“พระเยซูคริสต์…พันธกิจผจญการทดลอง”
ลูกา 4:1-13 1 พระเยซูทรงประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กลับไปจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณได้ทรงนำพระองค์ไป2 ถึงสี่สิบวัน ในถิ่น ทุรกันดาร ทรงถูกมารทดลอง ในวันเหล่านั้นพระองค์มิได้เสวยอะไรเลย และเมื่อสิ้นสี่สิบวันแล้ว พระองค์ทรงอยากพระกระยาหาร3 มารจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินนี้ให้กลายเป็นพระกระยาหาร”4 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบมารว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้” 5 แล้วมารจึงนำพระองค์ขึ้นไป สำแดงบรรดาราชอาณาจักรทั่วพิภพในขณะเดียวให้พระองค์เห็น6 แล้วมารได้ทูลพระองค์ว่า “อำนาจทั้งสิ้นนี้ และศักดิ์ศรีของราชอาณาจักรนั้นเราจะยกให้แก่ท่าน เพราะว่ามอบเป็นสิทธิ์ไว้แก่เราแล้ว และเราปรารถนาจะให้แก่ผู้ใดก็จะให้แก่ผู้นั้น7 เหตุฉะนั้นถ้าท่านจะกราบนมัสการเรา สรรพสิ่งนั้นจะเป็นของท่านทั้งหมด”8 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบมารว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว” 9 แล้วมารจึงนำพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และให้พระองค์ประทับอยู่ที่ยอดหลังคาพระวิหาร แล้วทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงโจนลงไปจากที่นี่เถิด10 เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า พระเจ้าจะรับสั่งให้เหล่าทูตของพระองค์ในเรื่องท่าน ให้ป้องกันรักษาท่านไว้ 11 และ เหล่าทูตสวรรค์ จะเอามือประคองชูท่านไว้ มิให้เท้าของท่านกระทบหิน” 12 พระเยซูจึงตรัสตอบมารว่า “มีคำกล่าวไว้ว่า อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน” 13 เมื่อมารทำการทดลองทุกอย่างสิ้นแล้ว จึงละพระองค์ไปจนถึงโอกาสเหมาะ
พระเยซูคริสต์…พันธกิจผจญการทดลอง เราไม่อาจกล่าวได้ว่า พระเยซูไม่สามารถทำบาปได้ แต่เราอาจกล่าวว่า พระเยซูเลือกที่จะไม่ทำบาป
บันทึกของพระคัมภีร์ลูกาตอนนี้ ใช้คำที่แปลว่า ทดลอง Tempted รากศัพท์กรีก แปลว่า เพื่อทดสอบ ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ทดสอบ ความตั้งใจที่เรียกว่า ความพยายามให้ล้มเลิกความพยายาม เพื่อล่อลวงให้ทำบาป (พาออกไปจากน้ำพระทัยของพระเจ้า และเพื่อลองความมี วินัย ที่เสมอต้นเสมอปลาย ให้ออกจากวินัย (สะดุดหยุดกลางคัน) ถ้าคุณทำบาปอยู่แล้ว ไม่มีวินัยอยู่แล้ว ไม่มีความตั้งใจอยู่แล้ว มารไม่มาผจญคุณให้เสียเวลาของมันหรอก
พระเยซูคริสต์….พันธกิจผจญการทดลอง คือเส้นทางที่พระเยซูต้องผ่านก่อนที่พระองค์จะเริ่มทำพันธกิจอื่นๆ และคือเส้นทางสำหรับผู้ที่จะเดินในทางเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ที่ทุกคนจะต้องเดินด้วยเช่นกัน เส้นทางนี้ ไม่ต่างจากคนที่ไม่เป็นคริสเตียน มนุษย์ทุกคนต่างต้องเดินในเส้นทางของชีวิต ซึ่งต้องเผขิญกับการทดลองและการทดสอบของชีวิต เพียงแต่ว่า แต่ละคนจะใช้อะไรเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
ที่สำคัญ คือระหว่างเส้นทางชีวิตนี้ มีมารคอยผจญเพื่อจะให้มนุษย์ทุกคนทำบาป ตามธรรมชาติบาปที่อยู่ภายในตนเอง บางคนก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้ไปตามธรรมชาติบาป แต่จะมีบางคนที่ไม่ยอมและจะสวนทาง กับธรรมชาติบาปนั้น ด้วยเหตุผลมากมายของการรักตนเอง
พระเยซูคริสต์…พันธกิจผจญการทดลอง เป็นโมเดลของวิธีการรับมือ ประมือ ต่อสู้ ฟันฝ่า ผ่านการทดลองและบททดสอบของชีวิตอย่างผู้มีสติสัมปชัญญะ เพื่อจะไปต่อในเส้นที่ยาวไกลนี้ มีบททดสอบและการทดลองที่มนุษย์ทุกคน หนีไม่พ้น สามด้านของชีวิต ได้แก่….
1.อาหาร(ความหิว) (เราคงไม่ปฏิเสธว่า มนุษย์ทุกคนต้องกินอาหารเพื่อรักษาชีวิตให้อยู่รอด)
ลูกา 4:1-4 1 พระเยซูทรงประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กลับไปจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณได้ทรงนำพระองค์ไป2 ถึงสี่สิบวัน ในถิ่น ทุรกันดาร ทรงถูกมารทดลอง ในวันเหล่านั้นพระองค์มิได้เสวยอะไรเลย และเมื่อสิ้นสี่สิบวันแล้ว พระองค์ทรงอยากพระกระยาหาร3 มารจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินนี้ให้กลายเป็นพระกระยาหาร”4 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบมารว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้”
ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน คงไม่มีใครที่จะปล่อยให้ตัวเองหิวขนาดหลายวันติดต่อกัน ในพระคัมภีร์ลูกาได้บันทึกว่า พระเยซูคริสต์เข้าสู่การทดสอบทดลองด้วยการนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อกล่าวถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ แน่นอนว่า ตรงกันข้าม คือเนื้อหนัง (ความต้องการของร่างกาย) ที่เป็นศัตรูกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูคริสต์ในตอนนี้ทรงเข้าสู่บททดสอบของการปฏิเสธความต้องการของร่างกาย คืออาหาร และพระองค์ปฏิเสได้นานถึงสี่สิบวัน พระคัมภีร์บันทึกว่า ….พระองค์ทรงอยากพระกระยาหาร… จะว่า คือจุดอ่อนแอที่สุดของพระเยซู และ ณ จุดนี้ มารมาผจญ ด้วยคำแนะนำให้พระเยซูใช้สิทธิ์ของการเป็นบุตรพระเจ้า ใช้อำนาจ ใช้ฤทธิ์เดชที่พระองค์มี เพื่อปากท้องของพระองค์เอง (ใครๆก็ต้องกิน ในเมื่ออยากมาก ก็จงตอบสนองความยากนั้น และสมเหตุสมผลมาก เพราะกำลังจะตายเพราะขาดอาหาร)
บ่อยครั้งที่คำแนะนำประเภทนี้ ที่จะเข้ามาทางความคิด เพื่อทดสอบความไว้วางใจในการเลี้ยงดูของพระเจ้า และให้เลือกและแลก ที่จะทำบาป (สิ่งที่ขัดต่อน้ำพระทัยพระเจ้า) เพราะต้องเอาตัวรอด เพื่อปากท้องก่อน) ใช้สิทธิ์ ที่คิดว่า มีสิทธิ์ และคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น
พระเยซูคริสต์….พันธกิจผจญการทดลอง พระองค์ยอมอด ยอมหิว ดีกว่า ที่จะใช้สิทธิอำนาจและฤทธิ์เดชที่พระองค์มีเพียงเพื่อตอบสนองต่อความหิว หากเทียบกับ สิทธิอำนาจ การเป็นบุตรของพระเจ้า มีค่ามากกว่า อาหารเพียงมื้อเดียว มีตัวอย่างของบุคคลในพระคัมภีร์ คือเอซาวพี่ชายของยาโคบ ที่ยอมขายสิทธิ์บุตรหัวปี แลกกับถั่วแดงต้มชามเดียว และพระคัมภีร์ได้บันทึกถึงพฤติกรรมของเอซาวไว้ในภาพของคนที่ไม่รู้จักบังคับตนเอง …..
ฮีบรู 12:16-17 16 อย่าให้ใครเป็นคนลามก หรือเป็นคนผิดธัมมะเหมือนอย่างเอซาว ผู้ได้เอาสิทธิของบุตรหัวปีนั้นขายเสีย เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว17 เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ได้รับคำปฏิเสธ เพราะเขาไม่มีหนทางแก้ไขเลย ถึงแม้ว่าได้กลับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล
เอซาว เป็นพี่คู่แฝดของยาโคบ ที่มีสิทธิ์ที่ออกมาจากท้องแม่ก่อนเพียงไม่กี่วินาที และยาโคบเองที่เป็นคู่แฝดผู้น้อง ก็ยอมรับในสถานะของตนเอง ที่เป็นน้อง แต่ว่า ยาโคบได้เห็นถึงคุณค่าของการเป็นบุตรหัวปี และมีความปรารถนาอยากเป็น อยากได้ เนื่องจาก พระเจ้าทรงให้ความสำคัญกับบทบาทและสิทธิ์หัวปีนี้ คำพูดของยาโคบ ที่กำลังต้มถั่วแดง ได้หลุดออกมาถึงความคิดของการให้คุณค่าราคาสิทธิ์บุตรหัวปี ไม่ผิดที่ยาโคบมีความรู้สึกอยากจะได้ อยากจะเป็น บุตรหัวปี และน่าจะชื่นชมที่เขาให้ความสำคัญกับบทบาทนั้น ในขณะที่เอซาว ได้สิทธิ์นั้นมาโดยการคลอดออกมาก่อนยาโคบ แต่เขากลับไม่ให้ความสำคัญ เขาได้ให้ความอยาก ความหิวของตนเอง เป็นตัวผลักดัน จนเขายอมขายสิทธิ์บุตรหัวปี แลกกับความต้องการของกระเพาะ…
บทเรียนของบุคคลในพระคัมภีร์ตอนนี้ ประยุกต์กับเราที่มีความเชื่อในพระเจ้าทำนองเดียวกัน คำว่า หิว ในยุคของเรา ไม่ใช่หิวอาหารอย่างเดียว แต่อาจเป็นความหิวในความต้องการของเนื้อหนังอื่นๆ จนยอมที่จะแลก หรือขายสิทธิ์การเป็นลูกของพระเจ้า ที่ได้มาโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า น่าเสียดาย ที่มีคริสเตียนไม่น้อย ที่เดินออกจากโบสถ์ไปเพียงเพราะความหิว ความอยาก ที่ขัดต่อน้ำพระทัยพระเจ้า
มีคำพยานของคริสเตียนบางคนที่หนีไปเข้าโบสถ์อื่น แต่ฟังเทศน์ทีไร ก็หนีพระเจ้าไม่พ้น การย้ายโบสถ์ เป็นเพียงแค่หนีคน หนีความผิด หนีการลงวินัย ทำไม ไม่เผชิญกับมัน และชนะตัวเองให้ได้ เหมือนกับพระเยซูคริสต์ พระองค์เดินเข้าสู่การทดลอง ทดสอบ เพื่อจะให้ผู้ที่ติดตาม เป็นศิษย์ของพระองค์ในเวลาต่อมา นี่คือ พันธกิจผจญการทดลอง แน่นอนว่า ไม่สะดวก ไม่สบาย และต้องต่อสู้กับความหิวของตนเอง ขอย้ำว่า ต้องต่อสู้กับความหิวของตนเอง เวลานี้ คุณกำลังหิวอะไร และซาตานเข้ามาหรือยัง คำแนะนำใดที่ให้คุณใช้สิทธิ์ ที่ไม่ใช่ หรือใช่ เพื่อตอบสนองความหิว อย่างไม่สมควร ไม่เหมาะสม ให้ทำบาป เพื่อจะขัดต่อน้ำพระทัยพระเจ้า นั่นคือมารซาตาน เรามักชอบเรียกคนที่พยายามที่จะช่วยเราว่ามาร
เช่น หมูจะหาม คานมาแทรก เป็นสำนวนของคนที่อยากทำบาป อยากทำอะไรตามความต้องการของกิเลศตัณหา แต่ถูกห้าม ถูกเตือน คนห้ามคนเตือน มักจะถูกเรียกว่า มาร แต่หารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังถูกมารสิงร่าง ควบคุมให้ทำตามใจปรารถนาของมาร
และนี่คือเหตุผลว่า ทำไม พระเยซูจึงไม่ทำตามคำแนะนำของมาร เพราะถ้าพระองค์ทำตาม พระองค์ก็จะแปรสภาพจากบุตรของพระเจ้า กลายเป็นทาสของมาร
2เปโตร 2:19 19 เขาสัญญาว่าจะให้คนเหล่านั้นพ้นจากการเป็นทาส แต่ตัวเขาเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะว่ามนุษย์พ่ายแพ้แก่สิ่งใด เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น
คำว่า พ่ายแพ้ รากศัพท์กรีกแปลว่า ด้อยกว่า หรืออันดับต่ำกว่า คำว่า เป็นทาส แปลว่า รับใช้ มารมาผจญพระเยซูด้วยการทดลองอันแรก เรื่องความหิว ที่เป็นแรงผลักให้คนต้อง(หา) กิน วิธีหากินของคน ที่ตามคำแนะนำของมาร เรารู้ว่า มักจะไม่ถูกกฏหมาย ถูกต้องเท่าไหร่ คำแนะนำของมารที่ให้กับพระเยซูในตอนนี้ ก็ไม่ถูกกฏของพระเจ้า คือสั่งก้อนหินให้กลายเป็นขนมปัง พระเยซูทรงได้ยกตัวอย่าง เรื่องการขอแล้วจะได้ หาแล้วจะพบ เคาะแล้วจะเปิดให้… พระองค์ยกตัวอย่าง เรื่องการขอของลูก ถ้าลูกขอขนมปัง พ่อจะให้ก้อนหินหรือ….
และนี่คือมุมกลับของพระเยซูเรื่อง ความหิว ที่พระเยซูทรงใช้สอนเรื่องความหิว ที่ได้รับการตอบสนองจากพระเจ้า โดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ที่จะขอ
ลูกา 11:11,13 11 มีผู้ใดในพวกท่านที่เป็นบิดา ถ้าบุตรขอขนมปัง จะเอาก้อนหินให้เขาหรือ หรือถ้าขอปลาจะเอางูให้เขาแทนหรือ 13 เพราะฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์
จงใช้ความเชื่อ ความไว้วางใจในการเลี้ยงดูของพระเจ้า แต่การใช้สิทธิ์อำนาจ คนละเรื่องกัน อย่าให้มารซาตานหลอกคุณว่า คุณต้องใช้สิทธิ์อำนาจเพื่อความอยู่รอด พระเจ้าเลี้ยงดูคุณอยู่แล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระเยซูคริสต์ทรงประทานให้ เพื่อให้เราระลึกถึงสิ่งที่พระเยซูสอน ก็คือ การเตือนให้ดำเนินชีวิตอย่างพระเยซูคริสต์…ในพันธกิจผจญการทดลอง คือ รับมือ ประมือ ต่อสู้ และเดินไปบนเส้นทางอย่างผู้ที่สอบผ่านการทดสอบ และหลีกเลี่ยงการทดลอง อย่างที่มีคำพูดกว่า ปัญหามีไว้ให้แก้ แต่การทดลอง(ให้ทำบาป )มีไว้ให้วิ่งหนี อย่าคิดว่าตนเองจะชนะการทดลอง วิธีที่พระเยซูสอบผ่านเรื่องความหิว ก็คือ หนีความอยากจะกินขนมปัง และจดจ่อที่อาหารฝ่ายจิตวิญญาณ คือพระวจนะที่ออกมาจากพระโอฐ์ของพระเจ้า
ลูกา 4:4 4 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบมารว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้”
มัทธิว 4:4 4 ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ ”
พระคัมภีร์มัทธิว ใช้คำเรียกวพระวจนะที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าว่า เรมาห์ นั่นคือ คุณจะอ่านพระคัมภีร์แล้วได้ถ้อยคำออกมาจากพระคัมภีร์ คืองานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ทำให้คุณได้รับถ้อยคำนั้น และนี่คืออาหารที่จะดับความหิวของจิตวิญญาณได้
อีกด้านหนึ่งของการทดสอบ ทดลองที่เราต้องเผชิญ และมารก็จะมาผจญเรา นั่นคือ
2.อำนาจ(ความสำเร็จ) (ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา และทั่วโลกในเวลานี้ ก็คือ คำว่า อำนาจ ทำให้เกิดม็อบ การประท้วง และสงคราม แม้กระทั่งเรื่องของศาสนา ก็มีการพยายามจะรวบอำนาจให้มีศาสนาโลก ศาสนาเดียว และก็จะก่อให้เกิดสงคราม การต่อสู้ด้านความศรัทธาความเชื่อกันมากยิ่งขึ้น)
ลูกา 4:5-8 5 แล้วมารจึงนำพระองค์ขึ้นไป สำแดงบรรดาราชอาณาจักรทั่วพิภพในขณะเดียวให้พระองค์เห็น6 แล้วมารได้ทูลพระองค์ว่า “อำนาจทั้งสิ้นนี้ และศักดิ์ศรีของราชอาณาจักรนั้นเราจะยกให้แก่ท่าน เพราะว่ามอบเป็นสิทธิ์ไว้แก่เราแล้ว และเราปรารถนาจะให้แก่ผู้ใดก็จะให้แก่ผู้นั้น7 เหตุฉะนั้นถ้าท่านจะกราบนมัสการเรา สรรพสิ่งนั้นจะเป็นของท่านทั้งหมด”8 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบมารว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว”
จากคลิปวีดีโอ ได้นำเอาประวัติศาสตร์ความจริง เรื่อง อำนาจของอาณาจักรโรมในเวลานั้น มาอธิบายว่า ทำไม มารจึงนำพระเยซูไปในการทดสอบ ทดลอง พระองค์ เรื่องนี้ เพราะพระเยซูคริสต์ทรงผ่านการทดสอบทดลองเรื่องความหิว พระเยซูคริสต์มีเป้าหมายที่สูงกว่าการดำเนินชีวิตของคนปกติทั่วไป ที่มีเพียงแค่เรื่องปากท้อง ซึ่งมีคนมากมายที่ผ่านเรื่องนี้ได้ด้วยอุดมการณ์ และคนที่มีอุดมการณ์ มักจะมีพลังชนะความหิว ยอมอด และมีความมุ่งมั่น เพื่อไปสู่ความสำเร็จ พลังอุดมการณ์นี้ ทำให้คนสามารถเผชิญกับความยากลำบากต่างๆได้ มารจะมาผจญ คนที่ชนะความหิวของอาหาร แต่ก็มักจะพ่ายแพ้ต่อความหิว(อำนาจ หรือความสำเร็จ) และมารรู้ว่า พระเยซูทรงมีเป้าหมายแผนการที่จะทำให้ให้สำเร็จ ในการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้
ย้อนกลับไปในอดีต ของการปกครองโลกนี้ ความจริงอยู่ในมือของมนุษย์ เมื่อครั้งพระเจ้าทรงสร้างโลก สร้างสรรพสิ่ง และทรงมอบอำนาจในการปกครองสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างไว้ในมือของมนุษย์คู่แรก แต่มนุษย์คู่แรก ได้สูญเสียการปกครองนั้น ไปให้กับมือของซาตาน เพราะการไปเชื่อฟังซาตาน มากกว่าเชื่อฟังพระเจ้า ซาตาน เคยเป็นทูตสวรรค์ชั้น ผู้นำนมัสการ (หัวหน้า) แต่ตกสวรรค์เพราะการยกตนเองไปนั่งในที่นั่งของพระเจ้า ที่มันควรจะนมัสการ แต่กลับนมัสการตนเองแทน และซาตานได้ใส่วิธีคิดอย่างเดียวกัน กับอาดัมและเอวา
ปฐมกาล 3:4-5 4 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า “เจ้าจะไม่ตายจริงดอก 5 เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว”
ซาตานล่อลวงเอวา ให้ไม่เชื่อสิ่งที่พระเจ้าห้าม คือเรื่องกิน (ผลไม้ต้องห้าม) จากต้นไม้รู้ดีรู้ชั่ว (ได้แต่รู้ แต่ไม่สามารถควบคุมตนเองได้อย่างพระเจ้า) นั่นคือการปลุกเนื้อหนังกิเลศตัณหาความอยากให้มีชีวิตขึ้นมาควบคุมตนเอง อาดัมและเอวาได้ยกสิทธิ์ในการครอบครองโลกนี้ ให้กับซาตาน ด้วยการเชื่อฟังซาตาน และนั่นคือการนมัสการซาตาน
พระเยซูคริสต์ทรงเรียกซาตานว่า เจ้าผู้ครองโลก เพราะมนุษย์หิวอำนาจ เหมือนอย่างซาตาน เพราะสิ่งที่ซาตานต้องการคืออำนาจ มันเข้าใจว่า การได้อำนาจจะทำให้มันนั่งในที่นั่งแทนพระเจ้า และรับการนมัสการ
ซาตานรู้ว่า พระเยซูเสด็จมาเพื่อจะไปให้ถึงความสำเร็จของแผนการของพระเจ้า ซาตานจึงยื่นข้อเสนอ (ทางลัด) ให้กับพระเยซู คือให้นมัสการซาตาน แล้วพระองค์ก็จะได้ความสำเร็จ ซึ่งซาตานเข้าใจผิดคิดว่า พระเยซูต้องการอำนาจของโลกนี้ แต่พระเยซูคริสต์ได้เฉลยเรื่องนี้หลังจากพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพระองค์ทรงตรัสพระมหาบัญชากับสาวกของพระองค์ว่า
มัทธิว 28:18 18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
พระเยซูคริสต์…พันธกิจผจญการทดลอง นำพระองค์เป็นบุตรหัวปีคนแรกที่รับสิทธิอำนาจทั้งหมด โดยไม่ต้องไปแก่งแย่งชิงอำนาจกับใคร ไม่ต้องก่อสงคราม ไม่ต้องใช้กำลัง หรือขายตัวเองให้กับมารซาตาน พระองค์เป็นที่ยอมรับ และมีสิทธิอำนาจเหนือสรรพสิ่ง และพันธกิจนี้ พระองค์ส่งต่อให้กับสาวกของพระองค์ ให้ไปทำแทน
พันธกิจผจญการทดลอง เรื่องอำนาจ (ความสำเร็จ) พระเยซูตรัสคำว่า สำเร็จแล้ว สองครั้ง ครั้งแรก ตอนพระองค์อยู่ในธรรมศาลาที่นาซาเร็ธ และคำที่สอง บนไม้กางเขน เส้นทางผจญการทดลอง ของพระองค์ดูเหมือนไม่สวย แต่นั่นไม่ใช่ตอนจบ ที่แท้จริง
วันนี้ เรากำลังเผชิญกับอะไร และเจอกับมารผจญในรูปแบบไหน จงใช้จิตวิเคราะห์ และมองให้ชัดเจนว่า เรากำลังถูกกระตุ้นความหิว ระดับสอง คือ อำนาจ (ความสำเร็จ) เรื่องอะไร บางที เพียงแค่ เรื่องเล็กๆภายในครอบครัว ในคริสตจักร ในที่ทำงาน ในโรงเรียน ในความสัมพันธ์กัน แค่ อยากจะเป็นผู้ชนะ และอยากจะเห็นความพ่ายแพ้ของอีกคน นั่นก็คือ ความหิว(อำนาจ) ใช่ไม๊?
พันธกิจผจญการทดลอง ของพระเยซูคริสต์ กำลังทำงานในเราอย่างไร? จงเรียนรู้และรับพันธกิจนี้ไว้ในชีวิตตลอดเวลา อย่านมัสการมารซาตาน ด้วยการรับข้อเสนอว่า เราจะได้อำนาจ ถ้าเราชนะ หรือควบคุมคนอื่นได้
พระเยซูคริสต์…พันธกิจผจญการทดลอง สุดท้าย คือเรื่อง….
3.ความกลัว(สูญเสียอำนาจ หรือไม่สำเร็จ)
ลูกา 4:9-13 9 แล้วมารจึงนำพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และให้พระองค์ประทับอยู่ที่ยอดหลังคาพระวิหาร แล้วทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงโจนลงไปจากที่นี่เถิด10 เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า พระเจ้าจะรับสั่งให้เหล่าทูตของพระองค์ในเรื่องท่าน ให้ป้องกันรักษาท่านไว้ 11 และ เหล่าทูตสวรรค์ จะเอามือประคองชูท่านไว้ มิให้เท้าของท่านกระทบหิน” 12 พระเยซูจึงตรัสตอบมารว่า “มีคำกล่าวไว้ว่า อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน” 13 เมื่อมารทำการทดลองทุกอย่างสิ้นแล้ว จึงละพระองค์ไปจนถึงโอกาสเหมาะ
ใครก็ตามที่ตั้งเป้าหมาย และมีความพยายาม บากบั่น ที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย มีวินัย มีแรงผลักเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมาย จุดที่จะถูกทดสอบมากที่สุด คือ ความกลัว อะไร ความกลัวของคนประเภทนี้ คือ กลัวไม่สำเร็จ และนี่คือ การล่อลวงของจิตใจของตนเอง ที่เลวร้ายที่สุด ที่ซาตานจะกระตุ้นการล่อลวงนั้นออกมา คือการหลอกตัวเอง ด้วยสิ่งที่ตนเองไว้วางใจมากที่สุด สำหรับพระเยซู คือพระเจ้า พระบิดา พระสัญญาของพระองค์ เรื่องการปกป้อง คุ้มครอง
คำว่า ทดลอง ที่พระเยซูทรงใช้ว่า อย่าทดลองพระเจ้า รากศัพท์กรีก ใช้คำว่า ekpeirazo ในขณะที่คำว่า ทดลอง ที่มารนำมา คือ คำว่า peirazo คำเดียวกัน แต่ต่างกัน คือ พระเยซูทรงเติมคำว่า ek เข้ากับคำว่า peirazo แปลว่า เพื่อทดสอบอย่างละเอียด พระเยซูเตือนว่า อย่าทำทดสอบพระเจ้าแบบนั้น
ยากอบ 1:13-14 13 อย่าให้คนที่ถูกล่อลวงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงล่อลวงข้าพเจ้า” เพราะว่าพระเจ้าจะไม่ถูกความชั่วล่อลวง และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงใครเลย14 แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ
เยเรมีย์ 17:9 9 จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ใครจะรู้จักใจนั้นเล่า?
ให้เราสำรวจตนเอง กำลังอยู่ในการทดลอง ด้านใด และกำลังเดินในพันธกิจผจญการทดลองของพระเยซูคริสต์อย่างไร พระเยซูคริสต์ทรงสัญญาว่า พระองค์จะอยู่ด้วยกับเราทั้งหลายเสมอไป ตลอดเวลา เพื่อให้เราเดินตามทางของพระองค์ ผู้ทรงนำหน้าเส้นทางนี้ให้กับผู้ที่เป็นศิษย์ของพระองค์ ขอให้ทุกคนจงประสบความสำเร็จอย่างเดียวกันกับพระเยซูคริสต์เจ้า แล้วมารมันจะเลิกยุ่งกับเรา อาเมน
13 เมื่อมารทำการทดลองทุกอย่างสิ้นแล้ว จึงละพระองค์ไปจนถึงโอกาสเหมาะ
พระเยซูคริสต์…พันธกิจผจญการทดลอง