“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ด้วยการช่วยชีวิตคน”

ในชีวิตของข้าพเจ้า มีสามเหตุการณ์ที่ทำให้มีคำพูดมาถึงตัวข้าพเจ้าว่า “เธอช่วยชีวิตชั้น” ครั้งแรก ตอนวัยรุ่น ไปเที่ยวล่องแพกับเพื่อน ตกกลางคืนก็จอดแพ นอนริมหาด เพื่อนคนหนึ่งว่ายน้ำไม่เป็น  ยืนอยู่ในน้ำระดับเอว ขยับไม่ได้ จะขึ้นมาเองก็ไม่ได้ ข้าพเจ้าเดินไปพบเขาในความมืด ก็เลยดึงเขาเข้ามา เขาพูดกับข้าพเจ้าว่า “ไก่ เธอช่วยชีวิตชั้นเอาไว้”  ครั้งที่สอง ที่เกาหลี ไปเดินห้างกับเพื่อนสนิท เพื่อนคนนี้ชอบหยอกล้อเป็นระยะ เดินไปก็หันมาทักเล่น   พอขึ้นบันไดเลื่อน เขาก็หันมาแล้วชะโงกออกมานอกบันไดเลื่อนหยอกล้อ  บันไดเลื่อนก็เลื่อนขึ้นไปจนจะถึงขอบบันไดของอีกชั้นหนึ่ง ข้าพเจ้าเห็นรีบดึงเขากลับเข้ามา มิฉันนั้น คอก็จะขาด เขาพูดกับข้าพเจ้าว่า “Gai you save my life” เธอช่วยชีวิตชั้น  ครั้งที่สาม แม้ไม่มีใครพูด แต่ข้าพเจ้าพูดกับตัวเองว่า ข้าพเจ้าได้ช่วยชีวิตเพื่อนสองคนและตัวของข้าพเจ้าเองจากการถูกทำร้ายในประเทศอิสราเอล ขณะที่เรานอนในโรงแรมแห่งหนึ่ง และมีคนร้ายเปิดประตูได้ แต่ข้าพเจ้าตื่นก่อน และชี้หน้าคนร้ายและถามว่า แกจะทำอะไร คนร้ายก็เลยวิ่งหนีออกไป ข้าพเจ้าวิ่งตาม ไปเจอคนร้ายอีกสิบคน ไม่สวมเสื้อเลย ข้าพเจ้าตะโกนบอกเพื่อนว่า อย่าออกจากห้อง ข้าพเจ้าจะไปแจ้งรปภ.ให้มาจัดการ  ตอนนั้นสวมตีนสุนัขวิ่งสุดชีวิต  จนถึงวันนี้ เมื่อนึกถึงคำว่า “เธอช่วยชีวิตชั้น”  มันเป็นความรู้สึกดีจริงๆ และรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าได้ทำบทบาทในวาระต่างๆนั้นไว้  พี่น้องท่านรู้หรือไม่ว่า วันหนึ่งในแผ่นดินสวรรค์ จะมีคนมากมายพูดประโยคนี้กับเราว่า “เธอช่วยชีวิตชั้น”   “คุณช่วยชีวิตผม”  ยากอบ 5:19-20 19 พี่​น้อง​ของ​ข้าพ​เจ้า ถ้า​ใคร​ใน​พวก​ท่าน​ถูก​หลอก​ให้​หลง​ผิด​ไป​จาก​ความ​จริง​และ​มี​คน​นำ​เขา​กลับ​มา20 ให้​คน​นั้น​รู้​เถิด​ว่า​ผู้​ที่​นำ​คน​บาป​กลับ​จาก​ทาง​ผิด​ของ​เขา จะ​ช่วย​วิญ​ญาณ​จิต​ของ​คน​บาป​นั้น​ให้​รอด​จาก​ความ​ตาย และ​จะ​ทำ​ให้​บาป​มาก​มาย​ได้​รับ​การ​อภัย มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เราทุกคนต้องการการให้อภัย เพราะมนุษย์เราผิดพลาดได้ตลอดเวลา เราผิดต่อคน และผิดต่อตัวเอง และผิดต่อพระเจ้าด้วย พระคัมภีร์ได้กล่าวตอนหนึ่งไว้น่าสนใจในหนังสือ 1ยอห์น 1:10 10 ถ้า​เรา​กล่าว​ว่า​เรา​ไม่ได้​ทำ​บาป ​ก็​เท่ากับ​เรา​ทำ​ให้​พระ​องค์​เป็น​ผู้​ตรัส​มุสา และ​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​องค์​ก็​มิได้​อยู่​ใน​เรา​ทั้ง​หลาย​เลย​ เป็นข้อพระคัมภีร์ที่สอดคล้องกับหนังสือโรม 3:23,24 ,25 23 เพราะ​ว่า​ทุก​คน​ทำ​บาป และ​เสื่อม​จาก​พระ​สิริ​ของ​พระ​เจ้า​  24 แต่​พระ​เจ้า​ทรง​พระ​กรุณา​ให้​เขา​เป็น​ผู้​ชอบธรรม โดย​ไม่​คิด​มูลค่า โดย​ที่​พระ​เยซู​คริสต์​ทรง​ไถ่​เขา​ให้​พ้น​บาป​แล้ว​25 ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​ตั้ง​พระ​เยซู​ไว้​ให้​เป็น​ที่​ลบ​ล้าง​พระ​อาชญา​โดย​พระ​โลหิต​ของ​พระ​องค์ โดย​ความ​เชื่อ​จึง​ได้ผล ทั้งนี้​เพื่อ​สำแดง​ให้​เห็น​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระ​เจ้า ใน​การ​ที่​พระ​องค์​ได้​ทรง​อด​กลั้น​พระ​ทัย และ​ทรง​ยก​บาป​ที่​ได้​ทำ​ไป​แล้ว​นั้น​ความหมายของคำว่า  “บาป” แปลว่า พลาดไปจากเป้าหมาย  คือพลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า นิยามคำว่า บาปของพระคัมภีร์จึงแตกต่างจากคำว่า “บาป” ของศาสนาอื่นๆ

พระเจ้าทรงเกลียดชังบาปในมนุษย์ แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์ นั่นคือเหตุผลที่พระเจ้าต้องช่วยกู้มนุษย์จากความบาป โดยการไถ่ของพระเยซูคริสต์ เพื่อมิให้มนุษย์ต้องตายเพราะความบาป โรม 6:23 23 เพราะ​ว่า​ค่าจ้าง​ของ​ความ​บาป​คือ​ความ​ตาย แต่​ของ​ประทาน​จาก​พระ​เจ้า​คือ​ชีวิต​นิรันดร์​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​ นี่คือเป็นความจริงที่มนุษย์มากมายไม่รู้ว่า ทำไมมนุษย์จึงต้องตาย ความจริงพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีชีวิตไม่ตาย แต่มนุษย์คู่แรกได้กินผลไม้ต้องห้าม คือต้นไม้รู้ดีรู้ชั่ว มนุษย์ได้เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า มนุษย์มีเค้าความคิดที่ถดถอยทางศีลธรรม พระคัมภีร์ได้ใช้คำว่า เค้าความคิดของมนุษย์มีแนวโน้มชั่วร้าย คือตกระดับลงไปเรื่อย ปฐมกาล 6:5-6  5 ​พระ​เจ้า​ทรง​เห็น​ว่า​ความ​ชั่ว​ช้า​ของ​มนุษย์​มี​มาก​บน​แผ่นดิน และ​ทรง​เห็น​ว่า​เค้า​ความ​คิด​ใน​ใจ​ของ​เขา​ล้วน​เป็น​เรื่อง​ร้าย​เสมอ​ไป​6 ​พระ​เจ้า​จึง​เสีย​พระ​ทัย​ที่​ได้​สร้าง​มนุษย์​ไว้​บน​แผ่นดิน​และ​โทมนัส​ คำว่า เรื่องร้าย ภาษาฮีบรูตอนนี้ใช้คำว่า bad moral  ไม่มีศีลธรรมเลย มนุษย์ตกอันดับจากการมีพระฉายาของพระเจ้า กลายเป็นมนุษย์สิ้นสง่าราศีของพระเจ้า แทนที่จะครอบครองเหนือสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง และนมัสการพระเจ้าพระผู้สร้างแต่ผู้เดียว มนุษย์กลับหันไปนมัสการสิ่งทรงสร้าง ท้องฟ้า ก้อนหิน ต้นไม้ และสร้างสิ่งต่างๆเพื่อนมัสการเป็นรูปเคารพของตนเอง มนุษย์ได้ห่างไกลจากพระผู้สร้าง ด้วยการหลอกตนเองว่า เขาไม่ต้องการพระเจ้าก็ได้ และมนุษย์สร้างศาสนาต่างๆขึ้นมาเพื่อให้คำจำกัดความของคำว่า บาปใหม่ เพื่อมนุษย์จะสบายใจว่า เขาสามารถลบล้างบาปได้ด้วยวิธีของตนเอง สามารถบริสุทธิ์ได้ และสามารถไปสวรรค์ได้ สิ่งที่สับสนในตัวมนุษย์เอง คือการกลัวตกนรก และอยากขึ้นสวรรค์ ข้าพเจ้ามักจะเรียกความรู้สึกนี้ว่า เป็นความรู้สึกที่หลงเหลือไว้สุดท้ายหลังจากอะไรมากมายที่เป็นของสวรรค์ได้เสียหายไปจากมนุษย์ เหลือไว้แต่สันชาตญาณสวรรค์ คืออยากขึ้นสวรรค์ ไม่อยากตกนรก การหลงไปจากความจริงนี้ คือสิ่งที่ยากอบได้กล่าวว่า  ยากอบ 5:19-20 19 พี่​น้อง​ของ​ข้าพ​เจ้า ถ้า​ใคร​ใน​พวก​ท่าน​ถูก​หลอก​ให้​หลง​ผิด​ไป​จาก​ความ​จริง​และ​มี​คน​นำ​เขา​กลับ​มา20 ให้​คน​นั้น​รู้​เถิด​ว่า​ผู้​ที่​นำ​คน​บาป​กลับ​จาก​ทาง​ผิด​ของ​เขา จะ​ช่วย​วิญ​ญาณ​จิต​ของ​คน​บาป​นั้น​ให้​รอด​จาก​ความ​ตาย และ​จะ​ทำ​ให้​บาป​มาก​มาย​ได้​รับ​การ​อภัย  ใครคือคนที่จะนำคนบาปกลับจากทางผิดของเขา ใครจะช่วยวิญญาณจิตของคนบาปใหรอดจากความตายนิรันดร์ได้ และใครจะทำให้บาปมากมายได้รับการอภัย นี่คือสิ่งที่พระเยซูได้ตรัสกับสาวกของพระองค์ในมาระโก16:15-18 15 ฝ่าย​พระ​องค์​จึง​ตรัส​สั่ง​พวก​สาว​กว่า “เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​ออกไป​ทั่ว​โลก ประกาศ​ข่าว​ประเสริฐ​แก่​มนุษย์​ทุก​คน16 ผู้ใด​เชื่อ​และ​รับ​บัพติศมา​แล้ว​ผู้​นั้น​จะ​รอด แต่​ผู้ใด​ไม่​เชื่อ​จะต้อง​ปรับ​โทษ17 มี​คน​เชื่อ​ที่​ไหน​หมาย​สำคัญ​เหล่า​นี้​จะ​บังเกิด​ขึ้น​ที่​นั้น คือ​เขา​จะ​ขับ​ผี​ออก​โดย​นาม​ของ​เรา เขา​จะ​พูด​ภาษา​แปลกๆ18 เขา​จะ​จับ​งู​ได้ ถ้า​เขา​กิน​ยา​พิษ​อย่าง​ใด จะ​ไม่​เป็น​อันตราย​แก่​เขา และ​เขา​จะ​วางมือ​บน​คนไข้​คน​ป่วย แล้ว​คน​เหล่า​นั้น​จะ​หาย​โรค”

