วันนี้เรายังคงอยู่ในหัวข้อ ชีวิตที่ปราศจากตำหนิในพระคริสต์ สิ่งที่อยากจะนำเรามาศึกษาและพิจารณาถึงชีวิต เมื่อเรามาเป็นคริสเตียน เรามีความตั้งใจที่ดีเยอะมาก และเราก็มีความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตเก่าที่เราแยกได้ว่าอะไรที่เราจะเลิก อะไรที่มันเป็นขยะแล้วเราจะไม่ไปยุ่งกับมัน แต่ในที่สุดเราก็พบว่าเรากลับไป กลับไปที่ร่องเดิม แล้วก็ได้รับการอธิษฐานหนุนใจ สามารถหลุดมาได้แต่ก็กลับไปร่องเดิมอีกเป็นอยู่อย่างนี้  เราจะทำได้อย่างไรที่เราจะหลุดออกมาได้อย่างแท้จริงแล้วเราจะมีชีวิตตาม 1 โครินธ์ ที่จะมีชีวิตที่ปราศจากที่ติอย่างแท้จริงได้อย่างไร เราจะทำได้อย่างไร อยากให้เราดูจากพระธรรมโรม 12 : 2 2อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้   แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ   แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่   เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า   จะได้รู้ว่าอะไรดี   อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม  

ที่นี่มีประเด็นที่น่าสนใจหลายประเด็น คือ  อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ มีความจริงประการที่ 1 ในประเด็นนี้คือ เมื่อเราเป็นคริสเตียนเราต้องรู้จักการดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากคนในสังคมที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามมาตรฐาน แนวทางของพระเจ้า ฉนั้นเราต้องดำเนินชีวิตที่แตกต่าง ไม่ใช่ว่าเค้ากินเหล้าเราก็ไปกิน เค้ากลุ้มใจไปเสพยา พอเรากลุ้มใจเราก็ไปเสพยาบ้างไม่ใช่   สาระประการที่ 2 ในประเด็นนี้คือ สาระในชีวิตของเราทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจากการตามอย่างคนในยุคนี้ไม่มีคุณค่า พระเจ้ากำลังบอกว่าสิ่งที่คนในยุคนี้ทำไม่มีสาระ แต่เราคงไม่ไปว่าเค้า แต่ถ้าเราไปทำตามสิ่งไร้สาระนั่นไม่มีคุณค่าที่แท้จริงในสายพระเนตรพระเจ้า เช่นคนในยุคนี้รู้สึกเบื่อก็จะไปดูหนังดูละคร แล้วเราไปทำแบบนั้นหรือ  แต่พระคัมภีร์พูดตรงข้าม ทั้ง 2 ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เราไม่รู้ วันนี้เราออกมาจากชีวิตแบบนั้นแล้วแต่ก็ยังไม่พ้นค่านิยมของคนในยุคนี้  แต่เราต้องหลุดพ้นจากค่านิยมของโลกให้ได้ เพื่อชีวิตเราจะปราศจากที่ติ แล้วเราจะทำให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อชีวิตเราจะไม่ปนเปื้อน เพราะปนเปื้อนก็จะมีที่ติ โรมบอกเราว่าให้เรารับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ คือเราเป็นไปได้ที่เราจะไม่ต้องไปลอกแบบคนในยุคนี้ด้วยการรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ  เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง เมื่อเป็นคริสเตียนแรก ๆ มีคนถามเราชีวิตเปลี่ยนแปลงมั้ย  เช่นคนที่เคยสูบบุหรี่ หยุดหรือยัง คนที่เคยอิจฉา ก้าวร้าว หยาบคายเปลี่ยนแปลงหรือยัง แบบนี้เท่ากับว่าการเปลี่ยนแปลงคือการดำเนินชีวิตที่ออกจากรายการการดำเนินชีวิตที่ไม่ดีต่าง ๆ มาสู่สิ่งต่าง ๆ ที่ดี อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่   แต่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงคือการเปลี่ยนแปลงจากข้างใน จากภายในจิตใจ ไม่ใช่การเปลี่ยนรายการเท่านั้น แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงจิตใจที่มีผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ความรู้สึก เหตุผล

