เวลานี้อากาศเปลี่ยนแปลงทุกครั้งก็จะมีผลต่อสุขภาพร่างกายของเรา ต้องดูแลตัวเองด้วย ในอดีตผมเคยเป็นนักกีฬาวิ่งมาก่อน ผมเป็นนักวิ่งตั้งแต่รุ่นเล็ก กลาง ใหญ่ ก็ฟิตตัวเองมาเรื่อยฝึกจนเป็นนิสัยที่จะตื่นเช้ามาออกกำลังกาย แต่เมื่อมารับใช้ที่ใจสมานงานก็เยอะก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลย  10 กว่าปี  ปรากฏว่าเมื่อเดือนตุลาปีที่แล้ว เกิดอาการชา ไปหาหมอก็ตรวจปรากฏว่าเส้นเลือดตีบไป 1 เส้น ซึ่งหมอบอกว่าปกติคนที่เป็นแบบนี้จะเป็นอัมพฤกษ์ แต่ก็ไม่เป็น ก็นึกเสียดายที่ว่างเว้นการออกกำลังกายไป ทำให้สุขภาพไม่ดี แต่ตอนนี้ก็กลับมาออกกำลังกายใหม่แล้วอย่างสม่ำเสมอวันละประมาณ 1 ชั่วโมง  เพราะฉะนั้นขอให้เราออกกำลังกายด้วย  เช้าวันนี้ให้เราดูพระคัมภีร์ตอนหนึ่งซึ่งจะนำเราไปสู่ 1 โครินธ์ 1:7-8 คือเพื่อเราจะปราศจากที่ติ   สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราทำบาปในขณะที่เราเป็นคริสเตียน คือความรู้สึกที่ไม่ดีต่ออีกคน และไปรู้สึกดีต่ออีกคนหนึ่งสูงกว่า คนที่เรารู้สึกไม่ดี และเกิดความรู้สึกเปรียบเทียบ และทำให้เกิดความแตกแยก ซึ่งเป็นความบาป  พระคัมภีร์พูดชัดว่าเราเป็นอวัยวะในพระกายของพระคริสต์ เรามาดูพระธรรม 1 โครินธ์ 3: 5-9  5อปอลโลคือผู้ใด   เปาโลคือผู้ใด   คือผู้รับใช้   ซึ่งได้สอนพวกท่านให้เชื่อ   เราแต่ละคนได้รับใช้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดให้ 6ข้าพเจ้าปลูก   อปอลโลรดน้ำ   แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต 7เพราะฉะนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร   แต่พระเจ้าผู้ทรงโปรดให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ 8คนที่ปลูกและคนที่รดน้ำก็เป็นพวกเดียวกัน   แต่ทุกคนก็จะได้ค่าจ้างตามการที่ตนได้กระทำไว้ 9เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า   ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า   และเป็นตึกของพระองค์  เนื้อความในพระธรรมตอนนี้เมื่ออ่านแล้วเราก็รู้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นที่คริสตจักรเมืองโครินธ์ คือพวกเขามีพฤติกรรมตามค่านิยมของโลกนี้ และคิดบนเหตุผลของคนทั่ว ๆ ไปในโลกนี้ไม่ได้คิดตามเหตุผลหรือมาตรฐานของพระเจ้า และ ถ้าเราย้อนไปดูในข้อที่ 3 – 4    3ด้วยว่าท่านยังอยู่ฝ่ายเนื้อหนัง   เพราะว่าเมื่อยังอิจฉากัน   และขัดเคืองใจกัน   ท่านไม่ได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนังหรือ   และไม่ได้ประพฤติตามมนุษย์สามัญดอกหรือ 4เพราะเมื่อคนหนึ่งกล่าวว่า   “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของเปาโล”   และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า   “ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของอปอลโล”   ท่านทั้งหลายมิได้เป็นเพียงมนุษย์สามัญหรือ  เพราะฉนั้นเวลามีปัญหาเกิดขึ้นอย่าให้เราคิดเหมือนแง่มุมทั่วไป ซึ่งพระคัมภีร์ใช้คำว่า เนื้อหนัง หรือมนุษย์สามัญ เราเป็นคริสเตียนแล้ว อยู่ในพระเยซูเราถูกปลดปล่อยให้พ้นจากการเป็นทาสของเนื้อหนังแล้ว ตัวเก่าเราตายไปแล้ว เรามีฐานะใหม่โดยพระเยซู เราไม่ใช่มนุษย์สามัญอีกแล้วโดยเฉพาะในด้านความคิด อ.เปาโลจึงมีคำถามว่าทำไมพี่น้องในโครินธ์จึงทำตัวเหมือนคนทั่ว ๆ ไป และก็เริ่มเกิดปัญหา และเกิดการลบหลู่บางคน ยกย่องบางคน เปาโลดี อปอลโลไม่ดี หรือ อปอลโลดี เปาโลไม่ดี คนที่คิดสิ่งนี้คือการที่กำลังเอามนุษย์ไปแทนที่พระเจ้า และนี่เป็นความบาป เราต้องระวังเพื่อเราจะปราศจากที่ติ บาปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ที่สวนเอเดน ตอนที่พระเจ้าบอกว่าอย่ากินต้นไม้นี้ แต่มารบอกในสิ่งที่ทำให้เอวาคิดเอามนุษย์ไปแทนที่พระเจ้า เพราะกินไปแล้วมนุษย์จะเป็นเหมือนอย่างพระเจ้า นี่เป็นความบาป เป็นความหลง อย่าเอามนุษย์ไปแทนที่พระเจ้าไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือคนอื่น  ขอบคุณพระเจ้าอ.เปาโลเข้าใจเรื่องนี้ และพยายามชี้แจงให้คริสเตียนเมืองโครินธ์เข้าใจว่าไม่มีใครแทนที่พระเจ้า และเราเป็นเพียงมนุษย์   เรามาดูด้วยกัน 7 ประการ ในเรื่องนี้

1. อยู่ในข้อที่ 5 อ.เปาโลรู้ตัวเองว่าทั้งอ.เปาโลและอปอลโลต่างก็เป็นผู้รับใช้พระเจ้า

อ.เปาโลเปิดเผยตัวเองว่าเป็นเพียงผู้รับใช้พระเจ้า ไม่ใช่พระเจ้า  เราต้องระวังไม่เอาไปชีวิตใครไปวางแทนที่พระเจ้า   เราไปดูที่ 1 โครินธ์ 4 :1-2 1ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์   และเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า 2ฝ่ายผู้อารักขาเหล่านั้นต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ทุกคน  เราทุกคนเป็นคนรับใช้พระเจ้า อย่าให้ใครสำคัญกว่าใคร ถ้าเราให้ใครสำคัญกว่าแปลว่าเราวางเค้าไว้ในที่ของพระเจ้า นั่นเราพลาดแล้ว เราทุกคนสำคัญเท่ากัน ท่ามกลางพวกเราไม่มีอวัยวะชิ้นไหนไม่สำคัญ

2. อยู่ในข้อ 5 เช่นกัน ต่างก็เป็นผู้รับใช้  ถ้าใครบอกว่าคุณต้องเชื่อผม เราต้องมีเครื่องหมายคำถามแล้ว ตกลงเชื่อคนหรือเชื่อพระเยซูกันแน่  มันเป็นบริบทถ้าผมพูดในสิ่งที่พระเยซูสอน โอเค คุณเชื่อพระเยซูผ่านคำสอนของผม ไม่ใช่เชื่อผม เมื่อเราเป็นพยาน ไปนำใคร ไปเป็นพี่เลี้ยงใคร ไปสร้างสาวก ขอให้เรามุ่งเป้าหมายคือไม่ใช่เราเป็นพระเจ้า แต่ให้เชื่อพระเจ้าผ่านสิ่งที่เราสอนเราพูด และถ้าเป็นอย่างนี้จะไม่แตกแยก ขัดแย้งมีแต่ไม่แตกแยก

3. ยังอยู่ในข้อที่ 5 ตามการกำหนดของพระเจ้า  ฉะนั้นการรับใช้พระเจ้าของเปาโลและอปอลโลมีความแตกต่างกัน เพราะเราแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เรารับใช้พระเจ้าตามของประทานแตกต่างกัน เราต้องระมัดระวัง เราสำคัญทุกคนต้องมีเราทุกคน ศิษยาภิบาลสำคัญ เจ้าหน้าที่ คนเล่นดนตรี กีตาร์ มือกลอง คนที่ยืนร้องเพลงข้างหน้า เราทุกคนสำคัญเท่ากัน ให้เราเรียนรู้ให้ความสำคัญกับคนอื่นทุกคนไม่ใช่เพียงคนใดคนหนึ่ง

4. ในข้อ 6  ผู้ทำให้สำเร็จคือพระเจ้า   อ.เปาโลเป็นคนปลูก อปอลโลเป็นคนรดน้ำ นั่นหมายความว่า เปาโลเป็นคนเริ่มต้นและอปอลโลเป็นคนมาต่อยอดส่งเสริม เปาโลอาจเป็นคนที่นำมารับเชื่อ แต่อปอลโลเป็นคนมาเลี้ยงดูต่อ แต่คนที่ทำให้สำเร็จคือพระเจ้า  คริสตจักรที่นี่ไม่มีคนหนึ่งคนใดทำให้สำเร็จได้ แต่เพราะพระเจ้าจะทำให้สำเร็จ และสำเร็จผ่านพวกเราทุกคนไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง พระเยซูตรัสอย่างนั้น แต่เนื่องจากเราเข้ามาในกติกาของพระเจ้า เข้ามาในเส้นทางของพระเจ้า เข้ามาในการทรงนำของพระเจ้า  เข้ามาในการทรงเจิมของพระเจ้า และพระเจ้าทำให้สำเร็จผ่านพวกเราทั้งหลาย  ฉนั้นเวลาที่เราภูมิใจที่มันสำเร็จ ให้เราภูมิใจที่เราเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จในคริสตจักรแห่งนี้ อย่าคิดว่าคริสตจักรถ้าไม่มีชั้นแล้วจะรู้สึก ถ้าเราคิดอย่างนี้เมื่อไหร่เราจะได้รู้สึกก่อนใครเพื่อนเลย มัทธิว 19:26  26พระเยซูทอดพระเนตรดูพวกสาวก   และตรัสว่า   “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้   แต่พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง”  เราทุกคนมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ มาร่วมกันนมัสการถวายทรัพย์ 10 ลดด้วยความสัตย์ซื่อ แม้ไม่เยอะแต่พระเจ้าจะช่วยเราในทุกสิ่ง แต่ให้เราร่วมกันทำแล้วดูความสำเร็จที่มาจากพระเจ้า เมื่อกิเดโอนได้รับมอบหมายจากพระเจ้าไปรบกับศัตรูซึ่งมีเป็นแสน แต่ฝ่ายกิเดโอนมีเพียง 300 คน มันดูเหลือเชื่อแต่มันเป็นจริงได้เมื่อพระเจ้าเป็นผู้กระทำ  ดาวิดก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่สู้กับยักษ์แต่ดาวิดบอกเค้าไม่ได้มาท้าทายผม เค้ามาท้าทายกองทัพพระเจ้า และเมื่อพระเจ้ากระทำ ก็สำเร็จได้ในทุกสิ่ง