นี่คือคำตอบว่า ทำไมคริสเตียนต้องประกาศให้คนมาเชื่อพระเยซู เพราะสาระของการประกาศคือความจริงว่า มนุษย์ต้องการการให้อภัยจากบาป มนุษย์ต้องการ การให้อภัยกันและกัน มนุษย์ต้องการการให้อภัยตนเอง นี่คือการช่วยชีวิตคน

บ่ายวันนี้ เราจะออกไปแจกใบปลิว เราจะออกไปทำพันธกิจอย่างในมาระโก ไปเป็นพยาน นำความจริงของพระเจ้าไปบอกแก่คนมากมาย ให้คนได้รับการช่วยกู้ชีวิต การอธิษฐานเผื่อ การวางมือคนป่วย และบางทีก็จะต้องขับผีออกจากคน  คนบางคนอาจจะกำลังยืนอยู่ที่ปากเหวลึก คนบางคนอาจอยู่ในเหวแล้วก็ได้ การช่วยกู้ชีวิต คือสภาพที่นำคนเหล่านั้นออกจากอันตราย ไปสู่ความปลอดภัย และหายดี

วันที่ข้าพเจ้าขาหัก  รถปอเต็กตึ้ง ได้นำข้าพเจ้าไปส่งรพ. นำข้าพเจ้าออกจากที่ที่ข้าพเจ้าประสบอุบัติเหตุ ข้าพเจ้าขยับขาซ้ายไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนหนึ่งก็บอกหัวเข่าหลุด อีกคนหนึ่งก็บอกว่า แค่กล้ามเนื้ออักเสบ เจ้าหน้าที่ปอเต็กตึ้งมาขยับขาข้าพเจ้าขึ้นลง แล้วบอกว่า ไม่มีอะไรหัก ข้าพเจ้าสบายใจ บอกกับเพื่อนที่ไปด้วย ไม่หนัก ไม่เป็นไร  เมื่อได้ขึ้นรถกู้ชีพ สิ่งหนึ่งคือความสบายใจ เพราะเขามาเพื่อช่วยกู้ชีพจริง และนำส่งรพ. เพื่อจะตรวจสอบว่า ข้าพเจ้าเป็นอะไร เมื่อถึงมือหมอ หมอสั่งให้ยกขาเอง ปรากฏว่า ยกไม่ได้ หมอวินิจฉัยเลย ว่าต้องมีอะไรหักแน่ๆ ไปเอ็กซเลย์เลย ปรากฏว่า สะบ้าหัวเข่าหัก สองท่อน หมอบอกต้องผ่าตัด ข้าพเจ้าไม่สามารถปฏิเสธว่าข้าพเจ้าต้องรับการรักษา แต่จะรักษาแบบไหนที่จ่ายราคาไม่แพงเกินเหตุ เช่นเดียวกัน  App. ชีวิตของเราทุกคนต้องรับการตรวจสอบว่า ทำไมเราจึงอยู่ในสภาพที่แย่ขนาดนี้  เราไม่รู้ คนที่ไม่ใช่หมอก็จะเดาโน่นนี่นั่น ศาสนาต่างๆก็เหมือนกับหน่วยกู้ชีพที่พยายามจะให้เราสบายใจ และพาเราไปหาหมอ แต่ว่าจะเป็นหมอเฉพาะทาง คือรู้จักธรรมชาติความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงของเราหรือเปล่า นั่นคือคำถามที่เราต้องหาคำตอบที่แท้จริงให้ได้ มิฉะนั้น เราก็จะหลงผิดไปจากความจริง และแก้ไม่ถูกโรคที่เราเป็น

