“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านความชื่นชมยินดี”

ในสังคมโลกของเราในปัจจุบันจะนิยามความชื่นชมยินดีในมุมของอะไรก็ตามที่ทำให้ได้ประโยชน์ของตัวเอง ก็จะมีความยินดี แต่ถ้าเสียประโยชน์เมื่อไร ความยินดีเหมือนถูกปล้นไปได้ง่าย เราได้ฟังคำเทศนาตอนหนึ่ง แล้วว่า สันติสุขแท้ที่เกิดขึ้นในผู้เชื่อ คุณลักษณะของสันติสุข จะมาเป็นชุด ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีสันติสุข และที่นั้นมีความชื่นชมยินดีด้วย แต่ถ้าที่ใดไร้รัก ที่นั้นก็ขาดสันติสุขและขาดความชื่นชมยินดีเช่นกัน   ขณะที่ข้าพเจ้าพักสะบาโตที่อินโดนีเซีย วันอาทิตย์สุดท้ายเข้ากรุงจาการ์ต้าเพื่อไปโบสถ์ ช่วงบ่าย คนที่พาไปโบสถ์ก็พาข้าพเจ้าไปช้อปปิ้งซื้ออาหารที่จะทำวันจันทน์กัน ข้าพเจ้าก็เลยชวนเขาซื้อซาลาเปาที่ซุปเปอร์มาเก็ตซึ่งจะมีบูทขายซาลาเปาเหมือนร้านวราภรณ์ที่ขายที่ท้อปบ้านเรา เจ้านี้อร่อยมาก ถูกมาก ชื่อ เอซาลาเปา ขณะรอซื้อซาลาเปา คนขายก็หน้าตาไม่ค่อยอยากจะขายของเท่าไร น้องคนที่พาข้าพเจ้าไปก็บอกว่า คนๆนี้ขาดความรัก แล้วก็พูดถึงหน้าตาแบบไม่รับแขกเท่าไร ข้าพเจ้าก็บอกเขาว่า สงสัยเขาคงจะเหนื่อย เพราะว่าข้าพเจ้าสังเกตว่า ซาลาเปาของเขาขายดีมาก เพิ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นยี่ห้อที่อร่อยที่สุดในอินโดนีเซีย น้องคนนี้ก็ยังพูดถึงว่า เป็นเพราะเขาขาดความรัก เลยขายของแบบหน้าตาไม่รับแขก สุดท้ายข้าพเจ้าพูดกับเขาว่า ถ้าเป็นข้าพเจ้าวิเคราะห์เรื่องความรักในคน ข้าพเจ้าจะไม่พูดว่าเขาขาดความรัก แต่ข้าพเจ้าจะใช้คำว่า  เขาต้องการความรัก เมื่อมีใครสักคนให้ความรักแก่เขา เขาจะรู้สึกชื่นชมยินดี หน้าตาของเขาก็จะแสดงออกมาดี แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยอย่างไรก็ตาม เหมือนพวกเราที่นี้ใช่ไม๊ เราจะชื่นชมยินดีเมื่อมีใครสักคนมอบความรักแก่เรา เพราะว่าที่ใดมีรัก ที่นั้นมีสันติสุขและความชื่นชมยินดี  Love Joy Peaceแต่วันนี้ เราจะโฟกัสลงไปที่ความชื่นชมยินดี กาลาเทีย 5:22-23 22 ส่วน​ผล​ของ​พระ​วิญ​ญาณ​นั้น คือ​ความ​รัก ความ​ยินดี สันติ​สุข ความ​อด​ทน ความ​กรุณา ความ​ดี ความ​ซื่อ​สัตย์23 ความ​สุภาพ​อ่อน​โยน การ​รู้​จัก​บัง​คับ​ตน เรื่อง​อย่าง​นี้​ไม่​มี​ธรรม​บัญ​ญัติ​ห้าม​ไว้​เลย ความยินดี เป็นหนึ่งในคุณลักษณะของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงสถิตภายในผู้เชื่อทุกคน เมื่อใดที่คนรับเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า ผู้นั้นจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์มาประทับภายในชีวิต เอเฟซัส 1:13-14  13 ​ใน​พระ​องค์​นั้น ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เช่น​เดียว​กัน เมื่อ​ท่าน​ได้​ฟัง​สัจ​วา​ทะ คือ​ข่าว​ประเสริฐ​เรื่อง​ความ​รอด​ของ​ท่าน และ​ได้​วางใจ​ใน​พระ​องค์ ได้รับ​การ​ผนึก​ตรา​ไว้​ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​แห่ง​พระ​สัญญา​14 เป็น​มัด​จำ​ของ​การ​รับ​มรดก​ของ​เรา จนกว่า​เรา​จะ​ได้รับ​เป็น​กรรมสิทธิ์ เป็น​ที่​ถวาย​สรรเสริญ​แด่​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์​ และเมื่อใดก็ตามที่คริสเตียนดำเนินชีวิตต่อสู้กับความต้องการของตนเอง เมื่อนั้น ผลพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสำแดงออกมาเด่นชัด เป็น…ความ​รัก ความ​ยินดี สันติ​สุข ความ​อด​ทน ความ​กรุณา ความ​ดี ความ​ซื่อ​สัตย์23 ความ​สุภาพ​อ่อน​โยน การ​รู้​จัก​บัง​คับ​ตน และนิยามของความรักเรื่องความชื่นชมยินดีปรากฏในหนังสือพระคัมภีร์1โครินธ์ 13:6 …ไม่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​มี​การ​ประพฤติ​ผิด แต่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​ประพฤติ​ชอบ​ ไม่ชื่นชมยินดีทั้งความผิดของตนเองและของผู้อื่น ในทางตรงกันข้าม จะรู้สึกเสียใจในความผิดของตนเอง เสียใจกับหัวใจที่คิดชั่ว เสียใจในความอ่อนแอของตนเอง โดยเฉพาะความบาปที่เป็นความลับที่ไม่มีใครรู้แต่พระเจ้าทรงรู้ และตนเองก็รู้อยู่แก่ใจ จะเป็นความรู้สึกไม่สบายใจกับคนที่ไม่นับถือพระเจ้า  ไม่สบายใจกับความผิดศีลธรรมของคนในโลกนี้  ไม่สบายใจกับความอยุติธรรม และการกระทำที่อยุติธรรม โดยเฉพาะกับคนที่ถูกกระทำให้บาดเจ็บ แม้กระทั่งคนที่เป็นศัตรูที่ถูกกระทำ เหมือนกับพระเยซูคริสต์ในเหตุการณ์ขณะคนรับใช้ของปุโรหิตที่อยู่ในกลุ่มคนที่มาจับพระองค์ถูกสาวกของพระองค์ คือ เปโตรเอาดาบฟันหูขาดไปข้างหนึ่ง เปโตรได้กระทำด้วยการปกป้องพระเยซู เปโตรเป็นคนที่กระตือรือร้นในการปรนนิบัติพระเยซู แต่พระเยซูไม่ทรงยินดีกับการกระทำนั้นของเปโตร พระเยซูทรงสงสารคนที่หูขาด พระองค์ทรงเอาหูนั้นต่อกลับและรักษาชายคนนั้น  บทเรียนเรื่องความชื่นชมยินดีที่เป็นคุณลักษณะของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้จะทำให้เรามองเห็นความชื่นชมยินดีในคนของพระเจ้าแสดงออกเป็นสองลักษณะ

1.ไม่ชื่นชมยินดีในการประพฤติผิด สดุดี 119:136

136 ข้า​พระ​องค์​น้ำตา​ไหล​พรั่ง​พรู เพราะ​คน​ไม่​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​ธรรม​ของ​พระ​องค์​

คนที่มีความชื่นชมยินดีอย่างคนของของพระเจ้าจะไม่ชื่นชมยินดีกับการประพฤติผิดด้วย โดยเฉพาะการผิดไปจากมาตรฐานด้านจริยธรรมของพระเจ้ามาตรฐานของพระเยซูคือมาตรฐานเดียวกันกับพระเจ้า พระเยซูได้สอนเรื่องวิธีคิด วิธีมองที่มีระดับจริยธรรมที่สูงกว่าค่านิยมของโลกนี้ เราพบคำสอนของพระเยซูได้ในหนังสือพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมของความสุขแท้ในคำเทศนาบนภูเขา หรือเกี่ยวกับการสะสมเงินทอง การปรนนิบัติพระเจ้ากับเงินทองในเวลาเดียวกันไม่ได้ หรือการให้อภัย การรักศัตรู การทำความดีเพื่อให้คนสรรเสริญพระเจ้า แม้กระทั่งการคิดที่ไม่เหมาะสมกับหญิงด้วยการมองก็ถือว่าได้ทำผิดแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นมาตรฐานของพระเจ้าที่สวนทางกับวิธีคิดอย่างคนในโลกที่ว่าไม่เป็นไร หยวนๆก็ได้ ดังนั้น คนของพระเจ้าจะไม่ชื่นชมยินดีกับพฤติกรรมอย่างโลก  หรือรู้สึกเฉยๆ  คนของพระเจ้าจะไม่มีความคิดว่า ไม่ใช่เรื่องของตน และเมื่อมีโอกาสจะไม่ยอมให้โอกาสนั้นผ่านไปโดยไม่มีการตักเตือน แนะนำ สั่งสอน หรือทำอะไรบางอย่างที่แสดงออก หรือจำยอมให้การประพฤติผิดนั้นยังคงมีต่อไป คำว่า โอกาส คือสิ่งที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้อย่างนี้ โคโลสี 4:5  5 จง​ปฏิบัติ​กับ​คน​ภายนอก​ด้วย​ใช้​สติปัญญา โดย​ฉวย​โอกาส6 จง​ให้​วาจา​ของ​ท่าน​ประกอบด้วย​เมตตา​คุณ​เสมอ ปรุง​ด้วย​เกลือ​ให้​มี​รส เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​รู้จัก​ตอบ​ให้​จุ​ใจ​แก่​ทุก​คน​ หากเราได้เตรียมชีวิต คำพูดของเราขณะดำเนินชีวิตอย่างที่พระคัมภีร์กล่าวถึง 6 จง​ให้​วาจา​ของ​ท่าน​ประกอบด้วย​เมตตา​คุณ​เสมอ  นั่นหมายความว่า ถ้าเราเตรียมพร้อมในชีวิตของเราเสมอ เราจะมองเห็นโอกาสที่จะฉวยเพื่อทำดี เราจะพร้อมที่จะตอบความต้องการของคนรอบตัว โดยเฉพาะคนภายนอก คือคนที่เราไม่รู้จัก แต่เหมือนได้รู้จักลึกเข้าไปในชีวิตของคนเหล่านั้นทีเดียว เพราะเรามีการเตรียมชีวิตของเรา อย่าคิดว่า ไม่จำเป็น เดี๋ยวก็จะพูดได้ ทำได้ พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บอกแล้ว ต้องเตรียมตัวเสมอ ต้องฝึกฝน จึงจะสามารถมีถ้อยคำวาจาที่ ปรุง​ด้วย​เกลือ​ให้​มี​รส เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​รู้จัก​ตอบ​ให้​จุ​ใจ​แก่​ทุก​คน ดังนั้น ให้เราฝึกที่จะพูดดี คิดดีเสมอ ไม่ใช่อยู่โบสถ์พูดดีคิดดี แต่อยู่บ้าน ไม่เป็นไร คนในบ้านไม่ต้องเกรงใจ จะอาละวาด พูดจาตามอารมณ์ของตนเองไม่ฝึกควบคุมตนเองตั้งแต่อยู่ในบ้าน นั่นไม่ใช่เป็นอย่างที่พระคัมภีร์ใช้คำว่า “เสมอ” คือตลอดเวลา ต่อเนื่อง เสมอต้นเสมอปลาย  คนที่มีผลพระวิญญาณ  ความชื่นชมยินดีจะไม่ชื่นชมยินดี (ไม่สบายใจ) กับชีวิตที่สวนทางกับพระประสงค์ของพระเจ้า จะรู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมนั้นๆ โดยเฉพาะพฤติกรรมของตนเอง  เหมือนผู้เขียนสดุดีในตอนนี้ ถึงขนาดร้องไห้ 136 ข้า​พระ​องค์​น้ำตา​ไหล​พรั่ง​พรู เพราะ​คน​ไม่​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​ธรรม​ของ​พระ​องค์​ ภาษาเดิมใช้คำว่า ร้องไห้เหมือนสายน้ำของแม่น้ำ คือเสียใจมาก และรู้หรือไม่ว่า ผู้เขียนสดุดีหมายถึงใครก่อน ตัวของผู้เขียนสดุดีนั่นเองต้องมาก่อนที่จะไปพิจารณาตัดสินคนอื่น สดุดี 119:113,115  113 ข้า​พระ​องค์​เกลียด​ชัง​คน​สอง​ใจ แต่​ข้า​พระ​องค์​รัก​พระ​ธรรม​ของ​พระ​องค์ ….115 แน่ะ เจ้า​คน​ทำ​ชั่ว ไป​เสีย​จาก​ข้า เพื่อ​ข้า​จะ​รักษา​พระ​บัญญัติ​ของ​พระ​เจ้า​ของ​ข้า เราเคยมองตัวเราเองอย่างนี้หรือไม่ ยากอบ4:8-10  8 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เข้า​ใกล้​พระ​เจ้า และ​พระ​องค์​จะ​เสด็จ​มา​ใกล้​ท่าน คน​บาป​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย จง​ชำระ​มือ​ให้​สะอาด และ​คน​สอง​ใจ จง​ชำระ​ใจ​ของ​ตน​ให้​บริสุทธิ์​9 จง​เป็น​ทุกข์​โศก​เศร้า​และ​ร้องไห้ จง​ให้​การ​หัวเราะ​กลับ​กลาย​เป็น​การ​โศก​เศร้า และ​ความ​ปีติ​ยินดี​กลับ​กลาย​เป็น​ความ​เศร้า​สลด​10 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ถ่อม​ใจ​ลง​ต่อ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​พระ​องค์​จะ​ทรง​ยก​ชู​ท่าน​ขึ้น​ เรามองเห็นความต้องการการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของตัวเราด้วยความไม่สบายใจ และมีความปรารถนาที่จะไปถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่ เราไม่รู้สึกยินดีกับความยินดีอย่างค่านิยมของโลกนี้ที่กำลังพาตัวเราไปสู่ความพินาศ ยิ่งสนุกกับกิเลศตัณหาและความทะนงในลาภยศ ยิ่งมองยากอบยิ่งเศร้าใจ สำนวนของพระคัมภีร์ตอนนี้จึงเป็นการเตือนให้หันกลับและมองวิถีการดำเนินชีวิตอย่างคนบาปด้วยมุมที่ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ยังปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยชีวิตหลงระเริงไปกับความบาป ความสกปรกของจิตใจ ความสกปรกของการกระทำใดๆ แม้กระทั่งคำว่า สองใจ ก็ยังถูกรวมอยู่ในความสกปรกของจิตใจ คือการสงสัยและไม่เชื่อวางใจในพระเจ้า ยากอบ 1:6-8 …เพราะ​ว่า​ผู้​ที่​สงสัย​เป็น​เหมือน​คลื่น​ใน​ทะเล​ซึ่ง​ถูก​ลม​พัด​ซัด​ไป​มา​7 ผู้​นั้น​จง​อย่า​คิด​ว่า​จะ​ได้รับ​สิ่ง​ใด​จาก​พระ​เจ้า​เลย​8 เขา​เป็น​คน​สอง​ใจ​ไม่​มั่นคง​ใน​บรรดา​ทาง​ที่​ตน​ประพฤติ​นั้น คนที่มีคุณลักษณะความชื่นชมยินดีจากผลพระวิญญาณบริสุทธิ์จะมีธรรมชาติในการมองที่แตกต่างจากการมองของโลก และไม่ชื่นชมยินดีไปกับโลกนี้ ในทางกลับกันความชื่นชมยินดีที่มาจากผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามนิยมของความรัก….คือ

2.แต่ชื่นชมยินดีในการประพฤติชอบ  2โครินธ์ 7:9-11

9 แต่​บัดนี้​ข้าพเจ้า​มี​ความ​ชื่น​ชม​ยินดี มิใช่​เพราะ​ท่าน​เสียใจ แต่​เพราะ​ความ​เสียใจ​นั้น​ทำ​ให้​ท่าน​กลับ​ใจ​ใหม่ เพราะ​ว่า​ท่าน​ได้รับ​ความ​เสียใจ​อย่าง​ที่​ชอบ​พระ​ทัย​พระ​เจ้า ท่าน​จึง​ไม่ได้​ผลร้าย​จาก​เรา​เลย​10 เพราะ​ว่า​ความ​เสียใจ​อย่าง​ที่​ชอบ​พระ​ทัย​พระ​เจ้า ย่อม​กระทำ​ให้​กลับ​ใจ​ใหม่ ซึ่ง​นำไป​ถึง​ความ​รอด​และ​ไม่​เป็น​ที่​น่า​เสียใจ แต่​ความ​เสียใจ​อย่าง​โลก​นั้น​ย่อม​นำไป​ถึง​ความ​ตาย​11 จง​พิจารณา​ดู​ว่า​ความ​เสียใจ​อย่าง​ที่​ชอบ​พระ​ทัย​พระ​เจ้า กระทำ​ให้​เกิด​ความ​กระตือรือร้น​มาก​ทีเดียว ทำ​ให้​เกิด​ความ​ขวน​ขวาย​ที่​จะ​แก้​ตัว​ใหม่​และ​การ​เดือด​ร้อน​แทน ความ​ตื่นตัว ความ​อาลัย และ​ความ​กระตือรือร้น และ​การ​ลงโทษ ใน​ทุก​สิ่ง​เหล่า​นี้ ท่าน​ได้​พิสูจน์​ให้​เห็น​แล้ว​ว่า​ท่าน​ก็​ไม่ได้​กระทำ​ผิด อ.เปาโลได้เขียนจดหมายถึงคริสเตียนเมืองโครินธ์ มีการตักเตือนที่แรง เพราะมีความแตกแยก การทะเลาะกัน การแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากัน ความชื่นชมยินดีของอ.เปาโลในมุมนี้เกิดขึ้นเมื่ออ.เปาโลได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนเป็นการกลับใจใหม่ ชื่นชมยินดีกับการเสียใจต่อการประพฤติผิด ซึ่งเป็นความเสียใจที่พระเจ้าทรงพอพระทัย อ.เปาโลชื่นชมยินดีที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นความกระตือรือร้น กระทำ​ให้​เกิด​ความ​ขวน​ขวาย​ที่​จะ​แก้​ตัว​ใหม่​และ​การ​เดือด​ร้อน​แทน ความ​ตื่นตัว ความ​อาลัย และ​ความ​กระตือรือร้น และ​การ​ลงโทษ ใน​ทุก​สิ่ง​เหล่า​นี้ ท่าน​ได้​พิสูจน์​ให้​เห็น​แล้ว​ว่า​ท่าน​ก็​ไม่ได้​กระทำ​ผิด อะไรจะเกิดขึ้นถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่กระตือรือร้นที่จะแก้ตัวใหม่ ไม่กระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ตัวเองใหม่ แน่นอน อ.เปาโลจะร้องไห้เสียใจอย่างมาก นั่นคือยินดีไม่ออกกับพฤติกรรมที่เย็นชา ไม่ตอบสนองต่อการเร้าใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่คือสิ่งที่อยู่ในหัวใจของผู้รับใช้พระเจ้าที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ผู้รับใช้พระเจ้าเป็นเสียเอง คือมีอาการตายด้านกับความตายด้านของสมาชิก ลูกแกะ แล้วจะมีใครร้องไห้ให้กับเรา  มีคนถามข้าพเจ้าว่า ทำอย่างไรที่จะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ข้าพเจ้ามักจะสอนเขาว่า พูดผิดพูดใหม่ให้ถูกแค่นั้น แต่ก็มีคำถามว่า แล้วถ้าไม่รู้ว่าจะพูดถูกอย่างไร ข้าพเจ้าก็จะแนะนำเขาว่า ก็จงเรียนรู้คำพูดที่ถูกและดูคนที่เขาพูดถูกและเลียนแบบเขา อ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่มีสำนวนที่ถูกต้องเยอะๆ และจำเอามาใช้ อีกหน่อยก็จะสร้างประโยคของตัวเองได้ เช่นเดียวกันกับการดำเนินชีวิตที่ประพฤติที่เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าที่อ.เปาโลใช้คำว่า ​11 จง​พิจารณา​ดู​ว่า​ความ​เสียใจ​อย่าง​ที่​ชอบ​พระ​ทัย​พระ​เจ้า กระทำ​ให้​เกิด​ความ​กระตือรือร้น​มาก​ทีเดียว ทำ​ให้​เกิด​ความ​ขวน​ขวาย​ที่​จะ​แก้​ตัว​ใหม่…. นั่นคือเราต้องมีท่าทีที่อยากจะดำเนินชีวิตอย่างผู้เชี่ยวชาญในมาตรฐานของพระเจ้าที่พระเจ้าทรงชอบพระทัย เราต้องรู้ว่าอะไรที่เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า เราจะรู้ได้ เราต้องเรียนรู้สิ่งที่ชอบพระทัยพระเจ้า จากพระคัมภีร์ จากคนที่รู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า ผู้รับใช้ ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ ผู้ที่กำลังดำเนินชีวิตในน้ำพระทัยพระเจ้า คนเหล่านี้มีคำตอบให้กับเราได้ ไม่ใช่เราคิดเอง ทำเอง และก็ผิดไปจากน้ำพระทัย พระประสงค์ของพระเจ้าอยู่เรื่อย ชีวิตที่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติชอบไม่เด่นชัด กลายเป็นชื่นชมยินดีอย่างโลก เพราะเรามองเห็นแต่ความชื่นชมยินดีอย่างโลก ไม่ใช่อย่างที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ฮีบรู 10:37-39 37 อีก​ไม่​นาน ​พระ​องค์​ผู้​จะ​เสด็จ​มา​ก็​จะ​เสด็จ​มา​และ​จะ​ไม่​ทรง​ชักช้า 38 แต่​คน​ชอบธรรม​ของ​เรา​นั้น​จะ​ดำรง​ชีวิต​อยู่​ด้วย​ความ​เชื่อ และ​ถ้า​ความ​เชื่อ​ของ​เขา​เสื่อม​ถอย เรา​จะ​ไม่​มี​ความ​พอใจ​ใน​คน​นั้น​เลย 39 แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่ใช่​คน​ที่​เสื่อม​ถอย และ​ถึง​ซึ่ง​ความ​พินาศ แต่​เป็น​คน​ที่​เชื่อมั่น จึง​ทำ​ให้​ชีวิต​ปลอดภัย​ หนังสือฮีบรูเตือนเราว่า ถ้าเราไม่ดำเนินชีวิตในมาตรฐานของพระเจ้า อันตรายมาก และอันตรายที่น่ากลัวที่สุดคือการไม่พร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เจ้า ดังนั้น จงให้ความชื่นชมยินดีของเรานั้นเป็นความชื่นชมยินดีที่มาจากผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ทำให้สายตาฝ่ายวิญญาณของเรามองเห็นว่าอะไรที่ควรชื่นชมยินดี อะไรที่ควรเศร้าใจ และเป็นทุกข์อย่างแท้จริง อย่าให้ค่านิยมของโลกนี้บังตาใจเรา และทำให้เราเข้าใจอย่างผิดๆว่า นี่คือความสุขแท้ คือความยินดีแท้ แต่จริง คืออุปโลกน์ ภาพลวงตามายาทั้งสิ้น

“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านความชื่นชมยินดี”

1.ไม่ชื่นชมยินดีในการประพฤติผิด

2.ชื่นชมยินดีในการประพฤติชอบ

By admin