภีร์ที่เป็นตัวอย่างของคนๆหนึ่งที่เริ่มแรกเป็นคนที่ไม่อยากปรับตัว อยากแยกตัวเองออกไปจากครอบครัว พระเยซูคริสต์ได้เล่าเรื่องนี้เป็นคำอุปมาดังนี้ ลูกา 15:11-32 11 พระองค์ตรัสว่า “ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน12 บุตรคนเล็กพูดกับบิดาว่า ‘บิดาเจ้าข้า ขอทรัพย์ที่ตกเป็นส่วนของข้าพเจ้าเถิด’ บิดาจึงแบ่งสมบัติให้แก่บุตรทั้งสอง13 ต่อมาไม่กี่วันบุตรคนเล็กนั้นก็รวบรวมทรัพย์ทั้งหมดแล้วไปเมืองไกล และได้ผลาญทรัพย์ของตนที่นั่นด้วยการเป็นนักเลง14 เมื่อใช้ทรัพย์หมดแล้วก็เกิดกันดารอาหารยิ่งนักทั่วเมืองนั้น เขาจึงขัดสน15 เขาไปอาศัยอยู่กับชาวเมืองนั้นคนหนึ่ง และคนนั้นก็ใช้เขาไปเลี้ยงหมูที่ทุ่งนา16 เขาใคร่จะได้อิ่มท้องด้วยฝักถั่วที่หมูกินนั้น แต่ไม่มีใครให้อะไรเขากิน17 เมื่อเขารู้สำนึกตัวแล้ว จึงพูดว่า ‘ลูกจ้างของบิดาเรามีมาก ยังมีอาหารกินอิ่มและเหลืออีก ส่วนเราจะมาตายเสียที่นี่เพราะอดอาหาร18 จำเราจะลุกขึ้นไปหาบิดาเรา และพูดกับท่านว่า “บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย19 ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป ขอท่านให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกจ้างของท่านคนหนึ่งเถิด” ’20 แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดาของตน แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาแลเห็นเขาก็มีความเมตตา จึงวิ่งออกไปกอดคอจุบเขา21 ฝ่ายบุตรนั้นจึงกล่าวแก่บิดาว่า ‘บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และต่อท่าน ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป’22 แต่บิดาสั่งบ่าวของตนว่า ‘จงรีบไปเอาเสื้ออย่างดีที่สุดมาสวมให้เขา และเอาแหวนมาสวมนิ้วมือ กับเอารองเท้ามาสวมให้เขา23 จงเอาลูกวัวอ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกัน เพื่อความรื่นเริงยินดีเถิด24 เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็มีความรื่นเริงยินดี 25 “ฝ่ายบุตรคนโตนั้นกำลังอยู่ที่ทุ่งนา เมื่อเขากลับมาใกล้ตึกแล้ว ก็ได้ยินเสียงมโหรีและเต้นรำ26 เขาจึงเรียกบ่าวคนหนึ่งมาถามว่า เขาทำอะไรกัน27 บ่าวจึงตอบว่า ‘น้องของท่านกลับมาแล้ว และบิดาได้ให้ฆ่าลูกวัวอ้วนพีเพราะได้ลูกกลับมาโดยสวัสดิภาพ’28 ฝ่ายพี่ชายก็โกรธไม่ยอมเข้าไป บิดาจึงออกมาชักชวนเขา29 แต่เขาบอกบิดาว่า ‘ดูแน่ะ ข้าพเจ้าได้ปรนนิบัติท่านกี่ปีมาแล้ว และมิได้ละเมิดคำบัญชาของท่านสักข้อหนึ่งเลย แม้แต่เพียงลูกแพะสักตัวหนึ่งท่านก็ยังไม่เคยให้ข้าพเจ้า เพื่อจะเลี้ยงกันเป็นที่รื่นเริงยินดีกับเพื่อนฝูงของข้าพเจ้า30 แต่เมื่อลูกคนนี้ของท่าน ผู้ได้ผลาญสิ่งเลี้ยงชีพของท่าน โดยคบหญิงชั่วมาแล้ว ท่านยังได้ฆ่าลูกวัวอ้วนพีเลี้ยงเขา’31 บิดาจึงตอบเขาว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าอยู่กับเราเสมอ และสิ่งของทั้งหมดของเราก็เป็นของเจ้า32 แต่สมควรที่เราจะได้รื่นเริงและยินดี เพราะน้องของเจ้าคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก’ นี่คือภาพของลูกชายคนเล็กที่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากอยู่กับครอบครัว อยากทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่รู้สึกผูกพัน ความสัมพันธ์เป็นปมจากมุมของลูกชายคนเล็ก ที่เป็นสันดานที่ไม่ดี อะไรเกิดขึ้น ลูกชายคนเล็กไม่สามารถรักษาสิ่งที่ตนเองได้มาจากการแบ่งทรัพย์สมบัติที่พ่อสร้างให้ไว้ได้ เพราะตัวเองไปใช้ชีวิตแบบสันดานไม่ดี พระเยซูใช้คำว่า ได้ผลาญทรัพย์ของตนที่นั่นด้วยการเป็นนักเลง….