“ตามพระเยซูคริสต์…เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
ยอห์น 13:1-20
สำหรับคนยิวในยุคของพระเยซูคริสต์ การล้างเท้า เป็นอนามัยก่อนรับประทานอาหาร เพราะลักษณะของการนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน จะคล้ายบ้านเราคือปูเสื่อ และนั่งขัดสมาธิ เท้าของเราจะใกล้กับอาหารที่เราวางกับพื้น แม้จะมีโต๊ะตั้งอาหาร ก็เตี้ยๆ ดังนั้น เท้าที่คลุกฝุ่นก็จะนำความสกปรกมาได้ บ้านที่มีคนรับใช้ ก็จะให้คนรับใช้นั้นมาล้างเท้าให้กับแขก แต่สำหรับสาวกของพระเยซูคริสต์ ไม่ได้มั่งมี และการรับประทานอาหารด้วยกันของสาวกของพระเยซู ซึ่งเป็นชาวประมง คนเก็บภาษี คนที่ตามพระเยซูเวลานั้น เป็นชาวกาลิลี คือคนที่ไร้การศึกษา ห่างไกลความศิวิไลของคนเมือง ทำอะไรก็จะง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร พอมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร ก็กินเลย พระคัมภีร์ยอห์นตอนนี้ บันทึกว่า พระเยซูทรงลุกขึ้น ทำการล้างเท้าของสาวก ขณะกำลังกินอาหารกันอยู่ และพระองค์ก็ทรงทำหน้าที่ของคนรับใช้ ล้างเท้าให้กับสาวกของพระองค์ทีละคน (ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่ใจที่จะปรนนิบัติกันและกัน)
ยอห์น 13:5-7 5 แล้วทรงเทน้ำลงในอ่างและทรงเอาน้ำล้างเท้าของพวกสาวก และทรงเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้น6 เมื่อพระองค์ทรงมาถึงซีโมนเปโตร เขาทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์หรือ?”7 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “สิ่งที่เราทำในขณะนี้ท่านยังไม่รู้เรื่อง แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ”
พระเยซูทรงล้างเท้าให้กับสาวกทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ สาวกที่ทรยศที่ชื่อว่า ยูดาส อิสคาริโอท ยอห์นได้บันทึกบทสนทนาระหว่างเปโตรกับพระเยซูคริสต์….
ยอห์น 13:8 8 เปโตรทูลพระองค์ว่า “พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์ไม่ได้” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ถ้าเราไม่ล้างท่านแล้ว ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้”
ความรู้สึกของเปโตรที่มีต่อพระเยซูคริสต์ คือ พระองค์เป็นพระอาจารย์ จะมาทำหน้าที่ล้างเท้าให้กับเปโตรไม่ได้ เปโตรปฏิเสธการล้างเท้า แต่เมื่อพระเยซูตรัสว่า ถ้าเปโตรไม่ให้พระเยซูล้างเท้า เปโตรจะมีส่วนในพระองค์ไม่ได้ เปโตรน่าจะตีความหมายของพระเยซูว่า การเป็นหุ้นส่วนในงานที่พระเยซูกำลังทำ ซึ่งเวลานั้น พระเยซูทำพันธกิจมากมาย อย่างเกิดผล ผู้คนยอมรับและติดตามพระเยซู พระองค์มีชื่อเสียง เป็นที่นิยมชมชอบของคนมากมาย เมื่อพระเยซูคริสต์ตรัสถึงการมีส่วนในพระองค์ เปโตรจึงยอมให้พระเยซูคริสต์ล้างเท้าให้ ลองจินตนาการตาม ขณะพระเยซูล้างเท้าให้เปโตร เขาคงจะคิดว่า ล้างเท้า มีส่วนกับพระเยซูแค่เท้าเหรอ ล้างไปทั้งตัวเลยดีกว่ามั้ง และเปโตรก็เลยพูดกับพระเยซูต่อว่า….
ยอห์น 13:9 9 ซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้ามิใช่แต่เท้าของข้าพระองค์เท่านั้น แต่ขอทรงโปรดล้างทั้งมือและศีรษะด้วย”
จากการล้างเท้า ก่อนกินอาหาร เลยเถิดไปถึง ล้างมือ และล้างศีรษะด้วย เปโตรไม่เข้าใจความหมายที่พระเยซูกำลังสอนศิษย์ของพระองค์ด้วยการล้างเท้า คือ ความถ่อมใจ ในการปรนนิบัติกันและกัน ไม่ถือว่าใครใหญ่กว่า ดีกว่า สูงกว่า เพราะแม้แต่พระอาจารย์ก็ทรงมาเพื่อการปรนนิบัติ
การมีท่าทีเช่นนี้ คือการติดตามพระองค์ ให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้อย่างไร?
ในหนังสือมัทธิวได้บันทึกตอนหนึ่งว่า มารดาของยอห์นและยากอบ(สาวกสองคนในสิบสองคน) เพื่อขอให้พระเยซูตั้งลูกของตนเองเป็นมือขวามือซ้าย (นั่งข้างขวาข้างซ้ายกับพระเยซู เมื่อพระองค์ทรงได้ครอบครองอาณาจักรแล้ว) เข้าใจว่า ยอห์นกับยากอบน่าจะเล่าให้แม่ของตนเองฟังว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ เรียกตามภาษาชาวบ้าน ก็คือ ผู้ปลดปล่อยคนอิสราเอลจากความเป็นทาสของอาณาจักรโรม แม่ของยอห์นและยากอบ เป็นชาวบ้านธรรมดา ฟังแล้วก็คิดว่า พระเยซูกำลังจะขึ้นเป็นกษัตริย์ของคนอิสราเอลหลังจากหลุดจากการปกครองของอาณาจักรโรม นางจึงมาขอพระเยซูให้มีความชื่นชอบลูกของนางเป็นพิเศษ เมื่อพระเยซูได้เป็นใหญ่ ก็อย่าลืมลูกชายของนางด้วย (ตั้งสองคน)ที่ติดสอยห้อยตามพระองค์ในตอนนี้ ไม่เพียงแม่ของยอห์นกับยากอบจะคิดอย่างนี้ สาวกคนอื่นที่เหลือก็น่าจะคิดอย่างเดียวกัน หนังสือมัทธิว จึงบันทึกว่า
มัทธิว 20:24 24 เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้ว ก็มีความขุ่นเคืองพี่น้องสองคนนั้น
คาดว่า ในท่ามกลางสาวกสิบสองคน น่าจะเกิดความแตกแยกกันเพราะเรื่องนี้ รากศัพท์กรีกคำว่า ขุ่นเคือง แปลว่า ไม่ไปด้วยกัน ไม่เป็นทีมเดียวกัน (อย่างมาก) วิเคราะห์ว่า สาวกสิบสองคนที่ติดตามพระเยซูคริสต์ คาดหวัง ความเป็นใหญ่ ความเป็นผู้ครอบครอง
มัทธิว 20:25-28 25 พระเยซูทรงเรียกเขาทั้งหลายมาตรัสว่า “ท่านทั้งหลายรู้อยู่ว่าผู้ครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้าเหนือเขา และผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ใช้อำนาจบังคับ26 แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย27 ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นเอกเป็นต้น ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของพวกท่าน28 อย่างที่บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก”
พระเยซูเรียกสาวกของพระองค์มาสอนทันที และพระองค์รู้ว่า การสอนด้วยคำพูดอย่างเดียวไม่พอ พระองค์ต้องทำเป็นต้นแบบให้สาวกทำตาม จึงเกิดเป็นการล้างเท้าสาวก
ตามพระเยซูคริสต์…ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่เปโตรก็ยังตีความหมายเป็นอย่างอื่น กับคำว่า มีส่วนในพระองค์ไม่ได้ ถ้าไม่ยอมให้ล้างเท้า เปโตรก็เลยขอให้พระเยซูล้างมากกว่าเท้า จะได้มีส่วนมากกว่าคนอื่น จนกลายเป็นเรื่องน่าขำ
ยอห์น 13:10-11 10 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ผู้ที่อาบน้ำแล้วไม่จำเป็นต้องชำระกายอีก ล้างแต่เท้าเท่านั้น เพราะสะอาดหมดทั้งตัวแล้ว พวกท่านก็สะอาดแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคน” 11 เพราะพระองค์ทรงทราบว่าใครจะอายัดพระองค์ไว้ เหตุฉะนั้นพระองค์จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายไม่สะอาดทุกคน”
พระเยซูทรงสอนเปโตรด้วยความสุภาพ พระองค์ไม่ตำหนิเปโตรที่มีใจโลภ …ขอมากกว่าล้างเท้า แต่พระองค์ทรงใช้จังหวะนี้ สอนสาวกทุกคนเรื่องความสะอาดของจิตใจ ไม่ได้อยู่ที่ตัวสะอาด ความไม่สะอาดของคนบางคนที่พระเยซูหมายถึง คือ จิตใจที่คิดจะจับพระเยซูมอบให้กับพวกปุโรหิตและพวกฟาริสี (ผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์ เสียความนิยมจากประชาชน เพราะประชาชนหันไปฟังและติดตามพระเยซู) ด้วยความรู้สึกว่า กำลังสูญ เสียมวลชนให้กับพระเยซู คนเหล่านี้คิดจะกำจัดพระเยซู รวมทั้งมารก็ต้องการกำจัดพระเยซู เพราะว่าพระเยซูทรงทำลายงานของมาร
พระกิตติคุณลูกาได้บันทึกตอนหนึ่งเกี่ยวกับพันธกิจของพระเยซูได้ทำลายงานของมารซาตาน
ลูกา 10:17-20 17 สาวกเจ็ดสิบสองคนนั้นกลับมาด้วยความยินดีทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า แม้แต่พวกผีก็อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์”18 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ19 นี่แน่ะ เราให้พวกท่านมีสิทธิอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และให้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรูนั้น ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกท่านได้เลย 20 แต่ว่าอย่าชื่นชมยินดีในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของท่าน แต่จงชื่นชมยินดีที่ชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์”
พระเยซูคริสต์ได้ส่งสาวกของพระองค์ไปตามเมืองต่างๆเพื่อไปช่วยประชาชน ขับผีต่างๆที่ทำให้ประชาชนป่วย และตกอยู่ภายใต้อำนาจของผี ปลดปล่อยประชาชนให้มีเสรีภาพ
18 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ
พระเยซูคริสต์ จึงกลายเป็นเป้าหมายการทำลายของมาร และพวกผู้ที่เสียผลประโยชน์
ยอห์น 13:2 2 ขณะเมื่อรับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น (มารได้ดลใจยูดาสอิสคาริโอท บุตรของซีโมน ให้อายัดพระองค์ไว้)
มาร ในที่นี้ รากศัพท์กรีก แปลว่า ผู้กล่าวหาเท็จ ผู้ชั่วร้าย ผู้ใส่ร้าย คำว่า ดลใจ แปลว่า ใส่ข้อมูลไว้ในใจ ของยูดาส อิสคาริโอท ให้กระทำต่อพระเยซูคริสต์ ด้วยการ อายัดพระองค์ไว้…. คำว่า อายัด รากศัพท์กรีก แปลว่า เข้าคุก(ขังเป็นนักโทษ) ให้อยู่ในอันตราย ฉบับแปล 2011 ใช้คำว่า ทรยศ
ยอห์น 13:11 11 เพราะพระองค์ทรงทราบว่าใครจะอายัดพระองค์ไว้ เหตุฉะนั้นพระองค์จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายไม่สะอาดทุกคน”
ตามพระเยซูคริสต์….เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สิ่งที่สำคัญก่อนการล้างเท้า คือ ใจที่สะอาด ใจสัตย์ซื่อ ใจที่ไม่โลภ ใจที่ห่างไกลจากความเท็จ และการให้ร้าย
การล้างเท้า เป็นการแสดงออกอันดับท้ายๆ ของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันดับแรกต้องมาจากใจที่สะอาด จึงจะรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเอาไว้ได้ ยูดาส ได้รับการล้างเท้า แต่ใจยังเต็มไปด้วยความเท็จ ความโลภ ความปรารถนาอยากเป็นใหญ่ อยากให้พันธกิจของพระเยซูคริสต์เป็นอย่างที่ตนเองอยากได้ อยากเป็น เบื้องหลังของยูดาส มาจากกลุ่มคนที่เรียกว่า Zealot แปลว่า พวกที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง มุ่งที่จะปลุกระดมประชาชนในแคว้นยูเดียให้ต่อต้านการปกครองของอาณาจักรโรม และต้องการขับไล่พวกโรมันออกไปจากแผ่นดินบริสุทธิ์ด้วยวิธีใช้กำลัง ดังนั้น ยูดาส อิสคาริโอท ขณะเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ ยังคงเก็บอุดมการณ์เหล่านี้ไว้ในใจของตนเอง จึงเป็นเชื้อที่มารใช้เป็นข้อมูล ยูดาสตัดสินว่า วิธีการของพระเยซูไม่สามารถนำไปถึงความปรารถนาของตนเองได้ จึงตัดสินใจขายพระเยซู….
ให้เราพึงระวัง เรื่อง วิธีการที่แตกต่างกัน ของคนมากมาย กลายเป็นชนวนทำลายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อสกรีนสีเดียวกัน อายุในวัยเดียวกัน ชอบอะไรที่เหมือนๆกัน คิดอย่างเดียวกัน ถ้าคิดต่าง กลายเป็นศัตรู นั่นไม่ใช่มุมมองของพระเยซูคริสต์
ตามพระเยซูคริสต์…เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงมีทั้งคริสตจักรท้องถิ่น คืออยู่กันในที่ต่างๆกัน และมีคริสตจักรสากล คือ อยู่ทั่วโลก ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ต่างเชื้อชาติ มีความต่างกันหลากหลาย นมัสการในรูปแบบต่างกัน แต่วันหนึ่ง ในวันที่ทุกคนขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์ วันนั้น จะเป็นที่รวมความต่างไว้ในที่เดียวกัน แต่นมัสกาพระเจ้าองค์สูงสุดผู้เดียว
วิวรณ์ 7:9-11,14 9 หลังจากนั้นมา ข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ มหาชนที่ไม่มีใครนับจำนวนได้ ที่มาจากทุกประชาชาติ ทุกเผ่า ทุกชนชาติและทุกภาษา ยืนอยู่หน้าพระที่นั่งและเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก พวกเขาสวมเสื้อผ้าสีขาว และถือใบตาลอยู่ในมือ10 พวกเขาร้องเสียงดังว่า “ความรอดขึ้นอยู่กับพระเจ้าของเราผู้ประทับบนพระที่นั่ง และขึ้นอยู่กับพระเมษโปดก” 11 และทูตสวรรค์ทั้งหมดที่ยืนอยู่รอบพระที่นั่ง รอบผู้อาวุโส และรอบสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น ก็ทรุดตัวลงหน้าพระที่นั่ง และนมัสการพระเจ้า….14 ข้าพเจ้าตอบท่านว่า “ท่านเจ้าข้า ท่านเองก็ทราบอยู่แล้ว” ท่านจึงบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้เป็นคนที่มาจากความยากลำบากครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาชำระล้างเสื้อผ้าของเขาด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดกจนขาวสะอาด
ตามพระเยซูคริสต์…เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความรอดของผู้ที่ตามพระเยซู…ขึ้นอยู่กับพระเมษโปดก (แปลว่า แกะของพระเจ้า หมายถึง พระเยซู) ความสะอาดของเสื้อผ้า หมายถึง ความสะอาดของความชอบธรรม (ที่เปรียบเหมือนเสื้อ) ขึ้นอยู่กับการได้ล้างด้วยพระโลหิตของเมษโปดก ก็คือเลือดแห่งการไถ่ของพระเยซู จนขาวสะอาด
คำว่า พวกเขาชำระล้างเสื้อผ้าของเขาด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดกจนขาวสะอาด ถูกใช้ใน tense ของความต่อเนื่อง ไม่หยุดที่จะล้าง และยังคงล้าง แล้วล้างอีก จนขาวสะอาดแล้วสะอาดอยู่อย่างนั้น พระคัมภีร์เตือนคนของพระเยซู (สาวก) ให้ระวังเสื้อที่จะเปื้อนโลกียวิสัยของโลกนี้
ยูดาห์ 1:17-23 17 แต่ว่าท่านที่รักทั้งหลาย ท่านจักต้องระลึกถึงคำพยากรณ์ของเหล่าอัครทูตของพระเยซูคริสตเจ้าของเราที่ได้กล่าวไว้18 คือว่า พวกอัครทูตนั้นได้บอกท่านทั้งหลายว่า “ในสมัยสุดท้ายจะมีคนเย้ยหยันบังเกิดขึ้น ที่จะประพฤติตามตัณหาอันชั่วของตัว”19 คนเหล่านี้คือคนที่แยกออกเป็นก๊กๆ และประพฤติตัวตามโลกียวิสัย และปราศจากพระวิญญาณ20 แต่ส่วนท่านที่รักทั้งหลายนั้น จงสร้างตัวของท่านขึ้นบนหลักคำสอนอันบริสุทธิ์ของท่านที่เชื่อกันอยู่ และจงอธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์21 จงรักษาตัวไว้ให้ดำรงในความรักของพระเจ้า คอยพระกรุณาของพระเยซูคริสตเจ้าของเราจนกว่าจะได้ชีวิตนิรันดร์22 และจงชักชวนคนที่ยังสงสัยอยู่ให้เขาเชื่อ23 จงช่วยคนให้รอดด้วยการฉุดเขาออกจากไฟ และจงเมตตาผู้อื่นด้วยความยำเกรงพระเจ้า และจงรังเกียจแม้แต่เสื้อที่เปรอะเปื้อนด้วยโลกีย์
ตามพระเยซูคริสต์…เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แม้เราในเวลานี้ จะงดการมาร่วมชุมนุมกัน แต่เรายังคงไว้ซึ่งการติดตามพระเยซูคริสต์ และรักษาความสะอาดของจิตใจ ห่างไกลจากการแตกความสามัคคีกัน ในทางตรงกันข้าม ยิ่งรักกันให้มาก และคิดถึงกันในการอธิษฐาน
ในยามนี้ คนมากมายกำลังเตรียมตัว เพื่อความอยู่รอดที่ขึ้นอยู่กับปากท้อง ด้วยการดิ้นรนทุกวิถีทาง แตกก๊กแตกเหล่ากัน แต่ขอให้เราทั้งหลายจงเตรียมตัวเพื่อความรอดที่ขึ้นกับพระเยซูคริสต์ ยิ่งทำให้เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน กับทุกคน ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนในครอบครัว คริสตจักรท้องถิ่น คริสตจักรสากล เรากำลังตามพระเยซูคริสต์…เพื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีพวกเขา ไม่มีพวกเรา ไม่มีคำว่า ศัตรู หรือฝ่ายตรงกันข้าม แต่เราจะเคียงข้างกัน อย่างที่พระเยซูทรงอยู่เคียงข้างเรา ไม่ทอดทิ้งกัน
ตามพระเยซูคริสต์….เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน