“ฤดูกาลใหม่….การเชื่อฟังใหม่” New Season….New Obedience

การเชื่อฟังใหม่ เกิดขึ้น ในชีวิตปกติใหม่  และส่งผลให้ภาพรวมของประเทศไทย ติดอันดับหนึ่งในเอเชีย และอันหกของโลก เรื่องความปลอดภัยจากโรคระบาดโควิด 19 วันนี้ การเชื่อฟังในชีวิตปกติใหม่ ทำให้เรากลายเป็นสังคมที่น่าอยู่ด้านสาธารณะสุข สุขอนามัย ของการอยู่ร่วมกัน  การรับความเข้าใจ ความรู้ ทำให้เราออกจากบ้านมาทำกิจธุระปกติในวิถีชีวิตใหม่  เพียงแต่ ขอให้เราเชื่อฟัง เราจะปลอดภัย ปลอดโรค (ติดเชื้อ)

สังเกตว่า โรคนี้มาจากต่างประเทศ ไม่ได้เกิดจากภายในประเทศของเรา ยิ่งเราอยู่ห่างไกลจากคนที่มาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโรคเท่าใด เรายิ่งปลอดภัย เราจึงเห็นว่า มีการต้องซักประวัติว่า ก่อนหน้านี้ ไปไหนมา  และต้องเชื่อฟัง ในการให้ข้อมูลอย่างสัตย์ซื่อ  คนที่ไม่เชื่อฟัง ให้ข้อมูลเท็จ ทำให้ตนเอง กลายเป็น Super spreader คนหนึ่ง ทำให้คนติดเชื้อโรคไปถึงร้อย พันคน

การเชื่อฟังใหม่ คือการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ วันนี้ ข้าพเจ้าเขียนสูจิบัตร ด้วยหัวข้อว่า ฤดูกาลใหม่….การเปลี่ยนแปลงใหม่ ตัวอย่าง เช่นคริสตจักรของเราไม่เคยทำมาก่อน เช่น  ให้จองที่นั่งล่วงหน้าก่อนมาโบสถ์  เมื่อก่อนกว่าจะให้คนมาโบสถ์ได้ ต้องเรียกแล้วเรียกอีก แต่ตอนนี้ ที่นั่งในโบสถ์ ถ้าไม่จอง ไม่มีค่ะ เพราะตอนนี้ เต็มแล้ว ก่อนถึงวันอาทิตย์ เราต้องเสียที่นั่งไปกับการเว้นระยะห่าง แต่ปรากฏว่า นี่คือฤดูกาลใหม่ ที่เกิดขึ้นกับโบสถ์เรา คือ มีคนมาโบสถ์มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา…..

ฤดูกาลใหม่….การเชื่อฟังใหม่  ทำให้คริสตจักรเรา ต้องงดเดินถุงถวายทรัพย์  เปลี่ยนช่องทางถวายทรัพย์เป็นเอาเงินใส่ซองและให้หยอดกล่องกันเอง หรือโอนเงินถวายเข้าบัญชีธนาคารของโบสถ์   เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เราเห็นพี่น้องทำการถวายทรัพย์ผ่านช่องทางใหม่นี้ อย่างล้นดู้ถวาย (เพราะตู้ถวายเราเล็กๆ) บางคนแนะว่า ต้องทำตู้ใหม่ใหญ่กว่าเดิมแล้ว ขอขี้แจงว่า ซองถวายของคริสตจักร มีช่องให้เขียนว่า ถวายเรื่องอะไร เท่าไหร่ สามารถใส่ซองรวมเงินมาได้ แล้วคนนับเงิน เขาจะลงบัญชีและออกใบเสร็จตามที่ท่านระบุจำนวนเงินไว้หน้าซองเอง  นี่คือ การเชื่อฟังใหม่ ที่ทุกคนเต็มใจ และสัตย์ซื่อในการถวายาทรัพย์

ฤดูกาลใหม่ ….การเชื่อฟังใหม่  ทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบ และทำให้เป็นที่พอใจของคน และข้าพเจ้าแน่ใจว่า พระเจ้าทรงพอพระทัย กับสังคมที่มีระเบียบแน่นอน   พระคำในวันนี้ที่จะเทศนา มาจากหนังสือหนึ่งซามูเอล 15 มีประโยคทองที่กล่าวถึง การเชื่อฟัง….

1ซามูเอล 15:22   22 และ​ซา​มูเอล​กล่าว​ว่า “​พระ​เจ้า​ทรง​พอ​พระ​ทัย​ใน​เครื่อง​เผา​บูชา​และ​เครื่อง​สัตว​บูชา​มาก เท่ากับ​การ​ที่​จะ​เชื่อ​ฟัง​พระ​สุรเสียง​ของ​พระ​องค์​หรือ ดู​เถิด ที่​จะ​เชื่อ​ฟัง​ก็​ดีกว่า​เครื่อง​สัตว​บูชา และ​ซึ่ง​จะ​สดับ​ฟัง​ก็​ดีกว่า​ไขมัน​ของ​บรรดา​แกะ​ผู้

ก่อนจะถึงฤดูกาลใหม่….การเชื่อฟังใหม่  สำหรับอาณาจักรอิสราเอล เกิดการไม่เชื่อฟัง ทำให้เป็นที่มาของประโยคทอง.….ดู​เถิด ที่​จะ​เชื่อ​ฟัง​ก็​ดีกว่า​เครื่อง​สัตว​บูชา และ​ซึ่ง​จะ​สดับ​ฟัง​ก็​ดีกว่า​ไขมัน​ของ​บรรดา​แกะ​ผู้….  ประโยคทองนี่ คือคำพูดของซามูเอลผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าที่ทรงใช้แต่งตั้งกษัตริย์คนแรกของอิสราเอล(ตามคำเรียกร้องของประชาชนที่อยากจะมีกษัตริย์ผู้นำชนชาติที่เป็นมนุษย์เหมือนกับชนชาติรอบข้างพวกเขา  พระเจ้าจึงทรงเลือกซาอูล  ซามูเอลได้กล่าวคำทบทวนซาอูลว่าเขามาจากไหน จึงได้เป็นกษัตริย์….

1ซามูเอล 15:17  17 และ​ซา​มูเอล​เรียน​ว่า “แม้​ท่าน​เป็น​แต่​ผู้​เล็กน้อย​ใน​สายตา​ของ​ท่าน ท่าน​มิได้​รับ​แต่งตั้ง​ให้​เป็น​ประมุข​ของ​บรรดา​เผ่า​อิสราเอล​ดอก​หรือ ​พระ​เจ้า​ทรง​เจิม​ท่าน​ไว้​เป็น​พระ​ราชา​เหนือ​อิสราเอล​

ซาอูลได้รับการเลือก เจิมตั้งจากพระเจ้า ไมใช่จากความสามารถของตัวเขาเอง ในการรบทุกครั้ง ซาอูลชนะในการต่อสู้ ก็เพราะพระเจ้าทรงทำให้เขาชนะ เพราะซาอูลในตอนต้นๆ เชื่อฟังคำสั่ง ให้บุก ให้ลุย ให้ยึด ให้ทำลายทุกอย่าง แต่ว่า….พอมาถึงตอนนี้ ซาอูลเกิดความเสียดาย(โลภ) สิ่งที่พระเจ้าสั่งให้ทำลายให้หมด  เก็บสิ่งที่ตนเองอยากได้ไว้

13 และ​ซา​มูเอล​ก็​มา​หา​ซาอูล และ​ซาอูลเรียน​ท่าน​ว่า “ขอ​พระ​เจ้า​อวย​พระ​พร​ท่าน​เถิด ข้าพเจ้า​ได้​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​ธรรม​บัญญัติ​ของ​พระ​เจ้า​แล้ว”14 และ​ซา​มูเอล​กล่าว​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น​เสียง​แกะ​ที่​ร้อง​เข้า​หู​ข้าพเจ้า​กับ​เสียง​วัว​ที่​ข้าพเจ้า​ได้​ยิน​หมาย​ความ​ว่า​กระไร”15 ซาอูลตอบ​ว่า “เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​นำมา​จาก​คน​อามาเลข เพราะ​พวก​พล​ได้​ไว้​ชีวิต​แกะ​และ​โค​ที่​ดี​ที่สุด เพื่อ​เป็น​เครื่อง​สัตว​บูชา​แด่​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน นอก​จาก​นั้น​เรา​ทั้ง​หลาย​ก็​ได้​ทำลาย​เสีย​สิ้น”

ซาอูลตีความการเชื่อฟังพระเจ้าของเขาเอง ว่า การที่เขาปฏิลัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าแล้ว เขาเลือกไม่เชื่อฟังบางอย่างที่พระเจ้าจะตรัสกับเขา สังเกตว่า ในบทสนทนที่ซามูเอลตอบซาอูลในตอนนี้

1ซามูเอล 15:19  19 เหตุ​ใด​ท่าน​จึง​ไม่​เชื่อ​ฟัง​พระ​สุรเสียง​ของ​พระ​เจ้า แต่​ไป​เฉี่ยว​ทรัพย์​สิ่งของ​ต่างๆ และ​กระทำ​สิ่ง​ชั่ว​ร้าย​ใน​สาย​พระ​เนตร​พระ​เจ้า”

ซามูเอลใช้คำว่า ไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า  ซึ่งไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ เท่านั้น  พระสุรเสียงของพระเจ้า คือ เรมาห์ Rhema   ที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้สื่อถึง ถ้อยคำที่ออกมาจากถ้อยคำ  เรห์มา ออกมาจากโลกอส

ยอห์น 15:3   3 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้รับ​การ​ชำระ​ให้​สะอาด​แล้ว​ด้วย​ถ้อยคำ​ที่​เรา​ได้​กล่าว​แก่​ท่าน​ 

ถ้อยคำที่พระเยซูใช้พูดกับสาวก ตอนนี้ ใช้คำว่า โลกอส G3056 λόγος logos (โลกอส)   a word, something said ที่จะฝังอยู่ในความทรงจำของสาวก

ยอห์น 15:7   7 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา และ​ถ้อยคำ​ของ​เรา​ฝัง​อยู่​ใน​ท่าน​แล้ว ท่าน​จะ​ขอ​สิ่ง​ใด ซึ่ง​ท่าน​ปรารถนา​ก็​จะ​ได้​สิ่ง​นั้น​

ถ้อยคำ ที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสในข้อ 7 นี้ พระองค์ใช้คำว่า เรห์มา Rhema ที่แปลว่า ถ้อยคำที่ออกมาจากถ้อยคำ G4487 ῥήμα rhema เรห์มา an utterance, a flow of words

เรห์มา คือเสียงที่เปล่งออกมาจากถ้อยคำ (โลกอส) คือพระคำของพระเจ้า เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ เราได้ยินเสียงออกมาจากพระคัมภีร์ เป็นความเข้าใจ เป็นคำสั่งให้เราทำตาม ด้วยความเชื่อฟัง และนี่คือ สิ่งที่ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า 19 เหตุ​ใด​ท่าน​จึง​ไม่​เชื่อ​ฟัง​พระ​สุรเสียง​ของ​พระ​เจ้า…..

มีคนหนึ่งต้องการทดสอบการฟังเสียงของคนในมหานครนิวยอร์ค เมืองใหญ่ของอเมริกาอย่างนี้  คือเมืองใหญ่ เมืองเศรษฐกิจจะมีสภาพเสียงดัง และผู้คนแออัด เดินไปมาไม่สนใจใคร ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยไปเจอนักท่องเที่ยวในที่พักที่เรียกว่า hostel ที่พักราคาถูกสำหรับคนท่องเที่ยว ถ้าจำไม่ผิด ข้าพเจ้าพบเขาที่ฝรั่งเศส เมื่อได้พูดคุยกัน ว่าเขาท่องเที่ยงไปไหนๆบ้าง เขาก็พูดถึงกรุงโรม เมืองหลวงของอิตาลี ที่มีชื่อเสียงเรื่องการถูกล้วงกระเป๋า และสภาพเลวร้ายของสังคมคนแออัด เขาเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า  สองกรุงโรมยังไม่เท่าหนึ่งนิยอร์ค  และเรื่องที่คนๆหนึ่งต้องการจะทดสอบการฟังเสียงของคนนิวยอร์คว่า คนในนครนิวยอร์คมีการฟังเสียงอย่างไร ชายคนนี้ ก็เลยไปอยู่ที่ย่านที่ผู้คนในนิวยอร์คเดินไปเดินมาอย่างเร่งรีบมากที่สุด ไม่มีอะไรจะหยุดพวกเขาได้ ไม่ว่าใครจะเป็นหรือจะตายตรงหน้า (เรารู้ว่า ตอนนี้ นิวยอร์คมีสถิติคนตายเพราะโควิด19 มากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก  ชายคนที่ต้องการทดสอบการฟังเสียงของคนนิวยอร์คได้ทำเหรียญดอลล่าหล่นลงกับพื้น  เท่านั้นแหล่ะ เสียงดังอะไร ก็ไม่สามารถจะกลบเสียงของเหรียญเงินที่หล่นในเวลานั้นได้ ผู้คนหยุดเพื่อจะเก็บเหรียญที่หล่นนั้น….

วันนี้ เรากำลังฟังเสียงอะไรอยู่  เรากำลังดำเนินชีวิตตามเสียงของอะไร  ซาอูลอ้างว่า เขาเชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระเจ้า แน่นอน ก็ไม่ต่างจากคนยิวทั่วไปในยุคนั้น ที่จะต้องเรียนและรู้ธรรมบัญญัติของพระเจ้า ซามูเอลได้ชี้ให้ซาอูลเห็นว่า การเชื่อฟังธรรมบัญญัติของซาอูลไร้ผล และยังถือว่า สิ่งที่ซาอูลทำนั้น คือการไม่เชื่อฟัง

1ซามูเอล 15:22-23  22 และ​ซา​มู​เอล​ทูล​ว่า “พระ​ยาห์​เวห์​พอ​พระ​ทัย​ใน​เครื่อง​บูชา​เผา​ทั้ง​ตัว​และ​เครื่อง​สัตว​บูชา​มาก เท่า​กับ​การ​ที่​จะ​เชื่อ​ฟัง​พระ​สุร​เสียง​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​หรือ? ดู​เถิด ที่​จะ​เชื่อ​ฟัง​ก็​ดี​กว่า​เครื่อง​สัตว​บูชา และ​ซึ่ง​จะ​เอา​ใจ​ใส่​ก็​ดี​กว่า​ไขมัน​ของ​บรรดา​แกะ​ผู้ 23 เพราะ​การ​กบฏ​ก็​เป็น​เหมือน​บาป​แห่ง​การ​ถือ​ฤกษ์​ถือ​ยาม และ​ความ​ดื้อ​ดึง​ก็​เป็น​เหมือน​บาป​ชั่ว​และ​การ​ไหว้​รูป​เคา​รพ เพราะ​เหตุ​ที่​ท่าน​ทอด​ทิ้ง​พระ​วจนะ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ พระ​องค์​จึง​ทรง​ถอด​ท่าน​ออก​จาก​ตำแหน่ง​กษัตริย์”

หากเราเปลี่ยนมาเป็นคริสเตียแล้วไม่มีการได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า การเป็นคริสเตียนของเราก็ไม่ต่างจากการนับถือศาสนาเดิม และมันก็คือการเปลี่ยนศาสนาเท่านั้น  แต่ห่างไกลจากแก่นแท้ของศาสนาคริสต์ นั่นคือ การได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า และการเชื่อฟัง

ฤดูกาลใหม่…การเชื่อฟังใหม่ ในเวลานี้ ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า คือ การเปลี่ยนแปลงใหม่ ที่เราทุกคน รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ในมิติของการเชื่อฟังใหม่ ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มีการฝึก การแสวงหา และตรวจสอบ เพื่อจะเชื่อฟังเสียงที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่เสียงที่มาจากค่านิยมของโลกนี้ หรือค่านิยมในสังคมคริสเตียนที่แฝงไปด้วยค่านิยมของโลกนี้

เสียงของพระเจ้า ที่พูดผ่านพระคัมภีร์ สดใหม่ โปร่งใส สะอาด ถูกสุขอนามัยต่อจิตวิญญาณ เป็นเสียงที่ฟังแล้วสดชื่น เบิกบาน ทำให้มีความเชื่อ ทำให้มีความรัก และการให้อภัย  ทำให้จิตใจอ่อนโยน ยอมจำนนต่อสิ่งที่ดี และมีชัยชนะเหนือความโกรธ เกลียด อคติทั้งหลาย นั่นแหละคือพระสุรเสียงของพระเจ้า สิ่งที่พระเยซูตรัสว่า ….

ยอห์น 15:7   7 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา และ​ถ้อยคำ​ของ​เรา​ฝัง​อยู่​ใน​ท่าน​แล้ว ท่าน​จะ​ขอ​สิ่ง​ใด ซึ่ง​ท่าน​ปรารถนา​ก็​จะ​ได้​สิ่ง​นั้น​

ถ้อยคำที่ออกมาจากถ้อยคำ The word through a word (Rhema thru Logos) เป็นถ้อยคำที่ให้ชีวิต give life เป็นน้ำพุแห่งชีวิต เปลี่ยนความเศร้าโศกให้กลายเป็นความชื่นชมยินดี เปลี่ยนความสิ้นหวังให้กลายเป็นความหวัง และเปลี่ยนสภาพที่แห้งตายอย่างกระดูกแห้งให้กลับมีชีวิตอีกครั้ง เมื่อพระเจ้าทรงนำเอเสเคียลผู้เผยพระวจนะไปหว่างเขากระดูกแห้ง มีคำสั่ง และการกระทำตามของเอเสเคียลดังนี้

เอเสเคียล 37:1-14  1 ​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​เจ้า​มา​อยู่​เหนือ​ข้าพเจ้า และ​พระ​องค์​ทรง​นำ​ข้าพเจ้า​ออกมา​ด้วย​พระ​วิญญาณ​ของ​พระ​เจ้า​และ​วาง​ข้าพเจ้า​ไว้​ที่​กลาง​หว่าง​เขา มี​กระดูก​เต็ม​ไป​หมด​2 ​พระ​องค์​ทรง​พา​ข้าพเจ้า​ไป​เที่ยว​ใน​หมู่​กระดูก​เหล่า​นั้น ดู​เถิด มี​กระดูก​ที่​หว่าง​เขา​นั้น​มาก​มาย​เหลือเกิน และ​นี่​แน่ะ เป็น​กระดูก​แห้ง​ทีเดียว​3 และ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “บุตร​แห่ง​มนุษย์​เอ๋ย กระดูก​เหล่า​นี้​จะ​มี​ชีวิต​ได้​ไหม” และ​ข้าพเจ้า​ทูล​ตอบ​ว่า “​พระ​เจ้า​เจ้า​ข้า​พระ​องค์​ก็​ทรง​ทราบ​อยู่​แล้ว”4 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​ข้าพเจ้า​อีก​ว่า ‘จง​เผย​พระ​วจนะ​ต่อ​กระดูก​เหล่า​นี้ และ​กล่าว​แก่​มัน​ว่า กระดูก​แห้ง​เอ๋ย จง​ฟัง​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​

พระเจ้าสั่งให้เอเสเคียล พูด ให้กระดูกแห้งได้ยินคำเผยพระวจนะ ที่แปลว่า The word คำที่เอเสเคียลพูด คือ คำที่ท่านได้ยินเป็นเสียงจากพระเจ้า

5 ​พระ​เจ้า​ตรัส​ดังนี้​แก่​กระดูก​เหล่า​นี้​ว่า ดู​เถิด เรา​จะ​กระทำ​ให้​ลม​หายใจ​เข้า​ไป​ใน​เจ้า และ​เจ้า​จะ​มี​ชีวิต​6 เรา​จะ​วาง​เส้น​เอ็น​ไว้​บน​เจ้า​และ​จะ​กระทำ​ให้​เนื้อ​มี​มา​บน​เจ้า และ​เอา​หนัง​คลุม​เจ้า และ​บรรจุ​ลม​หายใจ​ใน​เจ้า​และ​เจ้า​จะ​มี​ชีวิต และ​เจ้า​จะ​ทราบ​ว่า เรา​คือ​พระ​เจ้า” 7 ข้าพเจ้า​ก็​เผย​พระ​วจนะ​ดังที่​ข้าพเจ้า​ได้รับ​บัญชา เมื่อ​ข้าพเจ้า​เผย​อยู่​นั้น​ก็​มี​เสียง และ​ดู​เถิด เป็น​เสียง​กรุก​กริก กระดูก​เหล่า​นั้น​ก็​เข้า​มา​หา​กัน​ตาม​ที่​ของ​มัน​8 และ​เมื่อ​ข้าพเจ้า​มองดู​ก็​เห็น​มี​เอ็น​บน​มัน และ​เนื้อ​ก็​มา​ที่​กระดูก และ​หนัง​ก็​มา​หุ้ม​กระดูก​ไว้​แต่​ไม่​มี​ลม​หายใจ​ใน​นั้น​

พระเจ้าพูดกับเอเสเคียลเป็นคำสั่ง และเอเสเคียลก็เผยพระวจนะ (พูดตามที่ท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า)

9 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “จง​เผย​พระ​วจนะ​แก่​ลม​หายใจ บุตร​แห่ง​มนุษย์​เอ๋ย จง​เผย​เถิด จง​กล่าว​แก่​ลม​หายใจ​ว่า ​พระ​เจ้า​ตรัส​ดังนี้​ว่า ลม​หายใจ​เอ๋ย จง​มา​จาก​ลม​ทั้ง​สี่ มา​หายใจ​เข้า​ไป​ใน​คน​ที่​ถูก​ฆ่า​เหล่า​นี้​เพื่อให้​เขา​มี​ชีวิต”10 ข้าพเจ้า​ก็​เผย​พระ​วจนะ​ดังที่​ทรง​บัญชา​แก่​ข้าพเจ้า และ​ลม​หายใจ​ก็​เข้า​มา​ใน​กระดูก และ​กระดูก​ก็​มี​ชีวิต แล้ว​ก็​ยืน​ขึ้นเป็น​กองทัพ​ใหญ่โต​จริงๆ 11 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​กับ​ข้าพเจ้า​ว่า “บุตร​แห่ง​มนุษย์​เอ๋ย กระดูก​เหล่า​นี้​คือ​พงศ์​พันธุ์​อิสราเอล​ทั้งสิ้น ดู​เถิด เขา​ทั้ง​หลาย​กล่าว​ว่า ‘กระดูก​ของ​เรา​แห้ง และ​ความ​หวัง​ของ​เรา​ก็​สิ้น​ไป เรา​ถูก​ทำลาย​เสีย​หมด​จด​ทีเดียว’

จากกระดูกแห้งอย่างสิ้นเชิง ในตอนนี้ ใช้คำว่า ถูกทำลายเสียหมดจด(เสียหมด) ไม่มีทาง ไม่มีวันที่จะกลับมามีชีวิตได้อีก แต่ถ้อยคำของเอเสเคียลที่มาจากการได้ยินเสียงของพระเจ้า เป็นถ้อยคำที่ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้กระดูกแห้งกลับมีชีวิต  ทำให้สิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ เป็นไปได้

พระเจ้ายังพูดกับเอเสเคียลต่อไปอีกว่า

12 เพราะ​ฉะนั้น จง​เผย​พระ​วจนะ​และ​กล่าว​แก่​เขา​ว่า ​พระ​เจ้า​ตรัส​ดังนี้​ว่า “ดู​เถิด โอ ประชากร​ของ​เรา​เอ๋ย เรา​จะ​เปิด​หลุม​ฝัง​ศพ​ของ​เจ้า และ​ยก​เจ้า​ออกมา​จาก​หลุม​ฝัง​ศพ​ของ​เจ้า และ​จะ​นำ​เจ้า​กลับมา​ยัง​แผ่นดิน​อิสราเอล​13 โอ ประชากร​ของ​เรา​เอ๋ย เจ้า​จะ​ทราบ​ว่า เรา​คือ​พระ​เจ้า ใน​เมื่อ​เรา​เปิด​หลุม​ศพ​ของ​เจ้า และ​ยก​เจ้า​ออกมา​จาก​หลุม​ศพ​ของ​เจ้า​14 และ​เรา​จะ​บรรจุ​วิญญาณ​ของ​เรา​ไว้​ใน​เจ้า และ​เจ้า​จะ​มี​ชีวิต และ​เรา​จะ​วาง​เจ้า​ไว้​ใน​แผ่นดิน​ของ​เจ้า แล้ว​เจ้า​จะ​ทราบ​ว่า​เรา​คือ​พระ​เจ้า​ได้​ลั่น​วาจา​แล้ว และ​เรา​ได้​กระทำ ​พระ​เจ้า​ตรัส​ดังนี้​แหละ”

14 …..เรา​คือ​พระ​เจ้า​ได้​ลั่น​วาจา​แล้ว และ​เรา​ได้​กระทำ ​พระ​เจ้า​ตรัส​ดังนี้​แหละ”

คำว่า ลั่นวาจาแล้ว  คือ  พระสุรเสียงที่พระเจ้าได้เปล่งออกมาแล้ว พระองค์จะทำให้สำเร็จ น่าสนใจว่า เสียงของพระเจ้าที่เปล่งออกมาแล้ว ดังก้องอยู่ ไม่หายไปไหน แต่คนที่จะได้ยินเสียงนั้น คือ คนที่แสวงหาที่จะเชื่อฟังถึงจะได้ยินเสียงของพระองค์

สุภาษิต 25:2  2 ความ​ยิ่งใหญ่​ของ​พระ​เจ้า​คือ​การ​ซ่อน​สิ่ง​ต่างๆ ไว้ แต่​ศักดิ์ศรี​ของ​พระ​ราชา คือ​การ​ค้น​สิ่ง​ต่างๆ ให้​ปรากฏ

กษัตริย์ดาวิดได้รับการเจิมตั้งเป็นกษัตริย์แทนซาอูล เพราะท่านเป็นผู้ที่แสวงหาที่จะฟังเสียงของพระเจ้าเพื่อจะเชื่อฟัง มิใช่เพิ่อความปรารถนาของตนเอง ท่านได้เขียนพระคัมภีร์สดุดี 119 แสดงถึงความตั้งใจแน่วแน่ของท่านที่จะเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าที่สำแดงแก่ท่านในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นธรรมบัญญัติ หรือพระสุรเสียงของพระเจ้า

พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสคำว่า เชื่อฟัง ที่แม้แต่พระองค์เอง ก็ทรงยอมเชื่อฟัง เมื่อยอห์นผู้ให้บัพติสมาในน้ำ ปฏิเสธที่จะให้บัพติศมาในน้ำแก่พระองค์ เพราะนั่นคือการลดพระองค์ลงมาอยู่ใต้ยอห์น เพราะยอห์นรู้ว่า พระเยซูคริสต์คือผู้ที่สูงกว่าท่าน

ยอห์น 3:14-17  14 แต่​ยอห์น​ทูล​ห้าม​พระ​องค์​ว่า “ข้า​พระ​องค์​ต้อง​การ​จะ​รับ​บัพติศมา​จาก​พระ​องค์ ควร​หรือ​ที่​พระ​องค์​จะ​เสด็จ​มา​หา​ข้า​พระ​องค์”15 แต่​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ยอห์น​ว่า “บัดนี้​จง​ยอม​เถิด เพราะ​สมควร​ที่​เรา​ทั้ง​หลาย​จะ​กระทำ​ตาม​สิ่ง​ชอบธรรม​ทุก​ประการ” แล้ว​ยอห์น​ก็​ยอม​ 16 ครั้น​พระ​องค์​ทรง​รับ​บัพติศมา​แล้ว ใน​ทันใด​นั้น​ก็​เสด็จ​ขึ้น​จาก​น้ำ และ​ท้องฟ้า​ก็​แหวก​ออก และ​พระ​องค์​ได้​ทรง​เห็น​พระ​วิญญาณ​ของ​พระ​เจ้า​ดุจ​นกพิราบ ลง​มา​สถิต​อยู่​บน​พระ​องค์​17 และ​นี่​แน่ะ​มี​พระ​สุรเสียง​ตรัส​จาก​ฟ้า​สวรรค์​ว่า “ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​บุตร​ที่​รัก​ของ​เรา เรา​ชอบ​ใจ​ท่าน​มาก”

ฤดูกาลใหม่….การเชื่อฟังใหม่  จะทำให้เราทั้งหลายได้ยินเสียงจากฟ้า ว่า พระเจ้าทรงชอบใจเรามาก อาเมน

ยอห์น 15:7   7 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา และ​ถ้อยคำ​ของ​เรา​ฝัง​อยู่​ใน​ท่าน​แล้ว ท่าน​จะ​ขอ​สิ่ง​ใด ซึ่ง​ท่าน​ปรารถนา​ก็​จะ​ได้​สิ่ง​นั้น​

By admin