“สู่จุดหมายปลายทาง”
วีดีโอเสียง ยินดีต้อนรับ…สู่เที่ยวบินแห่งความสุข
คลิปวีดีโอเสียงนี้ คือความคาดหวังสำหรับคนทั่วไป กับปีใหม่ที่อีกไม่กี่วันนี้ กำลังจะมาถึง ด้วยการ countdown นับถอยหลัง เที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม ย่างเข้าสู่นาทีแรกของวันที่ 1 มกราคม กลายจุดตื่นเต้นของคนมากมาย แต่ว่า การเดินทางอันแสนยาวไกลกำลังรออยู่ข้างหน้า อีกหนึ่งปี บางคนก็ไปไม่ถึงปี ไม่มีโอกาสที่จะนับ countdown ในปีต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถล่วงรู้อนาคตของตนเอง ว่าจะจบเห่ หรือจะไปต่อ จะเดิน หรือจะนั่งรถ ลงเรือ ขึ้นรถไฟ หรือขึ้นเครื่องบิน
ถ้าเราได้ยินคำว่า สถานีต่อไป คือ…แสดงว่า เรายังไปต่อได้ แต่ถ้าเราได้ยินว่า สุดทางตันแล้ว มองไม่เห็นทางไปต่อแล้ว ก็จงรีบลงจากรถไฟ เพื่อจะเปลี่ยนขบวนรถไฟที่จะไปให้สุดปลายทางให้ได้
ปัญญาจารย์ 2:13-16 13 ข้าพเจ้าเห็นว่าสติปัญญาวิเศษกว่าความเขลา เหมือนความสว่างวิเศษกว่าความมืด14 คนมีสติปัญญามีตาอยู่ในสมอง แต่คนเขลาเดินในความมืด ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังเห็นว่า เคราะห์อย่างเดียวกันเกิดขึ้นแก่เขาทั้งมวล15 ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่า “เคราะห์กรรมอันใดเกิดแก่คนเขลาฉันใด ก็คงจะเกิดกับตัวข้าพเจ้าฉันนั้น ถ้ากระนั้นแล้วข้าพเจ้าจะมีสติปัญญามากมายทำไมเล่า” ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่าเรื่องนี้ก็อนิจจังเหมือนกัน16 เพราะไม่มีใครระลึกถึงคนมีสติปัญญาเช่นเดียวกับคนเขลา ด้วยเห็นว่าในอนาคตก็ลืมกันไปหมดแล้ว พุทโธ่ คนมีสติปัญญาก็ตายเหมือนคนเขลา
ปัญญาจารย์กล่าวถึงจุดจบของมนุษย์ทุกคน เหมือนกัน ไม่ว่าคนๆนั้นจะฉลาดมีสติปัญญา หรือโง่เขลา จะมีตาในสมอง หรือไม่มี จะเดินในทางสว่างหรือทางมืด ไม่ต่างกัน แล้วอะไรที่ต่างกัน นั่นคือ บทสรุปที่ปัญญาจารย์ทิ้งท้ายเอาไว้ในบทสุดท้ายของหนังสือปัญญาจารย์เกี่ยวกับหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน
ปัญญาจารย์ 12:9-14 9 นอกจากท่านเป็นคนฉลาดแล้ว ปัญญาจารย์ยังสอนความรู้ให้ประชาชนอีกด้วย เออ ท่านพิเคราะห์ ท่านค้นคว้า และท่านเรียบเรียงสุภาษิต10 ปัญญาจารย์เสาะหาถ้อยคำที่เพราะหูและท่านเขียนถ้อยคำแห่งความจริงไว้อย่างเที่ยงตรง 11 ถ้อยคำของนักปราชญ์เป็นประดุจปฏัก และถ้อยคำที่ท่านเมษบาลรวบรวมไว้ก็ตรึงแน่นอย่างตะปู12 และยิ่งกว่านั้นอีก บุตรชายของข้าพเจ้าเอ๋ย จงรับคำตักเตือนเถิด ซึ่งจะทำหนังสือมากก็ไม่มีสิ้นสุด และเรียนมากก็เหนื่อยเนื้อหนัง 13 จบเรื่องแล้ว ได้ฟังกันทั้งสิ้นแล้ว จงยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ เพราะนี่แหละเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทั้งปวง14 ด้วยว่าพระเจ้าจะทรงเอาการงานทุกประการเข้าสู่การพิพากษาพร้อมด้วยสิ่งเร้นลับทุกอย่าง ไม่ว่าดีหรือชั่ว
ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง คนทั่วโลกต่างมุ่งหวังจะขึ้นยานพาหนะ ที่จะไปพร้อมกับความสุข ความสำเร็จ สุขภาพที่ดีในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เป็นความคาดหวังในการมีชีวิตอยู่ แต่อย่าลืมความจริงว่า ไม่เพียงคาดหวังที่จะมีชีวิตอยู่อย่างเดียว แต่ต้องคาดหวังตอนจบของชีวิตด้วยว่า จะไปถึง จุดหมายปลาย จบลงอย่างไร เพราะพระคัมภีร์ได้กล่าวว่า ทุกการงาน ทุกชีวิตจะจบลงที่ การงานทุกอย่าง ทุกการกระทำ จะต้องถูกนำเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า การพิพากษา (ตัดสิน)ว่า ผ่านหรือไม่ผ่าน เหลือหรือไม่เหลือ หมดตัว หรือยังมีติดตัว
ดังนั้น การตั้งเป้าหมายของคนที่มีพระเจ้าจะแตกต่างจากคนทั่วไป ก็คือ พระคัมภีร์บอกเราว่า
14 ด้วยว่าพระเจ้าจะทรงเอาการงานทุกประการเข้าสู่การพิพากษาพร้อมด้วยสิ่งเร้นลับทุกอย่าง ไม่ว่าดีหรือชั่ว
ถ้าอย่างนั้น เป้าหมายของเส้นทางดำเนินชีวิตของเรา จำเป็นต้อง ไปให้ถึงจุดหมายปลายทางไม่ใช่แค่ความมั่งคั่ง ความสำเร็จ สุขภาพที่ดีเท่านั้น แต่เพื่อจะเข้าสู่การตัดสินพิพากษาของพระเจ้า พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า
1โครินธ์ 3:13-15 13 การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร14 ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน15 ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ
จำเป็นที่เราจะต้องสกรีน กลั่นกรองทุกอย่าง ที่เราจะทำ จะเป็น จะไปสู่ พระคัมภีร์ได้เตือนอย่างนี้ว่า
1เธสะโลนิกา 5:21 21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น
มีคนถามข้าพเจ้าว่า ตอนเรียนโรงเรียนพระคริสตธรรมในระดับปริญญาโท ที่ประเทศเกาหลีนั้น ข้าพเจ้าเรียนรู้เรื่องอะไร ข้าพเจ้าตอบคนที่ถามว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ไม่ใช่ว่ารู้พระคัมภีร์มากขึ้น แต่ได้เรียนรู้ว่า จะพิสูจน์อย่างไรว่า พระคัมภีร์คือของจริง เพราะฉะนั้น วิชาที่เรียน จึงเป็นการหาข้อมูลความจริงหลักฐานมาหักล้างให้ได้ว่า พระคัมภีร์โกหก และข้าพเจ้าก็ได้บทสรุปว่า พระคัมภีร์เป็นของจริง
เรากำลังอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยการหลอกลวง การโกหก พระคัมภีร์จึงจัดอันดับเรื่องการพูดมุสา (โกหก) มีน้ำหนักเท่ากับการทำบาป เรื่องการล่วงประเวณี และรูปเคารพ เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับพระเจ้าอย่างยิ่ง
1เธสะโลนิกา 5:21 21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น
นี่คือความหมายเดียวกันกับที่พระเยซูทรงตรัสกับสาวก(ศิษย์)ของพระองค์ว่า
มัทธิซ 5:13-14 13 “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ14 “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้
เกลือต้องไม่หมดรสเค็ม แสงสว่างต้องไม่พ่ายแพ้ต่อความมืด
ปีหน้า ปีใหม่ เราจะต้องไปให้ถึงจุดหมาย สุดปลายทางของความเป็นเกลือ ความเป็นแสงสว่าง สวนกระแสในทุกด้าน
เรามีความเชื่อว่าปีหน้าเราจะสวนกระแส หลายคนชอบ เมื่อพูดถึงคำนี้ เพราะกระแสเศรษฐกิจของโลก ของประเทศกำลังตกต่ำ ฝืดเคืองทางการเงิน แต่เราจะสวนกระแสเศรษฐกิจ ที่แย่ แต่เศรษฐกิจของเราจะดีขึ้น หลายอาเมนทันที แต่ว่า เราจะสวนกระแสแค่เพียงเศรษฐกิจเท่านั้นหรือ ข้าพเจ้าอยากจะบอกกับเราทั้งหลายว่า ถ้าเรายืนหยัดที่จะสวนกระแสกับความมืด สวนกระแสกับความเละเทะเรื่องเพศ สวนกระแส กับความชั่ว การลามกทั้งหลาย และสวนกระแสกับการโกหก การหลอกลวง การมุ่งร้าย ทำลาย การอยากเอาชนะ และอะไรก็ตามที่เลวร้าย ทำลาย ไม่ได้สร้างสรร คุณไม่ต้องกลัวว่าคุณจะอยู่ไม่ได้ พระเจ้าจะอยู่ฝ่ายคุณแน่นอน พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า…
โรม 8:31 31 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา
พระคัมภีร์ตอนนี้ จะไม่ใช่แค่ลมปากที่เราจะเอามาเอ่ยอ้าง แต่จะเป็นจริง เป็นของจริงที่จับต้องได้ เป็นจริงได้ ต่อให้มีคนพยายามจะล้มคุณ ทำลาย ใส่ร้าย คุณก็จะอยู่ต่อได้ และไปได้อย่างยานพาหนะพิเศษของพระเจ้า
เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้ามีความฝันที่เหมือนจริงมาก ในความฝัน ข้าพเจ้ากำลังเดินทางด้วยรถไฟ ที่ถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง สุดท้าย รถไฟ ก็จอดที่สถานี แล้วบอกว่า ไปต่อไม่ได้แล้ว ต้องลงจากรถไฟทุกคน ข้าพเจ้ารีบไปซื้อตั๋วรถไฟให้กับทุกคนที่มากับข้าพเจ้า และบอกกับคนขายตั๋วรถไฟว่า ขอตีตั๋วให้ทุกคนไปขบวนรถไฟที่ไปให้ถึงจุดหมาย สุดปลายทางเลยนะ และเมื่อรถไฟมา ข้าพเจ้ารีบกระโดดเข้าไปในรถไฟขบวนใหม่ ที่สวนทางกับรถไฟขบวนเก่า เข้าไปได้ประตูปิดทันที ข้าพเจ้าหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่บนรถไฟว่า ทำไมประตูรถไฟปิดเร็วจัง คนอื่นจะขึ้นทันไม๊เนี่ย ไม่มีคำตอบ ทุกคนบนรถไฟ หน้าตาเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่แก่ และมองไปข้างหน้า รถไฟกำลังพาข้าพเจ้าไป สุดลูกหูลูกตา รถไฟขบวนนี้ กำลังพาข้าพเจ้าไปถึงจุดหมายปลายทางแน่ แต่พอหันกลับมา…อ้าว มีบางคนตกรถไฟ ไม่ได้ไปด้วย อย่ารู้เลยว่าใคร …..
แต่เอาเป็นว่า เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าก็พยายามจะตีความหมายของความฝันนี้ว่า หมายถึงอะไร จนไม่นานมานี้ เพื่อนศิษย์เก่าโรงเรียนพระคริสตธรรมที่เกาหลี เรามีกลุ่มแชท จากเพื่อนที่กระจายกันไปรับใช้พระเจ้าทั่วโลก แทบทุกทวีป อเมริกา อัฟริกา คานาดา เอเชีย อินเดีย….เยอะแยะเต็มไปหมด ในกลุ่มแชทของเราก็จะมีการส่งข้อความรูปภาพการเคลื่อนไหวในงานรับใช้พระเจ้าทั่วโลกเข้ามา มีเพื่อนท่านหนึ่ง เขียนบทความมาว่า เขาได้เห็นนิมิตเป็นรถไฟที่เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรับใช้พระเจ้า ขึ้นรถไฟขบวนเดียวกัน และมีคนที่กระโดดออกจากรถไฟไปก็เยอะ คนที่กระโดดออกไปจากรถไฟ คือคนที่ไม่ไปกับรถไฟขบวนนี้ แล้ว รถไฟกำลังเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทาง ส่วนคนที่กระโดดออกไป ไปทำอะไรตามใจตนเอง ไม่อยากจะทนกับการต้องเดินทางไปกับรถไฟขบวนนี้
คุณว่า พระเจ้ากำลังบอกอะไรกับข้าพเจ้า …และกำลังบอกอะไรกับคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 แห่งนี้
คริสตจักรคือโบกี้หนึ่งที่กำลังเคลื่อนไปในขบวนรถไฟ ที่มีพระเยซูคริสต์เจ้า และนิมิตของคริสตจักร คือเข็มทิศที่ตั้งในทิศทางเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นหัวรถจักรนำและขับเคลื่อน พาเราไป สู่จุดหมายปลายทาง
วันนี้ คริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11ได้ผ่านการพิสูจน์แล้ว และยังต้องผ่านการพิสูจน์อีก ตราบใดที่คริสตจักรยังคงเป็นโบกี้ที่ต่อกับหัวรถจักร
คำถามก็คือว่า เราทุกคน กำลังกระโดดเข้าไปในรถไฟขบวนเดียวกันนี้ใช่ไม๊ เรากำลังเดินทางไปตามการทรงนำของพระเจ้า ไม่ใช่ความต้องการของเนื้อหนังใช่ไม๊
อย่ากระโดดออกไปจากโบกี้รถไฟที่กำลังพาเราไปถูกทิศทาง ไปอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ เราไม่มีคำว่า ก้าวต่อไป เรามีแต่คำว่า สถานีต่อไป เราไม่ได้ต้วมเตี้ยมเตาะแตะอย่างเด็กเพิ่งหัดเดินแล้ว แต่เราจะเดินทางด้วยยานพาหนะ ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้เราเคลื่อนไป ไม่ใช่เคลื่อนไหว ดุกดิก เหมือนมีชีวิต แต่ความจริง ตายสนิท จอดสนิท ไปต่อไม่ได้
พระเยซูทรงตรัสถึง น้ำองุ่นใหม่ ถุงหนังใหม่ เพื่อจะบอกกับเราว่า เราจะอยู่กับสิ่งที่จะพาเราไปด้วยสิ่งเก่าๆไม่ได้ อีกต่อไป
มัทธิว 9:17 17 และเขาไม่เอาน้ำองุ่นหมักใหม่ มาใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นถุงหนังจะขาด น้ำองุ่นจะรั่ว ทั้งถุงหนังก็จะเสียไปด้วย แต่เขาย่อมเอาน้ำองุ่นหมักใหม่ใส่ในถุงหนังใหม่ แล้วทั้งสองอย่างก็อยู่ดีด้วยกันได้”
ถุงหนังสำหรับใส่น้ำองุ่น สำหรับการเดินทางไกล ของคนในยุคของพระเยซูคริสต์ที่เส้นทางคือทะเลทราย น้ำดื่มเป็นสิ่งหายาก ถุงหนังจึงหมายถึงการเดินทาง พาหนะของคนยุคนั้นคืออูฐ ทำให้สามารถเดินทางไกลได้ และถุงหนังบรรจุน้ำ มักจะทำมาจากกระเพาะอูฐ สามารถเก็บน้ำได้มาก และขยายได้ เมื่อน้ำนั้นคือน้ำผลไม้ ผลองุ่น ที่เมื่อเป็นน้ำองุ่นหมักใหม่ ใส่ในถุงหนังใหม่ พระเยซูยกคำเปรียบเทียบตอนนี้ เพื่อจะบ่งบอกถึงวิถีการดำเนินชีวิตคริสเตียน ที่เป็นเหมือนถุงหนังใหม่ ที่สามารถจะรับน้ำองุ่นใหม่ คือพระวิญญาณบริสุทธิ์
น้ำองุ่นหมักใหม่ คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงคุณค่า และมีคุณภาพ ไม่เคยเปลี่ยน แต่ถุงหนัง เปลี่ยน ตามกาลเวลา ถุงหนังเก่าต้องทิ้งไป และเอาถุงหนังใหม่มาแทน ชีวิตเก่าต้องทิ้งไป ต้องเป็นชีวิตใหม่มาแทน จึงจะเหมาะสมกับการดำเนินชีวิตไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเจ้าประทานให้กับผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์
พระคัมภีร์โคโลสี ได้กล่าวถึง ชีวิตเก่า ชีวิตใหม่ เพื่อให้เหมาะกับการดำเนินชีวิตคริสเตียน
โคโลสี 3:5-10 5 เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ6 เพราะสิ่งเหล่านี้ พระอาชญาของพระเจ้าก็จะลงมา7 ครั้งหนึ่งท่านเคยประพฤติสิ่งเหล่านี้ด้วย ครั้งเมื่อท่านยังดำรงชีวิตอยู่กับสิ่งเหล่านี้8 แต่บัดนี้ สารพัดสิ่งเหล่านี้ท่านจงเปลื้องทิ้งเสีย คือความโกรธ ความขัดเคือง การคิดปองร้าย การพูดให้ร้าย คำพูดหยาบโลน9 อย่าพูดมุสาต่อกัน เพราะว่าท่านได้ปลดวิสัยมนุษย์เก่า กับการปฏิบัติของมนุษย์นั้นเสียแล้ว10 และได้สวมวิสัยมนุษย์ใหม่ ที่กำลังทรงสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายของพระองค์ผู้ทรงสร้าง ให้รู้จักพระเจ้า
ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ในวิถีชีวิตคริสเตียนที่กำลังเดินทางตามเส้นเวลาเหมือนกับคนทั่วไป Chronos แต่เวลาของคริสเตียนจะมี Kairos เวลาของพระเจ้าอยู่บนเส้นเวลา 12 เดือน สี่สัปดาห์ หนึ่งวัน ยี่สิบสี่ชั่วโมง ความแตกต่างของคริสเตียนสำหรับการตั้งเป้าปีใหม่ ลาทีปีเก่า ควรจะเป็นการจัดการกับชีวิตเก่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตามหลักการของพระคัมภีร์ และนี่คือยานพาหนะที่จะพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางสุดทางได้
สมาชิกของคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 จะเป็นเกลือให้กับสังคม เป็นแสงสว่างนำทางคนอีกมากมาย และเวลานี้ เรากำลังเคลื่อนไปอย่างรถไฟความเร็วสูง ขอให้ทุกคน กระโดดเข้าไปในรถไฟ และเคลื่อนไปด้วยกันกับเรา
สู่จุดหมายปลายทาง
กิจการ 1:8 8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
ดำเนินชีวิตในพระคริสต์ ดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ จะนำเราไปสู่จุดหมายปลายทาง ในนิยามของพระเยซูคริสต์ คือ ชีวิตที่เป็นพยานว่า พระเยซูทำอะไรในชีวิตของเรา มากขึ้นในปีหน้า 2020
หัวข้อปีหน้าของเรา คือ ตรีเอกานุภาพกับคุณ นั่นหมายความว่า พระเจ้าทั้งสามพระภาคจะนำเราเคลื่อนไป ดุจดังยานพาหนะอันทรงพลัง บริบูณ์อุดมด้วยฤทธ์เดช
โรม 8:31 31 ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา