“คริสต์มาส…ที่ลี้ภัย”
ภาพที่เรามักจะเห็นในการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส นอกจากจะมีทูตสวรรค์ เหล่าหมู่คนเลี้ยงแกะ และโยเซฟกับนางมาเรีย และพระกุมารเยซูกับรางหญ้า และโรงวัว ยังมีสามโหราจารย์ ในภาพเหล่านั้นด้วย
มัทธิว 2:1-2 1 พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า2 “กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน”
คำพูดของสามโหราจารย์ตอนนี้ บอกให้เรารู้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงบังเกิดแล้ว พร้อมกับการปรากฏของดาวที่พวกโหราจารย์เรียกว่า ดาวของท่าน เป็นไปได้ว่า ระยะเวลาที่สามโหราจารย์ใช้ในการค้นหาข้อมูล และการตัดสินใจเดินทาง ติดตามหาค้นหาตำแหน่งของดวงดาว อาจยาวนานถึงเกือบสองปี จนโหราจารย์มาพบพระเยซูในบ้านไม่ใช่ในโรงวัว
คริสต์มาส…ที่ลี้ภัย ใครจะรู้ได้ว่า การมาประสูติของพระเยซูคริสต์ ถูกปองร้ายตั้งแต่ในวัยทารกของพระองค์ และพระองค์ต้องลี้ภัยไปยังประเทศอียิปต์ และเป็นเหตุที่พระเยซูเกิดที่หนึ่ง (เบธเลเฮม) และไปโตอีกที่หนึ่ง เป็นชาวนาซาเร็ธ ทั้งสองสถานที่นี้ เป็นที่ปลอดภัยและลี้ภัยสำหรับพระองค์
ความจริง พระเยซูทรงเสด็จมาบังเกิดอย่างเงียบๆ มีแค่ชาวบ้านที่ธรรมดาที่สุดได้เข้าเฝ้าพระกุมารเยซู ก็คือ คนเลี้ยงแกะ คริสต์มาสน่าจะมีเพียงแค่นี้ แต่คริสต์มาส…กลายเป็นคริสต์มาส…ที่พระเยซูคริสต์ต้องลี้ภัย เพราะมีคนอยากรู้ อยากเห็นการเสด็จมาของพระองค์ คนกลุ่มที่อยากรู้(มากขึ้น) เพราะพวกเขาเป็นพวกที่ความรู้มาก ซึ่งพระคัมภีร์เรียกคนพวกนี้ว่า โหราจารย์ เป็นพวกรู้จริง อยู่ในที่ที่เรียกว่า ตะวันออก ทิศตะวันออก เป็นทิศที่คนในยุคพระคัมภีร์โบราณ มักจะเรียกว่า ทิศที่มีความเจริญรุ่งเรือง มั่งคั่ง กว่าทิศอื่น
….พวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า2 “กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน”
น่าสนใจ และน่าประทับใจ สำหรับ สามโหราจารย์ ที่ไม่ใช่ยิว แต่เป็นผู้ที่ค้นคว้าศึกษาหาข้อมูลจนได้ความรู้จริงๆ และเดินทางไปสถานที่จริง (จากวิชาการเป็นโหร ผู้วิเคราะห์ ตีความเรื่องดวงดาว) ไม่ใช่หมอดูทำนายไปเรื่อย และคำว่า สามโหราจารย์ บอกให้เรารู้ถึงจำนวนที่มีการตรวจสอบกันภายในพวกเขาแล้ว่า สิ่งที่เขาแสวงหา ข้อมูลต่างๆ ล้วนต้องผ่านการกลั่นกรองกันเองภายในแล้ว การลงทุนออกเดินทางไกล เพื่อให้ได้คำตอบจากที่ตนเองได้ค้นพบปริศนาดวงดาวนี้ จึงเป็นการตัดสินใจอย่างมีสติสัมปชัญญะ และจากข้อมูลจริงๆ
นอกจากเรื่องราวน่าสนใจนี้แล้ว ยังมีเรื่องราวน่าสังเกต ก็คือ ความอยากรู้ของสามโหราจารย์ เป็นเหตุให้เกิดคำถาม และคำถามนั้นดันไปถามผิดคน….
มัทธิว 2:3 3 ครั้นกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นแล้ว ก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย
ความวุ่นวายใจของกษัตริย์เฮโรด เกิดจากความอิจฉาริษยา และความกลัวที่จะสูญเสียความเป็นกษัตริย์ที่ได้รับอำนาจการปกครองจากทางการโรมมา โดยตัวของกษัตริย์เฮโรดเป็นคนต่างชาติ ไม่ใช่คนยิว คำที่สามโหราจารย์กล่าว่ากษัตริย์ของชนชาติยิว แปลว่า กษัตริย์ตัวจริงจะมาปกครองชนชาติของพระองค์แล้ว กษัตริย์เฮโรด เป็นเพียงคนได้รับการแต่งตั้งมา มาเพราะตำแหน่ง แต่ไม่ใช่ของจริง
….ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย
ชาวกรุงเยรูซาเล็ม เป็นคนยิวล้วน ข่าวนี้น่าจะนำความน่ายินดีมาให้กับพวกเขา แต่กลับทำให้พวกเขาวุ่นวายใจไปด้วย เป็นเพราะชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งหมด ต่างรู้นิสัยของกษัตริย์เฮโรดว่า เป็นคนอย่างไร แน่นอนว่า ความวุ่นวายใจของชาวเยรูซาเล็ม คือ ความกลัวว่า จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแน่นอน ต้องมีการขัดขวาง ทำลาย และนองเลือดแน่ เพราะเฮโรดคงไม่ปล่อยให้กษัตริย์องค์ใหม่มาแทนที่ตัวเอง ความรู้สึกนี้ ไม่ได้คิดเอง และข่าวนี้ ไม่ได้เป็นความลับ เพราะกษัตริย์เฮโรดมีการเคลื่อนไหว ตอบสนองต่อการได้ข่าวการมาของพระคริสต์…
มัทธิว 2:4 4 แล้วท่านให้ประชุมบรรดามหาปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ของประชาชน ตรัสถามเขาว่า “ผู้เป็นพระคริสต์นั้นจะบังเกิดแห่งใด”
คำถามของสามโหราจารย์ ที่มีต่อกษัตริย์เฮโรด ได้กระตุ้นให้เกิดความอยากรู้ อยากแสวงหาพระเยซูคริสต์ เพื่อปองร้าย ในขณะที่สามโหราจารย์ต้องการแสวงหาพระองค์เพื่อนมัสการ คนยิว ระดับปุโรหิต ธรรมาจารย์ ซึ่งเป็นคนที่รู้คำทำนายอยู่แล้ว (แต่ไม่แสวงหา) แต่ถูกกระตุ้นให้ต้องแสดงความรู้นั้นออกมา เพราะถูกถาม และคนถามคือกษัตริย์เฮโรด
มัทธิว 2:5-6 5 เขาทูลว่า “ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ ดังนี้ว่า 6 บ้านเบธเลเฮมในแผ่นดินยูเดีย จะเป็นบ้านเล็กน้อยที่สุดในสายตาของบรรดาผู้ครองแผ่นดินยูเดียก็หามิได้ เพราะว่าเจ้านายคนหนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอลชนชาติของเรา”
เราลองจินตนาการว่า ปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ ที่รู้จักพระคัมภร์ดี รู้ว่า จะมีข่าวดี แต่ไม่ยินดี และไม่เคยบอกใคร จนถูกถาม โดยกษัตริย์เฮโรด อาการของคนพวกนี้ที่ต้องมาพูดข่าวการมาของพระคริสต์ จะเป็นอย่างไร อาจจะเหมือนคริสเตียนจำนวนไม่น้อย ที่รู้จักพระคัมภีร์ดี มีข่าวดี และข่าวดีนี้ มันนอนนิ่งอยู่ในชีวิต พระเยซูคริสต์เป็นเพียงข้อมูลในสมอง…. ในขณะที่มีคนอย่างสามโหราจารย์ ที่เป็นคนนอก ไม่ใช่คริสเตียน แต่พยายามแสวงหาความหมายของชีวิต ดวงดาว ที่ปรากฏ คือเครื่องชี้นำทางว่า ชีวิตยังมีความหวังแม้จะเป็นแสงสว่างน้อยนิดในความมืด (เหมือนกับสถานการณ์โลกของเราเวลานี้ ดูเหมือนมืดมน )
คริสต์มาส…มีที่ลี้ภัย ทางจิตใจให้กับผู้คน ไม่บังเอิญ ที่คริสต์มาสวันนี้ มีเรื่องของโควิดเกิดขึ้น รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่เป็นที่ลี้ภัย ใครๆก็แห่หนีมาที่เรา จนนำเชื้อเข้ามา และทำให้เกิดความวุ่นวายในเวลานี้
ขอบคุณพระเจ้าที่ประเทศไทยเราเป็นที่ลี้ภัย คริสต์มาสในยามนี้ เป็นที่ลี้ภัยให้ผู้คนได้ทุกที่ เราได้เห็นคริสตจักรปิด มีออนไลน์กันแทบทุกที่ คริสต์มาส…ที่ลี้ภัย ของพระเยซูคริสต์เมื่อสองพันปีที่แล้ว ได้เข้าไปอยู่ในที่ซ่อนตัวที่ดีคือบ้านของเรานี่แหล่ะ คริสตจักรได้เข้าไปถึงในบ้านแล้ว
มัทธิว 2:7-8 7 แล้วเฮโรดจึงเชิญพวกโหราจารย์เข้ามาเป็นการลับ ถามเขาได้ความถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นได้ปรากฏขึ้น8 แล้วท่านได้ให้พวกโหราจารย์ไปยังบ้านเบธเลเฮมสั่งว่า “จงไปค้นหากุมารนั้นเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เรา เพื่อเราจะได้ไปนมัสการท่านด้วย”
เชื้อโควิด มันไปอย่างลับ ไปที่ไหน ก็เพื่อจะทำลาย แต่จะเข้าไปในบ้านของเราไม่ได้ หากเราทุกคนอยู่กับบ้าน เหมือนกษัตริย์เฮโรดที่ต้องการพบพระกุมารเยซู เพื่อทำลาย ขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงเปลี่ยนวิฤกตให้เป็นโอกาสได้เสมอ
มัทธิว 2:9-11 9 โหราจารย์เหล่านั้น จึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งเขาได้เห็นเมื่อปรากฏขึ้นนั้นก็ได้นำหน้าเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น10 เมื่อพวกโหราจารย์ได้เห็นดาวนั้นแล้ว ก็มีความยินดียิ่งนัก11 ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
แม้สามโหราจารย์จะถามหาพระกุมารเยซูกับกษัตริย์เฮโรด ซึ่งเป็นการถามผิดคน กลายเป็นการจุดประกายการทำลายพระกุมารเยซูแทน แต่พระเจ้าได้ให้สามโหราจารย์ได้พบกับพระเยซู เพื่อจะนำเครื่องถวายอันมีค่า ได้แก่ ทองคำ กำยาน และมดยอม ทั้งสามอย่างนี้ คือของมีค่าราคาสูง เปลี่ยนไปเป็นเงินและการดำรงอยู่รอดของทั้งพระเยซูและโยเซฟและนางมารีย์ได้ทันที
เรื่องราวที่เราได้รับชมในวีดีโอสั้นๆนี้ ได้บันทึกว่า สามโหราจารย์ได้รับคำเตือนจากพระเจ้ามิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด แต่ให้เดินทางกลับไปบ้านเมืองของตนทางอื่น และพระเจ้าได้เตือนโยเซฟทางความฝัน หลังจากพวกโหราจารย์ไปแล้ว ให้รีบพาพระกุมารเยซูหนีไปที่อียิปต์ทันทีเช่นกัน เพราะว่า ภัยร้ายกำลังจะเข้ามา
มัทธิว 2:14-15 14 ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงลุกขึ้น พากุมารกับมารดาไปยังประเทศอียิปต์15 และได้อยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า ซึ่งได้ตรัสไว้โดยผู้เผยพระวจนะว่า เราได้เรียกบุตรของเราให้ออกมาจากอียิปต์
คริสต์มาส…ของพระเยซูคริสต์เจ้า มีเรื่องราวการลี้ภัยของพระองค์ ไม่ใช่แค่เรื่องความยินดีที่พระองค์มาบังเกิดเท่านั้น
วันนี้ มีคนมากมาย ต้องพบกับความผิดหวัง ผิดแผน ที่วางไว้ในช่วงสิ้นปี จะเดินทางไปเที่ยว จะเฉลิมฉลองปาร์ตี้ ต้องกลายเป็นต้องลี้ภัยโควิด อยู่กับบ้าน นมัสการฟังเทศนาผ่านออนไลน์ และไม่รู้ว่าจะยาวไปกี่วัน กี่สัปดาห์ กว่าภัยนี้จะหมดลง
คริสต์มาส…ที่ลี้ภัย สำหรับคนของพระเจ้า เพื่อจะได้ลี้ภัยอย่างแท้จริง ด้วยการนมัสการพระเยซูคริสต์เจ้า แล้วเราจะได้รับการสำแดงจากพระเจ้าถึงทิศทางที่เราควรไป ควรทำตัวอย่างในสถานการณ์วันนี้ ให้พระองค์เปลี่ยนเราทั้งหลาย ให้เป็น ทองคำ กำยาน มดยอบ ภายในชีวิต ที่มีคุณค่า
การบันทึกของพระคัมภีร์มัทธิวตอนนี้ ได้กล่าวถึง ภัยที่มาจากกษัตริย์เฮโรด อย่างโหด
มัทธิว 2:16-18 16 ครั้นเฮโรดเห็นว่าพวกโหราจารย์หลอกท่าน ก็กริ้วโกรธยิ่งนัก จึงใช้คนไปฆ่าเด็กผู้ชายทั้งหลาย ในบ้านเบธเลเฮมและที่ใกล้เคียงทั้งสิ้น ตั้งแต่อายุสองขวบลงมา ซึ่งพอดีกับเวลาที่ท่านได้ทราบจากพวกโหราจารย์นั้น17 ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสโดยเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะว่า 18 ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ คือนางราเชลร้องไห้คร่ำครวญเพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับฟังคำปลอบเล้าโลม เพราะบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า โควิด ไม่เลือกว่า เชื้อชาติ หญิงชาย วัยอายุ มันไปถึงทุกคนอย่างไม่ปรานี ละเว้นใคร ขอให้เราทุกคนจงลี้ภัยให้พ้นจากโรคระบาดครั้งนี้
คริสต์มาส ปีนี้ เป็นคริสต์มาส…ที่ลี้ภัย ที่เราทุกคนต้องอยู่บ้าน อย่าเสียดาย อย่าออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะในช่วงเวลาสองสัปดาห์นี้ จนกว่าจะมีสัญญาณว่า ปลอดภัยแล้ว และจงใช้เวลาในการฟังเสียงของพระเจ้าว่า ท่านควรจะทำอะไร ในยามนี้
สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