มาระโก 9 : 2-3 2 ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้ว   พระเยซูทรงพาเปโตร   ยากอบ   และยอห์นขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง   แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา 3และฉลองพระองค์ก็ขาวเป็นมันระยับ   จะหาช่างฟอกผ้าทั่วแผ่นดินโลกฟอกให้ขาวอย่างนั้นก็ไม่ได้

นี่คือการเปลี่ยนแปลงคือสง่าราศี หมดจดยิ่งกว่าหมดจด การเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรายการความบาปหรือรายการที่เป็นพฤติกรรมทางเนื้อหนังแล้วแทนที่ด้วยพฤติกรรมทางด้านศีลธรรม แต่คนทั่วไปทำอย่างนี้ เช่น เข้าพรรษาก็งดเหล้า แล้วพอออกพรรษาก็กินใหม่  ไม่ใช่การเอารายการอะไรออก เราไม่ได้ทำดีเป็นเทศกาล เป็นวาระ เราไม่ได้ทำดีเพราะมีเหตุผลบางอย่าง หรือแม้แต่เพื่อสำนึกถึงบุญคุณที่เราจะตอบแทนในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องของการทดแทน แทนที่ด้วยศีลธรรม

การงานของเนื้อหนังของเราที่ถูกกำจัดออกไป ถูกจัดการออกไปไม่ได้ถูกแทนที่ด้วยรายการทางศีลธรรม แต่จะถูกแทนที่ด้วยผลของพระวิญญาณ กาลาเทีย 5 :19-25 19การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด   คือการล่วงประเวณี   การโสโครก   การลามก 20การนับถือรูปเคารพ   การถือวิทยาคม   การเป็นศัตรูกัน   การวิวาทกัน   การริษยากัน   การโกรธกัน   การใฝ่สูง   การทุ่มเถียงกัน   การแตกก๊กกัน 21การอิจฉากัน   การเมาเหล้า   การเล่นเป็นพาลเกเร   และการอื่นๆในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน   บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า   คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า  22ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น   คือความรัก   ความปลาบปลื้มใจ   สันติสุข   ความอดกลั้นใจ   ความปรานี   ความดี   ความสัตย์ซื่อ 23ความสุภาพอ่อนน้อม   การรู้จักบังคับตน   เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย24ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยาก   และตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว  25ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ   ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย 26เราอย่าถือตัว   อย่ายั่วโทสะกัน   และอย่าอิจฉาริษยากันเลย

เมื่อเป็นเช่นนี้การงานของเนื้อหนังที่ถูกกำจัดออกไปจึงไม่ได้แทนที่ด้วยรายการความดีทางศีลธรรม แต่ถูกแทนที่ด้วยผลของพระวิญญาณ ด้วยพระวิญญาณ ตรงนี้จะทำให้เราดำเนินชีวิตโดยปราศจากที่ติเพราะเป็นการดำเนินชีวิตใหม่โดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ ไม่ใช่จากคนเดิมที่พยายามทำตามรายการใหม่ และการงานของเนื้อหนังก็จะถูกเปลี่ยนมาสู่ผลของพระวิญญาณ และชีวิตจากพระวิญญาณเป็นชีวิตที่มีเสรีภาพ ที่มันเป็นไปได้ยากเพราะว่าเราพยายามดำเนินชีวิตตามบัญชีรายการทางศีลธรรมและเราไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระวิญญาณ ทำให้ชีวิตไม่เป็นอิสระเพราะเราเป็นทาสยังไม่เป็นไท  ถ้าพระวิญญาณอยู่ในใครเราก็เป็นไท เมื่อเราไม่เป็นไทเราก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตโดยปราศจากตำหนิได้

2 โครินธ์ 3:6  6ผู้ทรงโปรดประทานให้เราสามารถที่จะเป็นพันธกรแห่งพันธสัญญาใหม่   อันมิใช่ประมวลกฎแต่เป็นมาโดยพระวิญญาณ   ด้วยว่าประมวลกฎนั้นประหารให้ตาย   แต่ส่วนพระวิญญาณประทานชีวิต  

ประมวลกฎคือรายการความดีจากพระบัญญัติทางศีลธรรม ไม่ใช่ แต่เป็นมาโดยพระวิญญาณ ประมวลกฎคือรายการความดีนั้นประหารเราให้ตาย เพราะเราอ่านทีไรเราก็รู้สึกผิดเพราะเราไม่ได้ทำ  เราทำไม่ได้ เราทำตรงข้าม แต่พระวิญญาณประทานชีวิตใหม่ คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจ ชีวิตใหม่นี่แหละที่ทำให้เราดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ เมื่อเราดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ เราไม่ดำเนินตามรายการตามกฎแต่ทุก ๆ อย่างจะสอดคล้องเป็นไปตามรายกายตามกฎ  แล้วชีวิตเราจะไม่มีที่ติ นี่คือความล้ำลึกและความมหัศจรรย์ในการเติบโตสู่ความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ  แต่เราต้องเริ่มต้นจากพระวิญญาณจริง ๆ เพราะชีวิตใหม่เป็นชีวิตจากพระวิญญาณ  แล้วความคิดจิตใจเราจะถูกเปลี่ยนใหม่ เราจะหัวเราะในเรื่องที่สะอาด เราจะไม่รู้สึกขำในบทตลกที่มันสกปรก เราจะหัวเราะไม่ออกเพราะมันสกปรกเราจะเสพสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ เพราะเราถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ กาลาเทีย 5:1 1เพื่อเสรีภาพนั้นเอง   พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท   เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น   และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย

ใน 1 โครินธ์ 1:8   พระเจ้าให้เราตั้งมั่นคงอยู่จนถึงที่สุด พระเจ้าต้องการให้เราตั้งมั่น มั่นคงอยู่เพื่อชีวิตเราจะไม่มีที่ติ ใน 2 โครินธ์ 3:17 17องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ   และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน   เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น

เรามีเสรีภาพที่จะไม่ทำในสิ่งที่โลกเขาทำกันโดยไม่ต้องรู้สึกลำบาก อึดอัด ฝืน เมื่อเราเข้ามาอยู่ในพระเจ้าเรามีเสรีภาพ เรามักจะคิดว่าเสรีภาพคือการทำอะไรตามใจ แต่เสรีภาพจริง ๆ คือการยอมกับพระเยซูคริสต์ การเป็นทาสของพระเยซูคริสต์ เสรีภาพคือสิทธิพิเศษที่เราได้รับเนื่องจากการที่เราได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่เพื่อที่เราจะรักในสิ่งที่จะทำ และสิ่งที่เรารักที่จะทำนั้นเป็นไปตามสิ่งที่เราควรทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า แปลความว่าสิ่งที่เราควรทำตามน้ำพระเจ้าก่อนที่เรามีเสรีภาพเราไม่ได้รักมัน เมื่อเราไม่รัก เราก็ไม่ทำเพราะเราไม่มีเสรีภาพพอที่จะทำ  แล้วเราก็ไปรักสิ่งที่ไม่ควรทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เช่นรักที่จะไปดูหนังโป๊ รักที่จะไปทำสิ่งที่ไม่ดี รักที่จะไปเสพสิ่งสพติดซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละคือการเป็นทาส แต่เรากลับเรียกมันว่าเสรีภาพ แต่วันนี้เราได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ความรักมันเกิดขึ้น รักที่จะไปทำสิ่งที่ควรทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าเราก็ไปทำ เพราะความรักกระตุ้นให้เราไปทำ ใครขวางเราก็จะทำเพราะเรารัก และนี่คือเสรีภาพจริง ๆ  และเราจะดำเนินชีวิตโดยไม่มีที่ติ เพราะเรารักสิ่งที่ควรทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า ถ้าเรารักนักเทศน์ไม่ต้องเทศน์เลย เพราะจะไปทำเอง แต่ถ้าไม่รักเทศน์คอแตกก็ไม่ทำ จะรักได้ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่อย่างโรม 12:2 แล้วเราก็จะรู้อะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย อะไรดียอดเยี่ยม แล้วเราก็จะทำเพราะเรารู้น้ำพระทัย ชีวิตเราจะเปี่ยมไปด้วยวิถีที่เราควรทำอย่างยอดเยี่ยม การที่เราจะดำเนินชีวิตในฐานะเป็นคนของพระเจ้าที่ปราศจากที่ติอย่างสมบูรณ์เราต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจที่หลงรักในสิ่งที่เราไม่ควรทำ เนื่องจากธรรมชาติบาปของเรา  เยเรมีย์ 17:9  9จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด  มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว    ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า  

ตัวนี้มันทำให้เราหลงรักในสิ่งที่ไม่ควรทำแล้วเราก็จะไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เราต้องให้จิตใจมาเป็นจิตใจที่เปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อสิ่งที่เราควรทำโดยผลแห่งการสิ้นพระชนม์ และพระราชกิจแห่งการไถ่บาปของพระคริสต์ แล้วเราจะสามารถรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ และทำสิ่งที่เราควรทำ และเราจะหวงวันอาทิตย์ที่เราจะมานมัสการ

พระเจ้า คนในยุคนี้เห็นวันอาทิตย์เป็นวันทำเงินแต่เราจะไม่คิดแบบนั้น เพราะเรารับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่แล้ว แต่ถ้าเราทำแบบคนในยุคนี้เพราะจิตใจเรายังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ เรายังไม่ได้รัก และมันก็จะฝืนจะอยู่ไม่นาน เราใช้จิตใจเดิมมาทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าไม่ได้ เราต้องรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่เพื่อจะทำตามน้ำพระทัย และเรื่องนี้เราทำเองไม่ได้ เยเรมีย์ 4:14  14กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย   จงล้างจิตใจของเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้าย    เพื่อเจ้าจะรอดได้    ความคิดชั่วร้ายของเจ้านั้นจะสิง    อยู่ในใจของเจ้านานสักเท่าใด

นี่เป็นคำถามคำเตือนและเป็นคำขู่ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงถ้าไม่หยุดความชั่วร้าย ถ้าไม่หยุดเราก็จะไปตามสิ่งชั่วร้าย เมื่อพระเจ้าบอกหยุดต้องหยุด แต่พระเจ้าก็รู้ว่าคนนั้นทำไม่ได้จึงต้องทำสัญญาใหม่

เยเรมีย์ 24: 7  7เราจะให้จิตใจแก่เขา ที่จะรู้จักว่าเราคือพระเจ้า   และเขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา   และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา   เพราะเขาทั้งหลายจะกลับมาหาเราด้วยความเต็มใจ   

พระเจ้าให้เอาจิตใจใหม่ไป เอเสเคียล 36: 26-27 26เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้าและเราจะบรรจุ จิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า   เราจะนำใจหินออกไปเสียจากเนื้อของเจ้า   และให้ใจเนื้อแก่เจ้า 27และเราจะใส่วิญญาณของเราภายในเจ้า และกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา   และให้รักษากฎหมายของเราและกระทำตาม

พระเจ้าให้ใจใหม่เพื่อเราจะทำตาม พระเจ้าบอกให้เรา “รับ” การเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่คือเราต้องทำเองมั้ย ไม่ต้องให้พระเจ้าทำ เอเฟซัส 4:17 17เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอยืนยันและเป็นพยานในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า   ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปท่านอย่าประพฤติอย่างคนต่างชาติที่เขาประพฤติกันนั้น   คือมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ไร้สาระ23และจงให้วิญญาณจิตของท่านเปลี่ยนใหม่ 24และให้ท่านสวมสภาพใหม่   ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า   ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง

นี่เป็นเรื่องเดียวกันกับในพระธรรมโรม พระเจ้าจะช่วยเราให้เข้าใจความจำเป็นที่ต้องรับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าจริง ๆ แล้วเราจะไม่มีที่ติ

By admin