“คริสต์มาสชาโลม”
รูปภาพที่เรามักคุ้นสำหรับวันคริสต์มาส ได้แก่ ภาพโรงวัว มีมารีย์ โยเซฟ ยืนกับพระกุมารในรางหญ้า ภาพคนขี่อูฐสามคน เดินทางติดตามดวงดาวนำทางมาถึงโรงวัว (ความจริง สามนักปราชญ์มาเฝ้าพระเยซูตอนพระองค์อายุได้สองขวบแล้ว และเฝ้าในบ้าน ไม่ได้เฝ้าในโรงวัวอย่างภาพที่เรามักเห็นในวันคริสต์มาส) ส่วนอีกภาพ คือโยเซฟจูงลาที่มีนางมารีย์กำลังท้องพระเยซูเดินทางไปลงทะเบียนสำมะโนครัวที่เบธเลเฮม บ้านเกิดของโยเซฟ ที่พระคัมภีร์บันทึก ก็เพื่อเราทุกคนในวันนี้ จะใช้เพื่อค้นหาความจริงของการบันทึกได้
ลูกา 2:1-7 1 อยู่มาคราวนั้น มีรับสั่งจากมหาจักรพรรดิซีซาร์ ออกัสตัส ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน2 นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จดทะเบียนสำมะโนครัว เมื่อคีรินิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรีย3 คนทั้งปวงต่างคนต่างได้ไปขึ้นทะเบียนยังเมืองของตน4 ฝ่ายโยเซฟก็ขึ้นไปจากเมืองนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลีถึงเมืองของดาวิดชื่อเบธเลเฮมแคว้นยูเดียด้วย เพราะว่าเขาเป็นวงศ์วานและเชื้อสายของดาวิด5 เขาได้ไปกับมารีย์ที่เขาได้หมั้นไว้แล้ว เพื่อจะขึ้นทะเบียน และนางมีครรภ์6 เมื่อเขาทั้งสองยังอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะประสูติบุตร7 นางจึงประสูติบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม
การบันทึกของพระคัมภีร์ตอนนี้ บอกเราว่า มีบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ คือจักรพรรดิ์ซีซาร์ ออกัสตัส แห่งอาณาจักรโรม มีคีรีนิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรียจริง มีการจัดระบบทะเบียนคนในยุคนั้นจริง เรื่องของพระเยซูมาเกิดไม่ใช่ตำนาน หรือนิยายแต่งขึ้น
และภาพสุดท้าย คือภาพของคนเฝ้าแกะ เจอกับทูตสวรรค์มาปรากฏในยามค่ำคืนวันที่พระเยซูมาเกิด ภาพทูตสวรรค์ (ที่คนไทยเรียกเทวดา) แต่อาจจะแต่งตัวต่างจากเทวดาไทย วาดขึ้นโดยจินตนาการของคนในประเทศอื่น แต่ก็คือ ทูตรับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์สูงสุด มาส่งข่าวให้กับคนเฝ้าแกะ (ขอเรียกคนเฝ้าแกะ เพราะว่า คนไทยเราก็คุ้นกับคำว่า เด็กเลี้ยงแกะ ที่โกหกจนเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อถือ)
และคนเฝ้าแกะ ไม่ใช่คนเดียว แต่เป็นกลุ่มคนเฝ้าแกะ ที่มีประสบการณ์พร้อมกัน กับทูตสวรรค์ ที่ไม่ใช่องค์เดียว แต่เป็นเหล่าหมู่ทูตสวรรค์ พระคัมภีร์บันทึกอย่างนี้…..
ลูกา 2:8-20 8 ในแถบนั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งกำลังเฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน9 มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่พวกเขา และพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก10 ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย11 เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด12 นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกท่าน คือท่านจะพบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า”13 ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า 14 “พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น” 15 เมื่อทูตสวรรค์เหล่านั้นไปจากพวกเขาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว บรรดาคนเลี้ยงแกะก็พูดกันว่า “ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแจ้งกับเรา”16 เขาก็รีบไป แล้วพบนางมารีย์กับโยเซฟ และพบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า17 เมื่อพวกเขาเห็นแล้วจึงเล่าเรื่องที่เขาได้ยินถึงพระกุมารนั้น18 คนทั้งหลายที่ได้ยินก็ประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องที่คนเลี้ยงแกะบอกกับเขา19 ส่วนนางมารีย์ก็เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้และรำพึงอยู่ในใจ20 บรรดาคนเลี้ยงแกะจึงกลับไปถวายพระเกียรติและสรรเสริญพระเจ้า สำหรับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เขาได้ยินและได้เห็นดังที่กล่าวไว้กับพวกเขา
บรรดาคนเฝ้าแกะได้ไปพิสูจน์ตามคำของเหล่าทูตสวรรค์ว่าเป็นจริงไม๊ ปรากฏว่า พวกคนเฝ้าแกะได้พบกับโยเซฟ และนางมารีย์ และพระกุมารเยซูในรางหญ้า แน่นอนว่า พวกคนเฝ้าแกะได้บอกกล่าวถึงเรื่องราวของเหล่าทูตสวรรค์ส่งข่าวแก่โยเซฟและนางมารีย์ และนางมารีย์จดจำเรื่องนี้ จนพระเยซูเติบโตแน่นอน โดยเฉพาะประโยคสำคัญที่มีผลต่อชาวโลกจนถึงทุกวันนี้ก็คือ….
14 “…..สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวง ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานนั้น”
ข้าพเจ้าได้เขียนอธิบายในสูจิบัตรเช้าวันนี้ เกี่ยวกับคำว่า สันติสุข ชาโลม (ภาษาอีบรู) และในภาษากรีก (เอเรเน่) แปล สันติสุข Peace ได้หลายคำ แปลว่า ได้พัก ได้เงียบสงบ สันติสุข และ ความเจริญรุ่งเรือง
คริสต์มาสชาโลม แปลว่า คริสต์มาสนำสันติสุขมายังมนุษย์ทุกคน สันติสุขเป็นความสงบของจิตใจ ความสงบในทุกด้านของชีวิต ได้พัก จริงๆ และไปให้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของชีวิตที่แท้จริง
เมื่อพระเยซูทรงเจริญขึ้น จนถึงเวลาที่พระองค์เปิดดัวทำบทบาทของพระองค์ในฐานะนำสันติสุขมายังชาวโลก คำตรัสของพระเยซูมีจุดมุ่งหมายให้คนได้พบกับสันติสุข ได้พัก ได้สงบนิ่ง และเจริญรุ่งเรือง
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ความจริง คริสต์มาสคือทุกวัน ไม่ใช่ในเดือนธันวาคม หรือในวันเฉพาะวันที่ 25 เท่านั้น พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกว่า พระเยซูเกิดในวันที่ 25 ธันวาคม เป็นแค่วันที่คนตั้งขึ้นมา สมมติขึ้น ถ้าอยากจะรู้ต้องไปค้น ประวัติ ทะเบียนยุคอาณาจักรโรม ที่มีจริง แต่คนละวันแน่นอน
ความจริงที่น่าจะให้ความสนใจ (อย่าไปสนใจวันที่ (25 ธค.) นั่นคือความจริงที่ว่า ทำไมจึงมีการฉลองวันเกิดให้กับพระเยซู (ถ้าพระองค์ตายไปนานแล้ว) เหตุผลก็คือ พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ใช่อย่างวาทกรรมที่ว่า พระองค์ยังอยู่ในใจของคน ในความทรงจำของคน แต่พระเยซูทรงมีชีวิตอยู่จริงๆ ที่จะให้สันติสุข ให้หายเหนื่อย ให้ได้สงบนิ่ง และพบกับความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต
สันติสุขแท้ จากคริสต์มาสชาโลม จะทำให้ได้รับสามอย่าง
1.คริสต์มาสชาโลม ทำให้หายเหนื่อย และได้พัก
มัทธิว 11:28-30 28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
นี่เป็นคำตรัสของพระเยซู ที่เชิญชวนคนมากมายให้หายเหนื่อย เพราะพระองค์ทรงรู้ว่า มนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ยิ่งนานวัน ยิ่งเหนื่อยมากขึ้น ยิ่งล้ำสมัยมากเท่าไหร่ ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้น ความล้ำสมัยอำนวยความสะดวกสบายทางกาย แต่จิตใจของคนยิ่งไม่ได้พัก มากเท่านั้น ยิ่งทำให้การพักที่แท้จริงหายไป บางคนหยุดพัก แต่ใจไม่ได้พัก บางคนไปพักผ่อน แต่ความล้ำสมัยทำให้งานยังติดตามไปทุกที่ ทำงานได้ทุกเวลา แม้กระทั่งเรื่องราวของปัญหาก็สามารถตามเราไปได้ทุกที่ มันหมายความว่า คุณจะไม่ได้พักอีกต่อไป ตลอดชีวิต
อย่างเช่น เราสามารถรับข่าวสาร ทางมือถือทั้งที่ดี และไม่ดีได้ตลอดเวลา ตอนนี้มีโรคหนึ่งเกิดขึ้น เรียกว่า Nomophobia (No Mobile phone phobia) แปลว่า โรคกลัวขาดโทรศัพท์มือถือ ถ้าลืม หรือหายไป จะไม่สบายใจ ตลอดทั้งวัน
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เมื่อเรามาพบกับพระเยซูจริงๆ ปัญหาของเรายังเหมือนเดิม แต่เราไม่เหมือนเดิม ใจของเราไม่เหมือนเดิม เราสามารถรับมือกับปัญหาเดิมได้ โดยที่ใจของเราแข็งแรงขึ้น เพราะได้พักจริงๆ สิ่งทีเราคิดว่า มันคือภาระ มันไม่ใช่ภาระอีกต่อไป เรายังรับผิดชอบภาระเดิม แต่ภาระนั้น มันเบากกว่าเดิม อย่างที่พระเยซูตรัสว่า พอเหมาะ และก็เบา ทุกอย่างมันอยู่ที่ความรู้สึก เมื่อเราหายเหนื่อย เราได้พัก
ความเครียดของคนเราทำให้เราไม่ได้พัก แม้แต่เวลานอน เวลาหยุดจากการทำงาน ความคิดทำให้คนเราไม่ได้หยุดพัก และข้าพเจ้าอยากจะเพิ่มให้อีกสาเหตุหนึ่ง ก็คือ บาดแผลชีวิตในอดีตที่เกิดจากการไม่ให้อภัย ก็เป็นสาเหตุของความเครียด ไม่ว่าจะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นนานแล้วในวัยเด็ก หรือเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้ พระเยซูทรงทำบำบัดจิตใจภายในให้กับเราได้ พระองค์จะเชิญชวนเราไปถึงการให้อภัยคน พระเยซูทรงสามารถ พระคัมภีร์ได้พูดถึงพระเยซูอย่างนี้
ฮีบรู 13:8 8 พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆ ไปเป็นนิจกาล
หมายความว่า พระเยซูทรงสามารถเข้าไปเยียวยาอดีตของคนที่มีบาดแผลบาดเจ็บได้
คุณอยากหายดีไม๊ คุณอยากหลุดจากอดีตที่ตามมาหลอกหลอนไม๊ คุณอยากหายเครียด ได้พัก ในเวลาที่พัก หรือไม่
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า คนเราเสพติดสิ่งต่างๆ เพื่อจะผ่อนคลายตัวเองจากความเครียด ไม่ว่าจะสารเสพติด การพนัน เรื่องเพศ วัตถุนิยม ค่านิยมต่างๆ เป็นต้น
2เปโตร 2:19 …เพราะว่ามนุษย์พ่ายแพ้แก่สิ่งใด เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น
สภาพของความเป็นทาส ทำให้คนเหนื่อย และไม่ได้หยุดพัก
ถามตัวเองอีกครั้งว่า เรากำลังเป็นทาสอะไรอยู่ เรากำลังเหนื่อย และเหนื่อยกับอะไร
จงให้ คริสต์มาสชาโลม ของพระเยซูเกิดขึ้นในจิตใจของตนเอง แล้วจะได้พัก หายเหนื่อยและเป็นสุข ที่แท้จริง
2.คริสต์มาสชาโลม ทำให้เราได้สงบนิ่ง
ยอห์น 14:27 27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
พระเยซูเป็นเจ้าของคำพูดนี้ ความสงบนิ่งที่แท้จริงเป็นของจริง ขอให้เราทุกคนจงมีใจกล้า ที่จะมีประสบการณ์กับสันติสุขที่พระเยซู ตรัสว่า ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้
มีคนไม่น้อย (รวมทั้งข้าพเจ้าเองด้วย) ในภาวะที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันมากมาย บางทีก็ลืมไปว่า สันติสุข ที่พระเยซูให้ อยู่ใกล้ตัวมาก เพราะมัวแต่วนเวียนอยู่กับคำพูดของคน วนเวียนอยู่กับกับปัญหา วนเวียนอยู่กับความน่าสงสารของตัวเอง แต่เมื่อคิดขึ้นได้ ก็ต้องหันกลับมาโฟกัสที่พระเยซู น่าประหลาดมาก สันติสุขที่ไม่เหมือนโลกให้ มีจริง และไม่ใช่แค่ให้ใจสงบนิ่ง แต่มีคำตอบ และเห็นแสงสว่าง โดยไม่ต้องไปนั่งสมาธิที่ไหน ไม่ต้องเข้าป่า เพียงแค่คิดถึงพระเยซู และเข้าสู่ความจริงของพระองค์ คริสต์มาสชาโลม เกิดขึ้นแล้วเมื่อสองพันปีที่แล้ว และยังคงอยู่ เป็นของจริง
ยอห์น 8:31-32 31 พระเยซูจึงตรัสกับพวกยิวที่ศรัทธาในพระองค์แล้วว่า “ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในคำของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง32 และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท”
ยอห์น 14:6 6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต….
3.คริสต์มาสชาโลมทำให้พบกับความเจริญรุ่งเรือง
ยอห์น 10:7-10 7 พระเยซูจึงตรัสกับเขาอีกว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เราเป็นประตูของแกะทั้งหลาย8 บรรดาผู้ที่มาก่อนเรานั้นเป็นขโมยและโจร แต่ฝูงแกะก็มิได้ฟังเขา9 เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเราผู้นั้นก็จะรอด เขาจะเข้าออกแล้วก็จะพบอาหาร10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
คนเราพอเติบโตมาถึงระดับหนึ่ง คือแก่ตัวลง เราจะพบความจริงของชีวิต คือ ไม่ต้องการอะไรมาก แค่รักษาชีวิตไปวันๆ พอแล้ว พอกับสารพัดที่สมัยยังเด็ก ยังอายุน้อย วัยคึกคะนอง วัยหนุ่มวัยสาว เคยกระเสือกกระสนอยากได้มา อยากมั่งมี อยากมีมั่ง
ความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริง คือ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ คือพอใจ พอตัว พอเหมาะ ก็มีความสุขแล้ว ในหลวงร. 9 ของเราทรงใช้คำว่า พอเพียง แต่สิ่งที่ทำให้คนเราเป็นทุกข์ คือไม่รู้จักพอ ยังต้องการและต้องการ นั่นคือ ไม่ต่างอะไรจากขอทาน
สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องทุกท่าน แขกผู้เกียรติที่รับเชิญมาในวันนี้ทุกท่าน จงพบกับ คริสต์มาสชาโลม ได้พัก ได้สงบนิ่ง และได้ความเจริญรุ่งเรืองอยู่กับท่านตลอดไป อาเมน
1.คริสต์มาสชาโลม ทำให้หายเหนื่อย และได้พัก
2.คริสต์มาสชาโลม ทำให้เราได้สงบนิ่ง
3.คริสต์มาสชาโลมทำให้พบกับความเจริญรุ่งเรือง
เพลง คริสต์มาสนี้ https://www.youtube.com/watch?v=71h200EvWiY