ในพระคัมภีร์ได้บันทึกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้พระเยซูทรงตอบในความหมายเดียวกันนี้คือ คนเจ็บต้องการหมอ….และต้องเป็นหมอเฉพาะทางด้วย มัทธิว 9:9-13 9 ครั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​เลย​ตำบล​นั้น​ไป ​ก็​เห็น​คน​หนึ่ง​ชื่อมัทธิ​วนั่งอ​ยู่​ที่​ด่าน​ภาษี จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา​เถิด” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ตาม​พระ​องค์​ไป 10 เมื่อ​พระ​องค์​ประทับ​เสวย​พระ​กระยา​หาร​อยู่​ใน​เรือน มี​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​และ​คน​บาป​อื่นๆ หลาย​คน เข้า​มาร่วม​สำรับ​กับ​พระ​เยซู และ​กับ​พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​11 เมื่อ​พวก​ฟาริสี​เห็น​แล้ว ​ก็​กล่าว​แก่​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “ทำไม​อาจารย์​ของ​ท่าน​จึง​รับประทาน​อาหาร​ด้วย​กัน​กับ​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​และ​คน​นอก​รีต​เล่า”12 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ดังนั้น​แล้ว​ก็​ตรัส​ว่า “คน​เจ็บ​ต้อง​การ​หมอ แต่​คน​สบาย​ไม่​ต้อง​การ​13 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ไป​เรียน​คัมภีร์​ข้อ​นี้​ให้​เข้าใจ ที่ว่า เรา​ประสงค์​ความ​เมตตา ไม่​ประสงค์​เครื่อง​สัตว​บูชา  ด้วย​ว่า​เรา​มิ​ได้มา​เพื่อ​จะ​เรียก​คน​ที่​เห็น​ว่า​ตัว​ชอบธรรม แต่​มา​เรียก​คน​ที่​พวก​ท่าน​ว่า​นอก​รีต”  บทเรียนสำหรับเราในวันนี้ ก็คือ มีคนเจ็บมากมายที่กำลังต้องการการช่วยชีวิต ต้องการหน่วยกู้ชีพที่จะพาไปถูกโรงพยาบาล พบกับหมอที่สามารถวินิจฉัย และรักษาได้ถูกโรคจริงๆและพระเยซูได้ทำบทบาททั้งเป็นหน่วยกู้ชีพและเป็นหมอในคราวเดียวกัน  วันนี้ พระเจ้าทรงเรียกเราทั้งหลายที่จะเป็นหน่วยกู้ชีพ ออกไปหาคนเจ็บที่กำลังต้องการหมอ เราไม่ได้ออกไปนอกสถานที่แล้วแจกแต่ใบปลิว เรากำลังปฏิบัติการกู้ชีพคน  ขอให้เรามีสายตาอย่างพระเยซู กับคนรอบข้างดังนี้

