“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…กับโอกาสของพระเจ้า”
คำว่า “ฉวยโอกาส” มีความหมายได้ทั้งบวกและลบ ในแง่ลบ และมักใช้คำนี้กับการหาประโยชน์จากคนอื่นมาเข้ากับตนเอง และทำให้คนอื่นต้องสูญเสียจากการฉวยโอกาสของอีกคนหนึ่ง แต่สำหรับแง่บวก การฉวยโอกาส ก็สามารถทำให้คนอื่นได้รับประโยชน์จากการให้ของอีกคนหนึ่ง และมีบางสถานการณ์ที่การฉวยโอกาสก็สามารถเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย คือ วิน วิน (Win Win) ทั้งคู่ ซึ่งในปัจจุบัน โลกธุรกิจได้พบความจริงเรื่องนี้ และนำมาใช้ประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย และในคู่ค้าต่างก็พอใจ เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ
ซิก ซิการ์ ได้กล่าวว่า มนุษย์จะประสบความสำเร็จได้แค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่า เขามีความศรัทธาที่ล้ำลึกแค่ไหน….เรา(คริสเตียน)มีความศรัทธาว่า โอกาสดีๆที่เราได้รับ ย่อมจะมีความรับผิดชอบต่างๆผูกติดมาด้วย….เรามีความศรัทธาว่า การยอมรับตนเอง และความเจริญทางคุณธรรมภายในจิตใจ ผนวกกับความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีจะทำให้มนุษย์มีความสงบภายใน และเกิดพละกำลังที่จำเป็นต่อการแสวงหาความสำเร็จและความสุข อุปนิสัยใจคอ ความศรัทธา และความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คือรากฐานของความยิ่งใหญ่ และมนุษย์คนไหนก็ตามที่ปราศจากจุดยืนใดๆในชีวิต ย่อมเพลี่ยงพล้ำแก่กิเลศตัณหาได้อย่างง่ายดาย เราศรัทธาว่า พระเยซูคริสต์ กำลังตรัสกับคุณและผม เมื่อพระองค์ตรัสว่า ข้าทำได้ เจ้าก็ต้องทำได้ และทำได้ดียิ่งกว่าเสียอีก…พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากภาพลักษณ์ของพระองค์และออกแบบมนุษย์มาให้เขาสามารถประสบความสำเร็จ วางกลไกให้เกิดความสัมฤทธิ์ผลและมอบเมล็ดพันธุแห่งความยิ่งใหญ่ติดตัวมาด้วยทุกคน ความศรัทธาในสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราไม่คิดดูถูกใครและไม่คอยแต่จะหวังพึ่งผู้หนึ่งผู้ใด เราศรัทธาในความรักที่ไม่มีเงื่อนไข เราศรัทธาในการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และการให้อภัย และเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญในการแสวงหาความหมายที่แท้จริงในชีวิตของมนุษย์ เราศรัทธาว่า เรามีชีวิตอยู่เพื่อที่จะรัก และความรักหมายถึงการให้ความช่วยเหลือ และการให้ความช่วยเหลือคือการเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างมือที่กำไว้กับมือที่ยื่นส่งให้ คุณสามารถมีทุกสิ่งในชีวิตที่คุณต้องการ ถ้าเพียงแต่คุณทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยให้ผู้อื่นสมปรารถนาเสียก่อน…
ซิก ซิกล่าร์ (See you at the Top) นักสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก ที่ทำให้คนมากมายไปสู่ความสำเร็จ เขาเป็นคริสเตียนที่นำความหมายของคำว่า โอกาส (ของพระเจ้า)มาให้กับมนุษย์ทุกคน และนี่คือรากฐานของคำว่า วิน วิน จากทัศนคติของพระคัมภีร์ ที่ใช้คำว่า “ฉวยโอกาส”