5. ในข้อที่ 7 พระเจ้าทรงสำคัญ  ไม่ใช่มนุษย์ มนุษย์ไม่ได้สำคัญเมื่อเทียบกับพระเจ้า  ในประเทศไทยเรามีปัญหาเรื่องนี้ มีคริสตจักรจำนวนไม่น้อยที่มีศิษยาภิบาล ผู้นำกำลังเรียกร้องให้สมาชิกเห็นความสำคัญของตัวเอง เพราะเอาความสำคัญของตัวเองไปแทนที่พระเจ้า และเอาความสำคัญของตัวเองไปข่มคนอื่นทำให้มีปัญหามีความแตกแยก เกิดความเหลื่อมล้ำต่ำสูง และบางคนก็ดำเนินชีวิตที่มีที่ติ  มีตำหนิ  แล้วใครติเรา ไม่ใช่พระเจ้า แต่ซาตานติเรามันไปฟ้องพระเจ้ามันเล่นงานเรา เราต้องระวังในเรื่องนี้อย่างมาก กลับไปที่ปฐมกาล 3  บาปที่เกิดขึ้นในสวนเอเดนมารมันล่อเราให้หลงคิดว่าตัวเองสำคัญ สำคัญผิด ว่าถ้าเอวากินจะสำคัญเท่าพระเจ้า คนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าทุกวันนี้ก็สำคัญตัวเองผิดที่คิดว่าเรามี 2 มือ 2 เท้าไม่ได้พิการแล้วทำไมต้องมาเชื่อพระเจ้า และเราที่เป็นคริสเตียน คนที่เป็นสามีภรรยา คุณสามีอย่าสำคัญตัวเองผิด และเราก็บอกกับภรรยาว่าภรรยาจงเชื่อฟังสามีเหมือนที่คริสตจักรเชื่อฟังพระเยซูคริสต์ นี่กำลังพูดอะไร กำลังบอกว่า ต้องเชื่อฟังสามีเพราะสามีคือพระเยซูคริสต์ สามีกำลังสำคัญตัวเองผิด  รู้มั้ยเวลาที่คริสตจักรเชื่อฟังพระคริสต์ คริสตจักรสมบูรณ์แบบมั้ย ไม่  เวลาคริสตจักรเชื่อฟังพระคริสต์ เชื่อฟังทุกอย่างมั้ย ไม่   แต่สามีครับจงรักภรรยาเหมือนที่พระเยซูคริสต์รักคริสตจักร   เรามักเรียกร้องและสำคัญตัวผิด เราต้องเรียนรู้ว่าเรามีความบกพร่อง เมื่อศิษยาภิบาลผู้รับใช้เรียกให้สมาชิกร่วมมือ ไม่ใช่เพื่อคริสตจักรจะพบความสำเร็จภายใต้พระคริสต์ แต่เพื่อศิษยาภิบาลจะเกิดความสำเร็จและเกียรติจะเป็นของศิษยาภิบาล ไม่ใช่แต่ พระเกียรติต้องเป็นของพระเจ้า  ให้เราระวังเรื่องนี้  1 โครินธ์ 1:28-29 28พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น   และเห็นว่าไร้สาระ   เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ 29เพื่อมิให้มนุษย์สักคนหนึ่งอวดต่อพระเจ้าได้    แปลว่าอะไร เราไม่ใช่คนสำคัญ เมื่อเทียบกับพระเจ้า เราไม่ใช่คนที่พระเจ้าต้องง้อเรา แต่เราเป็นคนที่โลกถือว่าไร้สาระ แต่พระเจ้าจะได้รับเกียรติท่ามกลางชีวิตของเราแต่ละคน   ตอนนี้หลายคนอธิษฐานเผื่อประเทศเนปาล มีมูลนิธิศุภนิมิตเนปาล และศุภนิมิตประเทศไทยร่วมมือกันทำในนามของพระเจ้า   และมื่อเรายื่นมือเข้าไปในพระนามพระเจ้า พระเจ้าได้รับเกียรติ

6. ในข้อที่ 8 คนที่ปลูกคนที่รดน้ำเป็นพวกเดียวกัน และทั้ง 2 ต่างก็เป็นคนของพระเจ้า และจะได้รับบำเหน็จรางวัลทุกคน  คุณไม่ต้องขึ้นมาเทศน์บนธรรมมาสก์นี้กันทุกคนหรอก คนที่ขึ้นมาเทศน์อาจได้บำเหน็จน้อยกว่าคุณก็ได้  เราต้องเป็นกายเดียวกัน เป็นทีมเดียวกัน  1 โครินธ์ 4:5   5เหตุฉะนั้นท่านอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนที่จะถึงเวลา   จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา   พระองค์จะทรงเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดให้แจ่มกระจ่าง   และจะทรงเผยความในใจของคนทั้งปวงด้วย   เมื่อนั้นทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้าตามสมควร  พวกเราทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้าทุกคน

7. ในข้อที่ 9 ตรงนี้ทั้งเปาโลและอปอลโลต่างทำงานเพื่อพระเจ้า ฉะนั้นไม่ว่าทั้ง 2 จะทุ่มเททำงานมากแค่ไหน แต่ผลงานเป็นของพระเจ้า  นี่คือสาระที่เป็นความจริงที่จะช่วยคริสตจักรให้ปราศจากที่ติ

By admin