1.เป็นหน่วยกู้ชีพอย่างพระเยซู มัทธิว 9:9

9 ครั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​เลย​ตำบล​นั้น​ไป ​ก็​เห็น​คน​หนึ่ง​ชื่อมัทธิ​วนั่งอ​ยู่​ที่​ด่าน​ภาษี จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา​เถิด” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ตาม​พระ​องค์​ไป คนเก็บภาษีสำหรับสังคมยิวในยุคสองพันปีที่แล้ว คือคนบาป ที่สังคมยิวรังเกียจ เพราะเป็นทาสรับใช้ของอาณาจักรโรม ในเวลานั้น อิสราเอลเป็นเมืองอาณานิคมของโรม ต้องถูกเก็บภาษี ส่งส่วยให้โรม และแม้กระทั่งกฎหมายโรมก็บังคับคนยิวให้รับใช้ทหารโรม เช่น ทหารโรมมีสิทธิ์เกณฑ์คนยิวให้ทำงานแทน เช่นแบกโล่ หรือจะเอาเสื้อผ้า ก็ต้องถอดให้ พระเยซูได้สอนคนยิวตอนหนึ่งว่า ถ้าท่านถูกเกณฑ์ให้เดินไปเป็นระยะกิโลเมตรหนึ่ง ก็จงเดินไปให้อีกหนึ่งกิโล ช่างเป็นคำสอนที่คนยิวไม่เคยคิดว่าจะทำ แค่ระยะทางที่กำหนดก็รู้สึกอึดอัดและอยากจะให้จบๆไปเร็วๆเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น คนที่เก็บภาษีอย่างมัทธิว จึงเป็นคนที่คนยิวตัดขาดออกไปจากสังคม นอกจากจะรับใช้ของศัตรูแล้ว ยังไม่สัตย์ซื่อในการเก็บภาษี คือมีการโก่งราคา เพื่อเข้ากระเป๋าตนเองก็มี  ซึ่งถือว่าเป็นคนบาปในสายตาของสังคม แต่พระเยซูทรงมองมัทธิวแตกต่าง พระองค์ทรงมองเห็นความป่วยในจิตวิญญาณของมัทธิว ที่ทำให้มัทธิวตกในสถานะเป็นคนบาปของสังคม  พระเยซูทรงเรียกมัทธิวว่า “จงตามเรามาเถิด”  พระเยซูทรงมองมัทธิวที่ภายใน มิใช่ภายนอก หรือมองตามสังคมมอง พระองค์มองที่ความรู้สึกของมัทธิว  พระเยซูเรียกมัทธิว และมัทธิวตอบสนองทันที นั่นคือความรู้สึกที่มัทธิวอยากมีใครสักคนที่จะเรียกเขาให้ลุกจากที่นั่งแห่งความบาปนี้ที่เขาติดอยู่กับมันมานาน สดุดี1:11 ความ​สุข​เป็น​ของ​บุคคล ผู้​ไม่​ดำเนิน​ตาม​คำแนะนำ​ของ​คน​อธรรม หรือ​ยืน​อยู่​ใน​ทาง​ของ​คน​บาป หรือ​นั่ง​อยู่​ใน​ที่​นั่ง​ของ​คน​ที่​ชอบ​เยาะ​เย้ย มีคนบาปไม่น้อยที่ไม่มีความสุขกับการทำบาป เขากำลังต่อสู้และอยากจะหลุดจากบาปที่เกาะแน่นเหล่านั้น เขาต้องการใครจะสักทีจะเอาเขาออกไปจากที่ตรงนั้น  แต่เขาออกมาเองไม่ได้

ข้าพเจ้าเคยฟังจิตแพทย์ท่านหนึ่งพูดถึงผู้ป่วยจิตเวชว่า คนเหล่านี้แตกต่างจากคนปกติที่ เมื่อพวกเขามีอารมณ์ซึมเศร้า หรือตกอยู่แรงกดดันบางอย่าง เหมือนคนปกติ แต่คนปกติ จะพาตัวเองออกมาได้ แต่สำหรับพวกเขา ไม่สามารถ เขาต้องการใครบางคนมาช่วยพาเขาออกมา  นี่ความป่วยของคนที่ป่วยทางจิตเวช  แต่สำหรับมนุษย์ทุกคน พระเยซูผู้เป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ พระองค์ทรงมองเห็นความป่วยของคนบาป ที่ไม่สามารถไม่ช่วยตัวเองได้

โรม 5:6 6 ขณะ​เมื่อ​เรา​ยัง​ขาด​กำลัง ​พระ​คริสต์​ก็​ได้​ทรง​สิ้น​พระ​ชนม์​เพื่อ​ช่วย​คน​บาป​ใน​เวลา​ที่​เหมาะสม​  มนุษย์ทุกคนที่เป็นคนบาป ต้องการการช่วยชีวิตจากพระเยซู  และมัทธิวรู้ตัว่าตนเองต้องการความช่วยเหลือ เขาจึงตอบสนองพระเยซูทันที  พระเยซูมีคำสอนเป็นคำอุปมาเกี่ยวกับคำอธิษฐานระหว่างคนเก็บภาษีกับฟาริสีอย่างนี้ ลูกา 18:10-14 10 “มี​สอง​คน​ขึ้น​ไป​อธิษฐาน​ใน​บริเวณ​พระ​วิหาร คน​หนึ่ง​เป็น​พวก​ฟาริสี​และ​คน​หนึ่ง​เป็น​พวก​เ​ก็​บ​ภาษี​11 คนฟาริสี​นั้น​ยืน​นึก​ใน​ใจ​ของ​ตน อธิษฐาน​ว่า ‘ข้า​แต่​พระ​เจ้า ข้า​พระ​องค์​โมทนา​ขอบ​พระ​คุณ​ของ​พระ​องค์ ที่​ข้า​พระ​องค์​ไม่​เหมือน​คน​อื่น ซึ่ง​เป็น​คน​โลภ คน​อธรรม และ​คน​ล่วง​ประเวณี และ​ไม่​เหมือน​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​คน​นี้​12 ​ใน​สัปดาห์​หนึ่ง​ข้า​พระ​องค์​ถือ​อด​อาหาร​สอง​หน และ​ของ​สารพัด​ซึ่ง​ข้า​พระ​องค์​หา​ได้​ข้า​พระ​องค์​ได้​เอา​สิบ​ชัก​หนึ่ง​มา​ถวาย’13 ฝ่าย​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​นั้น​ยืน​อยู่​แต่​ไกล ไม่​แหงน​ดู​ฟ้า แต่​ตี​อก​ของ​ตน​ว่า ‘ข้า​แต่​พระ​เจ้า ขอ​ทรง​โปรด​พระ​เมตตา​แก่​ข้า​พระ​องค์​ผู้​เป็น​คน​บาป​เถิด’14 เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า คน​นี้​แหละ​เมื่อ​กลับ​ลง​ไป​ยัง​บ้าน​ของ​ตน​ก็​นับว่า​ชอบธรรม มิใช่​อีก​คน​หนึ่ง​นั้น เพราะ​ว่า​ทุก​คน​ที่​ยก​ตัว​ขึ้น​จะต้อง​ถูก​เหยียด​ลง แต่​ทุก​คน​ที่​ได้​ถ่อม​ตัว​ลง​จะต้อง​ถูก​ยกขึ้น”  คำอุปมาของพระเยซูตอนนี้ อาจมาจากเรื่องจริงที่เกิดแก่มัทธิว ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่า มัทธิวตระหนักว่าตนเองเป็นคนบาป และกำลังรอการช่วยเหลือจากพระเยซู เมื่อพระเยซูเสด็จมาเหมือนรถปอเต็กตึ่ง เห็นสภาพมัทธิว พระเยซูรับมัทธิวไปโรงพยาบาบฝ่ายจิตวิญญาณทันที หน่วยกู้ชีพฝ่ายจิตวิญญาณ ไม่มองภายนอก แต่มองภายใน เราต้องสวมหัวใจ สายตาอย่างพระเยซู แล้วเราจะมองเห็นคนมากมายรอบข้างเราต้องการความช่วยเหลือ

ในทางตรงกันข้าม เรื่องราวของชาวสะมาเรียใจดี  เป็นเรื่องที่พระเยซูทรงยกตัวอย่างเรื่องการเพิกเฉยของคนที่ควรจะต้องให้การช่วยเหลือ  ลูกา 10:30-32  30 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ลง​ไป​จาก​กรุง​เยรูซาเล็ม​จะ​ไป​ยัง​เมือง​เย​รี​โค และ​เขา​ถูก​พวก​โจร​ปล้น โจร​นั้น​ได้​แย่ง​ชิง​เสื้อผ้า​ของ​เขา​และ​ทุบ​ตี แล้ว​ก็​ละ​ทิ้ง​เขา​ไว้​เกือบจะ​ตาย​แล้ว​31 เผอิญ​ปุโรหิต​คน​หนึ่ง​เดิน​ลง​ไป​ทาง​นั้น เมื่อ​เห็น​คน​นั้น​ก็​เดิน​เลย​ไป​เสีย​อีก​ฟาก​หนึ่ง​32 คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เลวี​ก็​ทำ​เหมือน​กัน เมื่อ​มาถึง​ที่​นั่น​และ​เห็น​แล้ว​ก็​เลย​ไป​เสีย​อีก​ฟาก​หนึ่ง​  พระเยซูทรงยกตัวอย่างของปุโรหิตและคนเลวี คนสองคนนี้มีบทบาทในสังคมที่มีสายตาที่มองออกว่าคนป่วย ชนิดไหน ระดับไหน มองอย่างปอเต็กตึ้งเลย คือมองออกว่า คนๆนี้ตายแน่นอน แต่กลับไม่ทำอะไรและหลีกเลี่ยงที่จะทำ ปกเต็กตึ้งยังเก็บศพ พวกนี้ไม่เอา เพราะกลัวตัวเองเดือดร้อน   การช่วยชีวิตคนจะไม่สำเร็จ หากเรากลัวเดือดร้อน กลัวเสียเวลา กลัวโน่นนี่นั่น

2.มีหัวใจอย่างหมอ มัทธิว 9:10-12

10 เมื่อ​พระ​องค์​ประทับ​เสวย​พระ​กระยา​หาร​อยู่​ใน​เรือน มี​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​และ​คน​บาป​อื่นๆ หลาย​คน เข้า​มาร่วม​สำรับ​กับ​พระ​เยซู และ​กับ​พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์11 เมื่อ​พวก​ฟาริสี​เห็น​แล้ว ​ก็​กล่าว​แก่​สาวก​ของ​พระ​องค์​ว่า “ทำไม​อาจารย์​ของ​ท่าน​จึง​รับประทาน​อาหาร​ด้วย​กัน​กับ​คน​เ​ก็​บ​ภาษี​และ​คน​นอก​รีต​เล่า”12 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ดังนั้น​แล้ว​ก็​ตรัส​ว่า “คน​เจ็บ​ต้อง​การ​หมอ แต่​คน​สบาย​ไม่​ต้อง​การ​

พระเยซูไม่เพียงเรียกมัทธิวให้ลุกจากที่ที่ทำให้มัทธิวป่วย ที่นั่งของคนเก็บภาษีมีการยั่วยวนเรื่องเงินทอง การไม่สัตย์ซื่อ การทำบาปอื่นๆที่ตามมา ทำให้ใจแข็งกระด้างไปเรื่อยๆ พระเยซูเรียกให้มัทธิวลุกออกจากตรงนั้น ขอบคุณพระเจ้าที่มัทธิวเชื่อฟัง และลุกขึ้น ตามพระองค์ไป ในการติดตามพระเยซู มัทธิวเชิญพระเยซูเข้าบ้านของตน  ต้อนรับพระเยซู และร่วมรับประทานอาหารกับพระองค์ และยังพาคนเก็บภาษีและคนบาปหลายคนมาร่วมสำรับกับพระเยซู  คนยิวในยุคนั้น การทานอาหารด้วยกันคือการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี และคือจุดที่หวงแหนมากที่สุดของคนยิว เป็นพื้นที่ส่วนตัว  ที่สงวนไว้สำหรับตนเอง และครอบครัว คนใกล้ชิด มิตรสหาย แต่มัทธิวเมื่อติดตามพระเยซู มัทธิวเปิดชีวิตส่วนที่หวงแหนของตนเองให้กับพระเยซู  มัทธิวได้ทำหน้าที่ของการเป็นผู้ติดตามพระเยซู ด้วยการให้ชีวิตของตนเองส่งต่อสิ่งดีๆที่ได้รับจากพระเยซูไปสู่เพื่อนที่ป่วยฝ่ายจิตวิญญาณอีกหลายคน  คือคนเก็บภาษี คนบาป ให้มารับการเยียวยา การรักษา จากพระเยซู มัทธิวหายป่วย และได้แบ่งปันเป็นพยานกับเพื่อนของเขา นี่คือชีวิตที่พบกับหมอจริงๆ  รับหัวใจอย่างหมอคืออยากให้ทุกคนที่ป่วยหายดี  12 เมื่อ​พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ดังนั้น​แล้ว​ก็​ตรัส​ว่า “คน​เจ็บ​ต้อง​การ​หมอ แต่​คน​สบาย​ไม่​ต้อง​การ​  เราทุกคนที่มาที่นี่ เราได้พบกับพระเยซู ที่ทรงเรียกเรา ช่วยเราให้หายดี เพราะความมีหัวใจอย่างหมอของพระเยซู  เราต้องรับหัวใจอย่างหมอ แบบมัทธิว เพื่อนของเราอีกหลายคนที่ป่วย ต้องการการเยียวยาจากพระเยซู เช่นเดียวกัน

3.มีความเมตตา มัทธิว 9:13

13 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ไป​เรียน​คัมภีร์​ข้อ​นี้​ให้​เข้าใจ ที่ว่า เรา​ประสงค์​ความ​เมตตา ไม่​ประสงค์​เครื่อง​สัตว​บูชา  ด้วย​ว่า​เรา​มิ​ได้มา​เพื่อ​จะ​เรียก​คน​ที่​เห็น​ว่า​ตัว​ชอบธรรม แต่​มา​เรียก​คน​ที่​พวก​ท่าน​ว่า​นอก​รีต” ความเมตตา เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้พิพากษา  พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่จะทรงนั่งบัลลังค์การพิพากษามนุษย์ทั้งหลาย  แม้พระองค์จะเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ และเครื่องสัตวบูชาคือสัญลักษณ์ของการรักษาความบริสุทธิ์ของมนุษย์ ต่อหน้าพระเจ้า ในยุคของโมเสส อาโรน พระเจ้าทรงเข้มงวดเรื่องความบริสุทธิ์ปราศจากตำหนิของคนอิสราเอลที่เป็นประชากรของพระเจ้า ต้องถวายเครื่องบูชา รักษาการทรงสถิตของพระเจ้า เพื่ออิสราเอลจะรับพระพร มีชัยชนะ มีสวัสดิภาพที่ดี ปลอดภัย แข็งแรง ทั้งหมดเพื่อคนอิสราเอลจะได้รับสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง  แต่ปุโรหิตในยุคต่อๆมาโดยเฉพาะในยุคของพระเยซู ปุโรหิตกลับเพี้ยนไปจากพระประสงค์ของพระเจ้า  กลายเป็นการวางภาระหนักไว้บนบ่าของคนอิสราเอลในยุคนั้น  ไม่เป็นพระพร ไม่มีความสุข ไม่ได้รับสิ่งดีจากการถวายเครื่องบูชาเลย คนบาปไม่มีสิทธิ์ได้รับการให้อภัยเลย แท้จริง พระประสงค์ของพระเจ้า คือความเมตตา หมอจะมีความเมตตา มีจิตใจต้องการช่วยเหลือคน และไม่มีเงื่อนไขในการช่วยเหลือคน พระเยซูผู้ทรงเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ พระองค์มีความเมตตา และความเมตตาของพระองค์มีไม่จำกัด

สดุดี 147:3 3 ​พระ​องค์​ทรง​รักษา​คน​ที่​ชอก​ช้ำ​ระกำ​ใจ และ​ทรง​พัน​ผูก​บาดแผล​ของ​เขา

เยเรมีย์ 30:17 17 เพราะ​เรา​จะ​เรียก​เนื้อ​ขึ้น​มา​ให้แก่​เจ้า และ​เรา​จะ​รักษา​บาดแผล​ของ​เจ้า​ให้​หาย ​พระ​เจ้า​ตรัส...

โฮเชยา 6:1-3 1 “มา​เถิด ให้​เรา​กลับไป​หา​พระ​เจ้า เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ฉีก และ​จะ​ทรง​รักษา​เรา​ให้​หาย ​พระ​องค์​ทรง​โบย​ตี และ​จะ​ทรง​พัน​บาดแผล​ให้แก่​เรา 2 อีก​สอง​วัน​พระ​องค์​จะ​ทรง​ให้​เรา​ฟื้น พอ​ถึง​วันที่​สาม​จะ​ทรง​ยก​เรา​ขึ้น เพื่อ​เรา​จะ​ดำรง​อยู่​ต่อ​เบื้อง​พระ​พักตร์​พระ​องค์ 3 ให้​เรา​รู้จัก​ให้​เรา​พยายาม​รู้จัก​พระ​เจ้า การ​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ออก​ก็​แน่นอน​เหมือน​อรุณ ​พระ​องค์​จะ​เสด็จ​มา​หา​เรา​อย่าง​ห่า​ฝน ดัง​ฝน​ชุก​ปลาย​ฤดู​ที่​รด​พื้น​แผ่นดิน”

ขอให้เราเป็นผู้สื่อสารความเมตตาของพระเจ้า อย่างพระเยซู อย่างบุคคลในพระคัมภีร์เดิม กษัตริย์ดาวิด เยเรมีย์ และโอเชยา

“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ด้วยการช่วยชีวิตคน”

1.เป็นหน่วยกู้ชีพอย่างพระเยซู

2.มีหัวใจอย่างหมอ

3.มีความเมตตา

By admin