สุดท้ายเมื่อใช้ทรัพย์หมด และยังเกิดกันดารอาหาร นี่คือสถานการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้นในยุคโบราณที่ อะไรก็น่าจะหากินได้ง่าย ตามท้องทุ่ง แต่ปรากฏว่า แม้แต่ผักหญ้าที่หาง่ายกลับหาไม่ง่าย สำหรับคนที่ใช้ชีวิตด้วยสันดานที่ไม่ดี สภาพชีวิตตกต่ำขนาดต้องไปเลี้ยงหมู สำหรับคนยิวถือว่าเป็นสัตว์สกปรก และความหวังก็แย่ขนาดขอให้ได้ส่วนแบ่งอาหารของหมูมากินก็ยอม แต่ปรากฏว่า ชีวิตแย่กว่าหมู คือไม่มีใครยอมแบ่งอาหารหมูให้กิน สภาพที่ตกต่ำขนาดไม่มีอะไรจะกิน จึงจะถึงจุดที่เรียกว่า สำนึก นี่คือลักษณะของคนที่ปรับตัวยาก การปรับตัวไม่ดี จึงยากจะกลับใจใหม่ได้ง่ายๆ ต้องให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ต้องเจอกับการตีสอนที่แรงๆจึงจะหันกลับ สำนึกได้ อย่าให้เราเป็นอย่างนั้นเลย วิธีสอนของพระเยซูตอนนี้กำลังบอกว่า ถ้าเรายังดำเนินชีวิตอย่างคนที่ไม่ยอมหันกลับง่ายๆ อยากไปจะไปตามทางของตนเองแบบสุดกู่ ระวังว่า คุณจะได้ไปอย่างสุดกู่จริงๆ คือสุดทางของการจนมุม และจุดที่หันกลับนั้นน่าอดสูยิ่งนัก พระเยซูทรงเล่าอุปมาเรื่องนี้ เทียบหัวใจของคนเป็นพ่อและแม่ให้เห็นหัวใจของพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ ในสมัยโบราณมักจะใช้ผู้ชายเป็นตัวแทนของครอบครัว ไม่ค่อยจะกล่าวถึงผู้หญิง แต่ความจริง มีคนเป็นแม่เกี่ยวข้องด้วยเสมอ และถือว่า สามีภรรยาเป็นคนๆเดียวกัน ในที่นี้ข้าพเจ้าอยากจะให้เราได้เห็นหัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่พระเยซูได้เปรียบเทียบกับหัวใจของพระเจ้าพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ ที่ทรงเป็นทุกข์หากมนุษย์ไม่ว่าหญิงหรือชายดำเนินชีวิตแบบคนหลงทางอย่างที่ลูกชายคนโตได้ต่อว่าพ่อของเขาว่าทำไมยังต้อนรับลูกคนเล็กอย่างดีทั้งๆที่ลูกคนเล็กทำตัวไม่ดีเอาเสียเลย 30 แต่เมื่อลูกคนนี้ของท่าน ผู้ได้ผลาญสิ่งเลี้ยงชีพของท่าน โดยคบหญิงชั่วมาแล้ว ท่านยังได้ฆ่าลูกวัวอ้วนพีเลี้ยงเขา’ นี่คือลักษณะของพระเจ้าที่ทรงกระทำต่อเราที่เป็นคนบาปและหลงไปตามทางของตนเอง ตราบใดที่เรายังมีทางไปได้เรื่อยๆ เราก็คิดว่า เรายังไม่ต้องการพระเจ้า จนเมื่อเราอับจน มีปัญหา เราช่วยตัวเราเองไม่ได้แล้ว เราถึงจะมาหาพระเจ้า อย่างนั้นหรือ อย่ารอให้ถึงเวลานั้นเลย มันอาจจะสายเกินไป หรือมันอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสดีๆมากมาย และอาจทำให้เราต้องจ่ายราคาแพงๆไปกับความเสียหาย ความไม่รู้ และการถูกหลอกลวงก็เป็นได้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีคุณแม่คนหนึ่งมาที่คริสตจักรเพื่อจะรับเชื่อ เพื่อขอให้พระเจ้าช่วย เพราะไม่รู้จะต่อสู้ หรือรับมือกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ทำให้ลูกของตนเองเปลี่ยนไปได้อย่างไร พูดอะไรไปก็สวนกลับมา หนักเข้า ตาขวาง ฉุนเฉียว ลงไม้ลงมือกับแม่ จนคุณแม่ท่านรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ลูกของฉันแล้ว เป็นใครก็ไม่รู้ที่อยู่ในลูกของฉัน พระคัมภีร์ได้เตือนไว้ล่วงหน้าสองพันปีที่แล้วว่า ในยุคสุดท้ายจิตใจของคนจะเปลี่ยนไปอย่างนี้ 2 ทิโมธี 2:1-7 1 แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือว่าในสมัยจะสิ้นยุคนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุค2 เพราะมนุษย์จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน เย่อหยิ่ง ยโส ชอบด่าว่า ไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา อกตัญญู ไร้ศีลธรรม3 ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี4 ทรยศ มุทะลุ หัวสูง รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า5 ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ส่วนแก่นแท้ของศาสนาเขาไม่ยอมรับ คนเช่นนั้นท่านอย่าคบ6 เพราะในบรรดาคนเหล่านั้น มีคนที่แอบไปตามบ้าน แล้วลวงหญิงที่เบาปัญญาหนาด้วยบาป และหลงใหลไปด้วยตัณหาต่างๆ ไปเป็นเชลย7 หญิงพวกนี้จะฟังทุกคนที่พูด แต่ไม่อาจที่จะเข้าถึงหลักแห่งความจริงได้เลย นี่คือลักษณะชีวิตของคนยุคสุดท้าย เหมือนกับบุตรน้อยหลงหายที่ลูกชายคนโตพูดให้บิดาของเขาฟังว่า คนอย่างนี้ยังจะรับกลับมาแล้วจัดเลี้ยงใหญ่โตให้อีกหรือ แต่พระเจ้ายังรับ เพราะยังไงพระเจ้าก็ยังมองมนุษย์ที่เป็นคนบาปนั้นด้วยหัวใจอย่างเดียวกันกับพ่อแม่ กุญแจสำคัญในการรับกลับมา คือการกลับใจใหม่ จะทำอย่างไรที่จะทำให้คนกลับใจใหม่ โดยเฉพาะลูกของคุณแม่ทั้งหลาย หรือแม่ของคุณลูกทั้งหลาย หรือคนในครอบครัวของเราทั้งหลาย คำตอบยังเป็นเรื่องของการกลับใจใหม่ ถ้าเขาไม่กลับใจใหม่ เราก็ต้องกลับใจใหม่นั่นเอง เราถึงจะอยู่อย่างสันติด้วยกันได้ การกลับใจใหม่ คือการปรับตัวที่ดีที่สุด คำว่า กลับใจใหม่ แปลว่า หันหลังกลับทิศทางตรงกันข้ามกับทิศเดิม แบบ 180 องศา คือ หยุดทันที หยุดสันดานที่ไม่ดี และเริ่มสันดานที่ดีทันที เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง เป็นคนใหม่ ที่ดีกว่าเดิม เราอยากได้ลูกกลับมาใหม่ไม๊ เราอยากได้แม่ที่กลับใจใหม่ไม๊ เราอยากเป็นคุณแม่คนใหม่ เป็นลูกคนใหม่ สามีอยากได้ภรรยาที่เปลี่ยนแปลง หรือภรรยาอยากได้สามีที่เปลี่ยนแปลงหรือไม่ นั่นคือ เราต้องกลับใจใหม่ ต้องทำให้เขาได้พบกับการทำกิจของพระเจ้าในชีวิตของเราเอง และพระเจ้าก็จะทำกิจในคนที่เห็นการกลับใจใหม่ของเราด้วย พระเจ้าได้สัญญาว่า พระองค์จะเป็นคนนำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น เอเสเคียล 36:26-31 26 เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้าและเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า เราจะนำใจหินออกไปเสียจากเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า27 และเราจะใส่วิญญาณของเราภายในเจ้าและกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และให้รักษากฎหมายของเราและกระทำตาม28 เจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินซึ่งเราให้แก่บรรพบุรุษของเจ้า และเจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า29 เราจะช่วยกู้เจ้าให้พ้นมลทินทั้งหลายของเจ้า และเราจะเรียกข้าวมา และกระทำให้อุดมสมบูรณ์ และจะไม่ให้เจ้าเกิดความอดอยากเลย30 เราจะกระทำให้ผลของต้นไม้และไร่นาอุดมสมบูรณ์ เพื่อเจ้าจะไม่ต้องทนรับความอับอายขายหน้าเพราะความอดอยากท่ามกลางประชาชาติอีกเลย31 แล้วเจ้าจะระลึกถึงทางที่ชั่วของเจ้า และการกระทำของเจ้าที่ไม่ดีแล้วเจ้าจะเกลียดตัวเจ้าเอง เพราะความบาปชั่วของเจ้า และการกระทำลามกของเจ้า คนที่กลับใจใหม่จะเกลียดความบาปและการกระทำของตัวเอง พระเจ้าสัญญาว่าจะให้ใจใหม่ บรรจุจิตวิญญาณใหม่ให้แก่คนที่กลับใจใหม่ วันนี้พระเจ้ากำลังเชิญชวนให้ลูกทั้งหลายหยุดทำบาปต่อพ่อแม่ของตัวเอง คุณแม่ทั้งหลายหยุดทำบาปต่อลูกของตนเอง แม้กระทั่งคุณพ่อทั้งหลายให้กลับใจใหม่ เลิกวิธีเดิมที่ไม่ได้ผล เลิกคำพูดเดิมๆที่ทำร้ายกันและกัน กลับใจใหม่ รับหัวใจใหม่จากพระเจ้า ให้พระองค์เอาใจหินออกไปจากเรา บอกกับพระองค์ว่า เราไม่ต้องการเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป เราอยากได้ครอบครัวของเรากลับคืนมา อยากได้ลูก อยากได้แม่ อยากได้พ่อกลับคืนมา เราอยากมีความสัมพันธ์ที่เป็นความผูกพัน ไม่อยากให้ความสัมพันธ์นั้นกลายเป็นปม เป็นภาระ เป็นความทุกข์ ขอให้เราได้อวยพรความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก อวยพรความสัมพันธ์สามีภรรยา อวยพรความสัมพันธ์พี่น้องชายหญิง อวยพรความสัมพันธ์เครือญาติ อวยพรเพื่อน อวยพรพี่น้องในคริสตจักร เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่พระเจ้าทรงสถาปนาไว้ ไม่ได้มาจากความบาป แต่พฤติกรรมบาปของเราต่างหากที่ทำให้กลายเป็นปมปัญหา คำพูดจากความเจ็บปวด จากความเย่อหยิ่งได้ทำให้ความสัมพันธ์กลายเป็นปม ให้เราอวยพร และทำลายพันธนาการสิ่งที่มาทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไปในทางไม่ดี อธิษฐานที่เราจะเลิกพูดหยาบคาย ด่าทอ บ่น ประชดประชัน ลำเลิกบุณคุณ คำพูดที่ไม่รักษาน้ำใจทั้งหลาย การกระทำที่เห็นแก่ตัว อธิษฐานที่เราจะรับการเยียวยารักษาจากพระเจ้า อธิษฐานด้วยกัน สำหรับลูกที่ไม่มีแม่ หรือแม่ที่ลูกจากไป เช่นเดียวกันขอให้อวยพรความสัมพันธ์ให้เป็นความผูกพัน และแก้ปมความสัมพันธ์ที่ทำให้เป็นทุกข์ หากเราให้การสูญเสียคนที่รักไปกลายเป็นรูปเคารพของเรา และอารมณ์ของเราแขวนอยู่กับบุคคลนั้น เป็นความบาป ขอพระเจ้าช่วยให้เราหลุดจากปมความสัมพันธ์นั้น และกลับมาสู่สุขภาพที่ดี พระพรและพระสัญญาที่รอคอยให้เรารับ พระเจ้าได้วางกฎสำคัญอันแรกสำหรับมนุษย์ทุกคน และพระองค์ได้พ่วงพระพรคู่มากับกฎฝ่ายวิญญาณนี้ด้วย เอเฟซัส 6:1-3 1 ฝ่ายบุตรจงนบนอบเชื่อฟังบิดามารดาของตนในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะกระทำอย่างนั้นเป็นการถูก2 จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วย3 เพื่อเจ้าจะไปดีมาดีและมีอายุยืนนานที่แผ่นดินโลก พระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราว่า เราทุกคนมีพ่อมีแม่ ไม่มีใครจะเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ แม้ว่าเทคโนโลยีความรู้จะก้าวหน้าทำให้เกิดเด็กหลอดแก้ว อุ้มบุญ หรือความบาปของมนุษย์จะทำให้เด็กเกิดมาโดยไม่รู้จักพ่อแม่ของตนเอง แต่ความจริงก็คือ ทุกคนต้องเกิดมาจากแม่ ไม่มีช่องทางใดที่คนจะเกิดจากอย่างอื่น จากฝากให้เกิดในท้องลิงท้องวัวก็ไม่ได้ แม่ยังเป็นคนที่ต้องอุ้มท้องเราเกิดมา การอุ้มท้อง การเป็นแม่ได้เปลี่ยนผู้หญิงมามากมาย เพราะลูกคือแรงบันดาลใจ แม่ต้องปรับตัวเพื่อลูก ดังนั้นกฎฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าจึงกำหนดให้ลูกต้องเชื่อฟังและให้เกียรติบุพการีของตน และกำหนดพระพรฝ่ายร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณไว้คู่กันด้วย การเชื่อฟังและให้เกียรติพ่อแม่คือการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพที่ดี เป็นอย่างไร นั่นคือคุณดำเนินชีวิตให้คนต้องถามด้วยคำถามว่า พ่อแม่เลี้ยงดูคุณมาอย่างไร คุณถึงเป็นแบบนี้ ดีอย่างนี้ หรือว่า เลวอย่างนี้ ที่นี้เรารู้หรือยังว่า กฎฝ่ายวิญญาณนี้ทำงานในชีวิตของมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา พระคัมภีร์ได้กล่าวต่อไปอีกว่า มีบางอย่างที่ควบคุมให้มนุษย์พลาดไปจากพระพรและละเมิดในกฏฝ่ายวิญญาณนี้ ทำให้มนุษย์แทนที่จะทำอะไรสำเร็จทุกอย่างและแทนที่จะมีอายุยืนยาว กลับไม่ใช่ พระคัมภีร์เรียกสิ่งนั้นว่าบาป ความหมายของบาป ในภาษาพระคัมภีร์ ใช้คำกรีกที่แปลว่า พลาดไปจากเป้าหมาย ไม่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า โรม 6:23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา…. บาปทำให้สุขภาพของเราไม่ดี และทำให้เราพลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้าที่ต้องการให้เรามีชีวิตยืนยาวขนาดชีวิตนิรันดร์ อ.เปาโลคริสเตียนที่กลับใจใหม่ได้พบความจริงของตนเองว่า โรม 7:21 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่าเป็นกฎธรรมดาอย่างหนึ่ง คือเมื่อใดที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะกระทำความดี ความชั่วก็พร้อมที่จะผุดขึ้น….โรม 7:24 โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายนี้ซึ่งเป็นของความตายได้…โรม 8:1-2 เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลาย ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์2 เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ ได้ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย ในความอ่อนแอของมนุษย์จึงทำให้พระเจ้าในฐานะของพระผู้สร้างมนุษย์ เปรียบเหมือนพ่อแม่ พระองค์ต้องหาทางออกให้กับมนุษย์ เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีจะกลับคืนมา โดยพระองค์ได้ส่งพระเยซูคริสต์มาเพื่อจัดการกับบาปที่มนุษย์พ่ายแพ้ สิ่งที่ลูกควรทำกับแม่ ก็จะสามารถทำได้ สิ่งที่แม่ควรทำกับลูกก็ทำได้ และสิ่งที่มนุษย์ควรทำกับพระเจ้าก็ทำได้ คือการคืนดีกับพระเจ้า คำตอบ นั่นคือ การกลับใจใหม่ หันกลับมาสู่น้ำพระทัยพระเจ้าก่อนอับดับแรก เพื่อรับการช่วยเหลือจากพระองค์ โรม 5:6,8 ขณะเมื่อเรายังขาดกำลัง พระคริสต์ก็ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนบาปในเวลาที่เหมาะสม….8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา เหมือนคนว่ายน้ำไม่เป็นที่กำลังจะจมน้ำ กระเสือกกระสนหาทางเอาชีวิตรอด และพระเยซูทรงดึงเราขึ้นมาจากน้ำ และอยู่ในเรือลำเดียวกันกับพระองค์ พระองค์จะพาเราไปจนถึงฝั่งอย่างปลอดภัย พระองค์จะไม่ปล่อยให้เราว่ายน้ำในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวตามลำพังอีกต่อไป มีหลายคนที่กำลังจะหมดแรงกับการพยายามเอาตัวเองรอดจากการว่ายน้ำนั้น จงให้พระเยซูดึงท่านขึ้นมาจากน้ำที่ไหลเชี่ยวนั้น ยื่นมือให้กับพระองค์ แล้วท่านจะรอด