เอเฟซัส5:15-21 15 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา16 จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว17 เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นอย่างไร18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ19 จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่าน ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า20 จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา21 จงยอมฟังกันและกันด้วยความเคารพในพระคริสต์
แต่สำหรับคริสเตียน พระคัมภีร์ตอนนี้ยังให้ความหมายคำว่า โอกาส (ที่ต้องฉวยไว้) ซึ่งเป็นเวลาของพระเจ้า เมื่อกาลที่ชั่ว (เวลาของโลกนี้) กำลังทำลายคนมากมาย แต่เวลาของพระเจ้าคือการเสริมสร้าง สนับสนุน และส่งผลที่ดีต่อชีวิตของคนที่เชื่อในพระองค์
ดัชท์ ชีท ผู้เขียนหนังสือ ที่ชื่อว่า God’ s timing in your life เวลาของพระเจ้าในชีวิตของคุณ ได้กล่าวว่า คนที่สามารถฉวยเวลาของพระเจ้ามาเป็นของเขาได้ คนนั้นจะเติบโตจากความเชื่อหนึ่งสู่อีกความเชื่อหนึ่ง จากความเข้มหนึ่งไปสู่อีกความเข้มแข็งหนึ่ง จากพระคุณหนึ่งไปสู่พระคุณมากขึ้น และจากพระสิริไปสู่พรอีกพระสิริหนึ่ง
เวลาของพระเจ้า ไครอสKairos รากศัพท์ภาษากรีก แปลว่า เวลาที่เหมาะสม หรือฤดูกาล หรือโอกาสที่ดี คำว่า โครนอส คือ เวลาที่มนุษย์ทุกคนมีเท่ากัน คือ 24 ชั่วโมง มีเช้าและเย็น มีสว่างและมืดค่ำ เวลาที่ผ่านไปอย่างหวนกลับคืนมาไม่ได้ ในข้อก่อนหน้านี้ ผู้เขียนหนังสือเอเฟซัสได้กล่าวถึงกิจการของความมืด ชีวิตในอดีตของคริสเตียนที่เคยอยู่ในความมืด นั่นคือการใช้เวลากับโอกาสเพื่อทำความชั่ว พระคัมภีร์เรียกการใช้เวลาไปกับการกระทำที่เป็นความมืดทั้งหลายเป็นการทำชั่ว และเวลาที่ใช้ในการทำชั่ว คือกาลที่ชั่ว (เวลาที่ไม่ดี)
คนไทยเรามักจะตำหนิเวลาที่มีสิ่งไม่มีดีเกิดขึ้นกับตนเองว่า เป็นเวลาที่ซวย ความจริงในตัวของเวลาเอง ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แต่การกระทำในช่วงเวลานั้นต่างหากที่ทำให้เวลากลายเป็นเวลาที่เลวร้าย หากเราไม่ได้ทำความชั่ว และพบกับสิ่งที่เลวร้าย อย่าโทษเวลา แต่ให้สำรวจการกระทำของเราว่า เราได้ทำอะไรในเวลานั้น และอะไรคือสาเหตุทำให้ต้องพบกับสิ่งเลวร้ายเหล่านั้น เป็นผลของการกระทำของตัวเราเองหรือไม่
1เปโตร2:20 20 เพราะจะเป็นความดีความชอบอย่างไรถ้าท่านทำความชั่ว และท่านถูกเฆี่ยนเพราะการกระทำชั่วนั้น แม้ท่านจะอดทนต่อการถูกเฆี่ยนด้วยความอดกลั้น แต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายกระทำการดีและทนเอาเมื่อตกทุกข์ยาก เพราะการดีนั้น ท่านก็จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
คำว่า ถูกเฆี่ยน คือการถูกลงโทษ ไม่ถึงตาย ก็ยังนับว่าคือโอกาส เป็นเพียงการลงวินัย เป็นผลลัพธ์จากการกระทำของเรา พระคัมภีร์ใช้อีกคำว่า ตีสอน สำหรับคนของพระเจ้า มีความหมายถึงโอกาสให้กลับใจใหม่ แก้ไข ปรับปรุงใหม่ เปลี่ยนแปลงใหม่
เอเฟซัส 5:8,11,14 8 เพราะว่าเมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างแล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง…11 และอย่าเข้าส่วนกับกิจการของความมืดอันไร้ผล แต่จงเผยกิจการนั้นให้ปรากฏดีกว่า….14 เหตุฉะนั้นจึงมีคำกล่าวว่า นี่แน่ะคนที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้น และจงฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน
คำเตือนในพระคัมภีร์เอเฟซัสตอนนี้ คือการบอกกับคนของพระเจ้าว่า ให้เปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้เวลาใหม่ จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง… อย่าดำเนินชีวิตแบบเก่าๆ ใช้เวลาอย่างไร้ค่า 11 และอย่าเข้าส่วนกับกิจการของความมืดอันไร้ผล การใช้เวลาไปกับกิจการของความมืด คือการทำลายเวลาอันมีค่า กิจการของความมืดที่พระคัมภีร์กล่าวนี้ได้แก่อะไร
3 แต่การเอ่ยถึงการล่วงประเวณี การลามกต่างๆ และการละโมบ อย่าให้มีขึ้นในพวกท่านเลย จะได้สมกับที่ท่านเป็นธรรมิกชน
4 ทั้งอย่าพูดหยาบคาย พูดเล่นไม่เป็นเรื่อง และพูดตลกหยาบโลนเกเร ซึ่งเป็นการไม่สมควร แต่ให้ขอบพระคุณดีกว่า
5 ท่านจงรู้แน่ว่า คนล่วงประเวณี คนลามก คนละโมบ (ที่เป็นเหมือนคนที่นับถือรูปเคารพ) จะมีส่วนในแผ่นดินของพระคริสต์และพระเจ้าเป็นมรดกก็หามิได้
คำว่า ความสว่างที่พระเจ้าทรงทำให้เราเป็น แปลว่า มองเห็นได้อย่างชัดเจน สำนวนในบ้านเรา มีคำหนึ่งคือคำว่า เทาๆ มีความหมายว่า จะขาวก็ไม่ขาว จะดำก็ไม่ดำ ไม่รู้ว่ามันใช่หรือไม่ใช่ นั่นคือสำนวนที่พูดถึงคนที่จะดำเนินชีวิตที่ไม่ชัดเจน ครั้งหนี่งอดีตนายกฯอานันต์ ปัญญารชุน ได้กล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะยืนอยู่ตรงกลางได้ เราต้องเลือกว่า จะอยู่ฝ่ายใด จะขาวก็ขาวไปเลย จะดำก็ดำไปเลย เพราะในเวลานั้น มีคนไทยจำพวกหนึ่ง ขออยู่ตรงกลาง ไม่สีนี้ และไม่สีโน้น กลัวจะไม่เป็นที่ยอมรับจากทั้งสองสี ระหว่างเหลืองกับแดง เป่านกหวีด กับไม่เป่านกหวีด มือตบกับเท้าตบ เป็นต้น
พระคัมภีร์เอเฟซัสตอนนี้ก็กำลังบอกกับคริสเตียนเมืองเอเฟซัสในยุคนั้นเช่นเดียวกัน ว่า คริสเตียนจะดำเนินชีวิต ด้านหนึ่งมืด ด้านหนึ่งสว่างไม่ได้ หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ มีมุมที่ซ่อน กับมุมที่เปิดเผย ก็ไม่ได้ เพราะว่า พระเจ้าได้ทำให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์เป็นความสว่างแล้ว
รากศัพท์ภาษากรีก คำว่า ความสว่าง แปลว่า เป็นสิ่งที่ปรากฏออกมามองเห็นได้ชัดเจนแล้ว คำว่า ความสว่าง คือคำเดียวกันกับคำว่า สิ่งที่มองเห็นได้ชัด ไม่มัวๆ ไม่เทาๆ และผู้เชื่อที่แสดงตนให้ปรากฏชัด คือคนที่พระเยซูจะส่องสว่างให้กับคนๆนั้น นั่นคือเขาจะยืนอยู่ในความสว่างของพระเยซู อย่างที่ข้าพเจ้าเคยยกตัวอย่างแล้วว่า อย่าเป็นดวงจันทร์ที่เป็นแค่แสงสะท้อนของความสว่าง แต่จงเป็นอย่างดวงอาทิตย์ที่มีความสว่างในตัวของมันเอง คำว่า คริสเตียนแปลว่า พระคริสต์น้อยๆ พระเยซูคริสต์ทรงมีความสว่างในพระองค์เอง ดังนั้นคริสเตียนน้อยๆมีพระคริสต์เป็นแสงสว่างในชีวิตของคนนั้น
14 เหตุฉะนั้นจึงมีคำกล่าวว่า นี่แน่ะคนที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้น และจงฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน
ความหมายคำว่า คนที่หลับ คนที่ตาย ล้วนเป็นคนที่ปิดตา หลับก็มืด ตายก็ยิ่งมืด ต้องตื่นขึ้น คือเปิดตา ต้องฟื้นขึ้น ก็คือยิ่งต้องออกจากการปิดตา ออกจากอุโมงค์ฝังศพ เหมือนลาซารัสที่พระเยซูทำให้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ให้เดินออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ แล้ว ยังมีผ้าพันคนตายปิดหน้าปิดตา (เหมือนมัมมี่) พระเยซูต้องสั่งให้คนช่วยเอาผ้าพันออก เขาจึงจะมองเห็น มองเห็นอะไร เวลาของพระเจ้า โอกาสใหม่ๆ (ความหวัง) มีคำพูดหนี่งกล่าวว่า คนที่มีความฝัน ไม่ใช่คนตาย คนตายไม่มีความหวัง ไม่มีอนาคต ผู้คนในสังคมของเราไม่น้อยที่กำลังดำเนินชีวิตอย่างคนสิ้นหวัง มืดแปดด้าน และกำลังจนมุม แต่คนของพระเจ้าไม่ใช่ เรามีไครอส เรามีเวลาของพระเจ้าอยู่กับเรา แม้เราจะมีเวลาโครนอสเหมือนคนทั่วไป แต่เราคือคนที่กำลังก้าวไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…กับโอกาส(เวลา)ของพระเจ้า
1.พบกันที่จุดสูงสุด เอเฟซัส 5:15-18
15 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา16 จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว17 เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นอย่างไร18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ
คำว่า ระมัดระวัง ในภาษากรีกคำนี้ แปลว่า จุดสูงสุด พระธรรมตอนนี้กำลังบอกเราว่า ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน เป็นเหมือนการไต่ขึ้นที่สูง และต้องขึ้นสูงเรื่อยๆ ไม่หยุด ต้องเข้มข้น ต้องมีวินัย ต้องออกแรง ออกกำลัง ต้องฉลาด ต้องใช้ปัญญา ต้องไม่เป็นอย่างคนโง่เขลา ที่ไม่รู้ ไม่ฟัง ไม่รับคำเตือน ไม่ปรับปรุงแก้ไข ไม่สวนกระแสที่ฉุดรั้ง กระแสของโลกนี้กำลังฉุดรั้งให้คนลงที่ต่ำ (ทำชั่ว) แต่คนที่เป็นความสว่างจะต้องสวนกระแสด้วยการทำดี (ขึ้นที่สูง) และพระเจ้าตั้งเป้าให้เราขึ้นถึงจุดสูงสุด กระแสของโลกนี้กำลังสอนให้ฉวยโอกาส เพื่อประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว หรือวิน วิน ก็คือ ยังเป็นการตอบสนองต่อกิเลศตัณหาของตนเองอยู่ดี แต่กระแสของพระคัมภีร์สอนเราขึ้นสู่เบื้องบนเพื่อรับรางวัลที่พระเยซูเตรียมไว้ให้กับเรา
ฟิลิปปี 3:12-14 12 มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว13 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
ความสำเร็จที่พระคัมภีร์กล่าวถึงตรงนี้ ไม่ใช่ประโยชน์ที่ฉวยจากมนุษย์ด้วยกันอีกต่อไป แต่เป็นความสำเร็จอย่างเดียวกันกับที่พระเยซูทรงฉวยไว้เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ และพระเยซูทำสำเร็จบนไม้กางเขน มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับความรอด รอดจากการพิพากษาลงโทษ รอดจากกฎแห่งการชดใช้กรรม หนี้บาปทั้งสิ้น คริสเตียนที่ชื่อเปาโลในยุคเมื่อสองพันปีที่แล้วพบความจริงเรื่องนี้ จึงได้รับการดลใจจากพระเจ้าในการถ่ายทอดความจริงนี้ว่า สิ่งที่คริสเตียนควรฉวยเอาไว้ที่แท้จริงคือ เวลาหรือโอกาสที่พระเจ้ามอบให้ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ อ.เปาโลใช้คำว่า แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ แปลว่า พยายามสุดกำลัง (บากบั่น) เพื่อจะไปพบกันที่จุดสูงสุด ขึ้นสูงอย่าลงต่ำ สวนกระแสโลกนี้ที่ทำให้มนุษย์ลงต่ำ เราลองพิจารณาดูพฤติกรรมของมนุษย์ทุกวันนี้ แทบจะสูญเสียความเป็นมนุษย์ไป ความเป็นมนุษย์แทบไม่เหลือ ลองคิดถึงสำนวนที่ว่า มีหมาเป็นเพื่อนดีกว่ามีเพื่อนหมาๆ อะไรทำให้คนคิดสำนวนอย่างนี้ขึ้นมา พฤติกรรมของคนที่แย่กว่าหมาทำให้คนมีความคิดว่า หมามันสัตย์ซื่อ รักจริง มากกว่าคน อย่างนี้คนไม่ต่ำกว่าหมาหรือ? ทิศทางของคนในยุคนี้กำลังตกต่ำ แต่คนของพระเจ้าจะต้องขึ้นสูง แล้วพบกันที่จุดสูงสุด
สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…กับโอกาสของพระเจ้า คือแสวงหาการดำเนินชีวิตในเวลาของพระเจ้า (โอกาส) ด้วยสติปัญญาจากเบื้องบน ในขณะที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ที่กำลังใช้สิ่งที่โลกนี้เรียกว่าสติปัญญา แต่ความจริงไม่ใช่เลย เพราะสิ่งที่โลกนี้เรียกว่าปัญญาไม่สามารถพาเราไปถึงจุดสูงสุด (เปาโลเรียกว่า หลักชัย หรือเบื้องบน)ได้
1โครินธ์1:19-20 19 เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญา และจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป20 คนมีปัญญาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน บัณฑิตแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน นักโต้ปัญหาแห่งยุคนี้อยู่ที่ไหน พระเจ้าได้ทรงกระทำปัญญาของโลกให้โฉดเขลาไปแล้ว…
1โคริน์ 2:6-7,10,12 6 เรากล่าวถึงเรื่องปัญญาในหมู่คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็จริง แต่มิใช่เรื่องปัญญาของยุคนี้ หรือเรื่องปัญญาของอำนาจครอบครองในยุคนี้ ซึ่งจะเสื่อมสูญไป7 แต่เรากล่าวถึงเรื่องพระปัญญาของพระเจ้าซึ่งเป็นข้อลับลึก คือพระปัญญาซึ่งทรงซ่อนไว้นั้น และซึ่งพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ก่อนปฐมกาล เพื่อให้เราถือศักดิ์ศรีของเรา…10 พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านั้นแก่เราทางพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า…12 เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา
ดังนั้น คริสเตียนทั้งหลายจงฟังดีๆ เราจะรู้เวลาและโอกาสของพระเจ้า เพื่อจะนำเราไปถึงจุดสูงสุด หลักชัย และรับรางวัลจากเบื้องบน เราต้องการปัญญาที่มาจากพระเจ้า โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต้องพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธื และพระวิญญาณบริสทธิ์อยู่ในเราทั้งหลายแล้ว จงใช้เวลากับพระวิญญาณบริสุทธิ์ อย่าใช้เวลากับความต้องการของเนื้อหนัง เราคิดว่าการใช้เวลาของเราได้ทำให้เราได้มองเห็นโอกาสของพระเจ้าผ่านสิ่งใด ระหว่างทีวีกับพระคัมภีร์ อะไรทำให้คุณได้มองเห็นเวลา (โอกาส) ของพระเจ้า การใช้เวลากับอะไร ระหว่าง คนของพระเจ้า กับคนของโลกนี้ ใช้เวลากับอะไร ระหว่าง ธุรกิจของพระเจ้า กับธุรกิจของโลกนี้ ใช้เวลากับอะไรระหว่าง ความรู้ของพระเจ้ากับความรู้ของโลกนี้ สิ่งไหนจะพาเราขึ้นที่สูงสุด หรือพาเราลงต่ำสุด ใครไปทิศไหน ก็จะพบกันที่นั่น คุณคาดหวังจะพบกันตรงจุดไหน ต่ำสุด หรือสูงสุด คนไทยเรามีแต่สำนวนว่า คบคนพาลพาไปหาผิด คบบันฑิตพาไปหาผล คุณกำลังคบใครอยู่ คบคนที่มีพระเยซู หรือคบใคร
2.เป็นชาวสวรรค์บนแผ่นดินโลก เอเฟซัส 5:19-21
19 จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่าน ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า20 จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา21 จงยอมฟังกันและกันด้วยความเคารพในพระคริสต์
มีคำไทยกล่าวว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังบอกเราว่า เรากำลังดำเนินชีวิตแบบชาวสวรรค์อย่างไร เราคงไม่พูดคุยกันเป็นลิเก แต่เป็นการบอกว่า ชาวสวรรค์บนแผ่นดินโลก เขามีท่าที ความคิด ทัศนคติที่สวยงาม ไพเราะเหมือนเสียงเพลง 19… คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่าน ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า นี่คือการสื่อสารกันและกันด้วยใจที่บริสุทธิ์ เหมือนใจที่บริสุทธิ์แด่พระเจ้า
มีคำที่กล่าววอีกว่า ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ แสดงให้เห็นว่า ใจคิดอย่างไร ดวงตาก็จะฟ้องออกมา คนที่มองก็จะสามารถเข้าใจ และรู้เจตนาของใจได้ อีกคำที่กล่าวถึงการรู้จักคนได้ด้วยคำพูด คำพูดบ่งบอกถึงลักษณะชีวิตของคนๆนั้น คริสเตียนเป็นชาวสวรรค์ ก็ต้องดำเนินชีวิต โดยเฉพาะคำพูดที่ออกมาจากใจ เป็นใจที่เปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว สะอาดแล้ว ไร้อคติ ไร้ความละโมบ ไร้ตัณหา และนี่คือลักษณะของชาวสวรรค์บนแผ่นดินโลก ชาวสวรรค์เขาจะคุยกันดีๆ ไม่ทะเลาะกัน ฟังกันและกัน ให้เกียรติกันและกัน ชาวสวรรค์ เป็นประชากรของพระเจ้า เหมือนกับคนอิสราเอลในยุคของโมเสสที่พระเจ้าทรงนำพวกเขาออกจากอียิปต์ พวกเขาอยู่ในเวลาของพระเจ้า ก็คือการเชื่อฟัง และดำเนินชีวิตเป็นประชากรของพระเจ้า ด้วยพระบัญญัติ กฎหมาย กฎเกณฑ์ของพระเจ้า เช่นเดียวกับคนไทยที่มีกฏและวิถีอย่างคนไทย ชาวสวรรค์ก็มีกฏฝ่ายวิญญาณและวิถีอย่างชาวสวรรค์เช่นกัน
ฮีบรู11:16 16 แต่ความจริงเขาปรารถนาที่จะอยู่ในเมืองที่ประเสริฐกว่านั้น คือเมืองสวรรค์ เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงมิได้ทรงละอาย เมื่อเขาเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าของเขา เพราะพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับเขาแล้ว
นี่คือพระคัมภีร์ที่กล่าวบุรุษแห่งความเชื่อ อับราฮัม ซึ่งเราทั้งหลายผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์กำลังเดินในเส้นทางไปสู่บ้านของเราคือเมืองสวรรค์เช่นเดียวกัน พระเจ้าไม่ละอาย เมื่อเราเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับเขาแล้ว พระเยซูได้ตรัสประโยคเดียวกันนี้ว่า พระองค์ได้ไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับเราแล้ว
ยอห์น 14:2-3 ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย
เพราะฉะนั้น จงดำเนินชีวิตอย่างชาวสวรรค์ ขึ้นที่สูง อย่าลงต่ำ มีพฤติกรรมอย่างมนุษย์ อย่าเป็นอย่างสัตว์ที่ดำเนินชีวิตด้วยสันตญาณของความอยู่รอดเท่านั้น เราเห็นสัตว์แย่งชิง กัดกัน ทำร้ายกัน แต่ชาวสวรรค์จะคุยกันดีๆ และไม่ต้องการอะไรของโลกนี้ เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดของโลกนี้ เช่น ทองคำ เพชรนิลจินดา ในสวรรค์เอามาทำถนน ทำเสาเรือน
ชาวสวรรค์จะแสวงหาที่จะอยู่ในเวลาของพระเจ้า และเวลาของพระเจ้าคือโอกาสที่จะนำพาไปสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ที่แท้จริง หยุดกิเลศตัณหาของเนื้อหนังได้แล้ว หยุดวิสัยอย่างโลกได้แล้ว หยุดที่จะแสวงหาโอกาส (เวลา)อย่างโลก และจงแสวงหาเวลาของพระเจ้า ไครอส
ลูกา 11:9-13 9 เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน10 เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ และทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา11 มีผู้ใดในพวกท่านที่เป็นบิดา ถ้าบุตรขอขนมปัง จะเอาก้อนหินให้เขาหรือ หรือถ้าขอปลาจะเอางูให้เขาแทนหรือ12 หรือถ้าขอไข่ จะเอาแมงป่องให้เขาหรือ13 เพราะฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์”
พระเจ้าต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่เชื่อในพระองค์ พระธรรมตอนนี้กล่าวสิ่งที่พระเจ้าต้องการประทานให้มากกว่าที่ขอ มากกว่าที่หา มากกว่าที่ร้องเรียก นั่นคือ การให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ กษัตริย์ซาโลมอน ขอสติปัญญา โดยไม่ขอเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศเลย และพระเจ้าทรงพอพระทัย เพราะสติปัญญาจากเบื้องบน คือสิ่งที่คู่ควรกับการเป็นกษัตริย์เหนือคนอิสราเอล (คนของพระเจ้า)
ในเวลาและโอกาสที่พระเจ้าประทานให้กับเรา ไม่ว่าจะผ่านอะไรก็ตาม จงรู้เถิดว่า สิ่งเหล่านั้น (พระพรต่างๆ) คือสิ่งที่เราควรจะใช้เพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด และใช้อย่างชาวสวรรค์ อย่าใช้อย่างชาวโลก อย่าใช้เพื่อลงต่ำ ขอพระเจ้าอวยพรทุกคน
“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…กับโอกาสของพระเจ้า”
1.พบกันที่จุดสูงสุด
2.เป็นชาวสวรรค์บนแผ่นดินโลก