“ตามพระเยซูคริสต์…พิชิตความกลัว”
ยอห์น 3:11-21
ยอห์น 3:14-16 14 โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น15 เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์” 16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
พระคัมภีร์ตอนนี้ อยู่ในบริบทที่มีฟารีสิคนหนึ่งชื่อ นิโคเดมัส แอบมาหาพระเยซูคริสต์ตอนกลางคืน เพื่อสนทนาธรรมกับพระองค์ ทำไมนิโคเดมัสจึงต้องมาหาพระเยซูในเวลากลางคืน ในขณะที่เป็นเวลาที่ผู้คนต่างก็อยู่ในบ้านของตนเองแล้ว เป็นไปได้ว่า นิโคเดมัสกลัว คือ กลัวพวกฟารีสีด้วยกันจะรู้ว่า เขามีความศรัทธาและยอมรับพระเยซูคริสต์เป็นครูที่มาจากพระเจ้า
ยอห์น 3:1-2 1 มีชายคนหนึ่งในพวกฟาริสีชื่อนิโคเดมัส เป็นขุนนางของพวกยิว2 ชายผู้นี้ได้มาหาพระเยซูในเวลากลางคืนทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าท่านเป็นครูที่มาจากพระเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดกระทำหมายสำคัญ ซึ่งท่านได้กระทำนั้นได้นอกจากว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย”
พระเยซูคริสต์ไม่ใช่ฟารีสี ไม่ใช่ธรรมาจารย์ แต่พระองค์มีความรู้เรื่องธรรมบัญญัติดี และยังสามารถเทศนาสั่งสอนได้ดีกว่าพวกธรรมจารย์ หรือแม้แต่ปุโรหิต พวกที่มีตำแหน่ง ยศทางศาสนาเสียอีก) ประชาชนฟังแล้วได้รับความหวัง หลุดจากความกลัว และมีความเชื่อไว้วางใจในพระเจ้ามากยิ่งขึ้น พระเยซูทรงสอน และทรงทำ และทรงเป็นอย่างที่สอน นี่อาจจะเป็นข้อสังเกตของนิโคเดมัส ที่มองพระเยซูคริสต์ด้วยใจที่เปิด เขาจึงเริ่มต้นการตามพระเยซูคริสต์ แต่ก็เริ่มต้นด้วยความกลัวคนจะรู้ว่าเขาสนใจจะติดตาม หรือศรัทธาในพระเยซูคริสต์ จึงมาหาพระองค์ในเวลากลางคืน
คำที่นิโคเดมัสใช้พูดกับพระเยซูคริสต์ คือ มาจากพระเจ้า พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย เป็นเหตุให้พระเยซูคริสต์ทำหมายสำคัญ นิโคเดมัสใช้คำที่เรียกหมายสำคัญทั้งหมด ขออนุญาตใช้คำภาษาอังกฤษ สามคำ sign miracle wonder
มีการยกตัวอย่างสามคำนี้ว่า sign หมายสำคัญ คือ ขับผีออก miracle การอัศจรรย์ คือ รักษาโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ และ wonder น่าประหลาดใจ คือ คนตาบอดที่ไม่มีลูกตาตั้งแต่เกิด กลับมีลูกตาและมองเห็นได้ It’s a wonder มันช่างน่าประหลาดใจจริงๆ แต่คำว่า น่าประหลาดใจ ยังแปลว่า น่าสงสัย ดูเหมือนนิโคเดมัส จะเชื่อพระเยซู แต่เชื่อแบบประหลาดใจปนสงสัย สนทนาธรรมจึงเริ่มต้นโดยพระเยซูคริสต์ว่า
ยอห์น 3:3-4 3 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้”4 นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ”
พระเยซูทรงตอบนิโคเดมัสจากคำที่นิโคเดมัสเรียกพระเยซูว่า มาจากพระเจ้า พระเจ้าสถิตด้วย ประเด็นของการอัศจรรย์มากมายที่พระองค์ทรงทำ
…“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้”…
เป็นการอธิบายว่า สิ่งที่มนุษย์เรียกว่า การอัศจรรย์ทั้งหลาย มันคือเรื่องปกติ ของแผ่นดินของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้า หมายถึง ชัยชนะ เหนือความจำกัดของความมนุษย์(ร่างกาย ที่เจ็บป่วย มีสุขภาพดี หายดี พิการ หายพิการ และหลุดจากการอยู่ใต้อำนาจของผี วิญญาณชั่วที่เป็นเหตุให้คนเจ็บป่วยไม่สบาย) ตัวอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงอธิบายคำว่า แผ่นดินของพระเจ้า เช่น
มัทธิว 12:28 28 แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว
แผ่นดินของพระเจ้า ในความหมายของพระเยซูคริสต์ คือ มาจากพระเจ้า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย แม้พระเยซูจะอธิบายด้วยคำว่า บังเกิดใหม่ จึงจะเข้าแผ่นดินสวรรค์ได้ (มาจากพระเจ้า พระเจ้าสถิตด้วย) แต่นิโคเดมัสกลับไปมุ่งที่ประเด็นความจำกัดของมนุษย์เรื่อง การบังเกิดได้อย่างไร
ยอห์น 3:4-10 4 นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ”5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้6 ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ7 อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่า ท่านทั้งหลายต้องบังเกิดใหม่8 ลมใคร่จะพัดไปข้างไหนก็พัดไปข้างนั้น และท่านได้ยินเสียงลมนั้น แต่ท่านไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน คนที่บังเกิดจากพระวิญญาณ ก็เป็นอย่างนั้นทุกคน”9 นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “เหตุการณ์อย่างนี้จะเป็นไปอย่างไรได้”10 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ท่านเป็นอาจารย์ของชนอิสราเอล และท่านยังไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้หรือ
ฟารีสิ เป็นพวกที่เชื่อเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย ตรงกันข้ามกับพวกสะดูสี การที่พระเยซูทรงเรียกนิโคเดมัสว่า …ท่านเป็นอาจารย์ของชนอิสราเอล (เป็นพวกเคร่งศาสนาที่คนอิสราเอลให้ความเชื่อถือ) แต่ตัวเองกลับไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองเชื่อถือมาตลอด) นั่นคือ จะบังเกิดใหม่ได้อย่างไร นิโคเดมัสพูดถึง การกลับเข้าไปในท้องแม่ เพื่อออกมาใหม่ แต่พระเยซูทรงตรัสถึง การตายฝ่ายเนื้อหนัง และเกิดใหม่ในฝ่ายวิญญาณ
คำไทย มีคำว่า เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ แปลว่า ได้ผ่านวิกฤตที่ไม่น่าจะรอด แต่ก็รอดมาได้ เราทุกคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ ก็ต้องผ่านประสบการณ์ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ คือการตายในฝ่ายเนื้อหนัง และเป็นขึ้นมาใหม่ในฝ่ายจิตวิญญาณ ที่นำการเปลี่ยนแปลงของชีวิตอีกครั้ง เป็นคนใหม่ ในพระคริสต์ ในความรู้สึกว่า รอดจากการต้องพิพากษา การต้องตกนรก
และพระคัมภีร์ได้ใช้คำว่า ความรอด กับคนที่วางใจในพระเยซูคริสต์ซึ่ง คริสเตียนทุกคนจะท่องพระคัมภีร์ข้อนี้ได้ ยอห์น 3:16
ยอห์น 3:16 16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ที่มาของข้อพระคัมภีร์นี้ มาจากบริบทตอนนี้นี่เอง มาจากการสนทนาธรรมระหว่างนิโคเดมัสกับพระเยซูคริสต์ ซึ่งนิโคเดมัส เริ่มต้นการตามพระเยซูคริสต์ ด้วยความกลัว และความสงสัย แม้จะได้เห็นการอัศจรรย์สามอย่างอย่างที่พระองค์ทรงกระทำมากมาย แม้จะรู้ด้วยความรู้ทางสองว่า คนที่ทำอย่างนี้ได้ ต้องมาจากพระเจ้า ต้องพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย แต่ก็ยังกลัว และสงสัย
มีคริสเตียนไม่น้อย ที่เหมือนกับนิโคเดมัส ที่ตามพระเยซูคริสต์ อย่างกลัวๆ ยิ่งในยามสถานการณ์เวลานี้ ยิ่งกลัว ว่าจะป่วยเพราะโควิด 19 หรือไม่ หรือจะเป็นมะเร็งไม๊ หรือกำลังเป็นแล้วจะหายไม๊ การอัศจรรย์สามอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทำเป็นอดีตไปแล้วหรือเปล่า เรากำลังมีความคิดอย่างนิโคเดมัสอยู่หรือไม่ กลัวปนสงสัย เพราะมองดูตัวเอง แก่ ชรา ออกมาแล้ว จะย้อนกลับไปเกิดใหม่ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่นิโคเดมัสมองแต่ความจำกัดของตนเอง พูดอีกนัย ก็คือ ไว้วางใจได้เท่าที่ตนเองมองเห็นตนเองเป็น
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เรามีสองทางเลือก คือ เราจะเป็นอย่างที่เราเห็นตัวเอง หรือจะเป็นอย่างที่พระเจ้าทรงมองเห็นเราเป็น นั่นคือ พระเจ้าทรงมองเราเป็นมากกว่าที่เราเป็นอยู่
อิสยาห์ 55:8-9 8 เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา” พระเจ้าตรัสดังนี้ 9 “เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น”
ตามพระเยซูคริสต์…พิชิตความกลัว อย่ามัวแต่มองความจำกัดของตัวเอง แต่จงมองที่พระองค์….
ยอห์น 3:14-15 14 โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น15 เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์”
ในยุคของโมเสส ที่นำคนอิสราเอลเดินทางในถิ่นทุรกันดาร ทะเลทราย ที่มีแต่สัตว์มีพิษ โดยงูแมวเซา แต่คนอิสราเอลก็สามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางสัตว์มีพิษนี้ แต่เมื่อต้องเดินอ้อมไปอ้อมมา เพื่อจะรอดพ้นจากการโจมตีของศัตรู คนอิสราเอลบ่น และเบื่อที่ต้องกินแต่มานา และนกคุ่ม
กันดารวิถี 21:4-9 4 เขาทั้งหลายออกเดินจากภูเขาโฮร์ตามทางที่ไปทะเลแดง เพื่อจะอ้อมแผ่นดินเอโดม ประชาชนท้อถอยเพราะเหตุหนทาง5 และประชาชนก็บ่นว่าพระเจ้าและว่าโมเสสว่า “ทำไมพาเราออกจากอียิปต์มาตายในถิ่นทุรกันดาร เพราะไม่มีอาหารและไม่มีน้ำ เราเบื่ออาหารอันไร้ค่านี้”6 และพระเจ้าก็ทรงให้งูแมวเซามาในหมู่ประชาชน งูก็กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายมาก7 และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทั้งหลายได้กระทำบาปเพราะเราทั้งหลายได้บ่นว่าพระเจ้าและบ่นว่าท่าน ขอทูลแด่พระเจ้าขอพระองค์ทรงนำงูไปจากเราเสีย” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน8 และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา ทุกคนที่ถูกงูกัด เมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้”
9 ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้ที่เสา แล้วถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
ช่วงเวลานี้ ใกล้ที่คนอิสราเอลจะเข้าแผ่นดินคานาอันแล้ว แต่ก็เจอบททดสอบ ต้องเจอกับบรรดาชนชาติต่างๆที่ขวางทางเข้า โดยเฉพาะคนในแผ่นดินคานาอัน ที่มาจับจองแผ่นดินก่อนคนอิสราเอล และยังไม่ถึงเวลาที่คนอิสราเอลจะได้เข้าครอบครอง พระเจ้าจึงให้โมเสสพาเดินอ้อมไปอ้อม ไม่ผ่านเมือง เพราะชาวเมืองไม่ต้อนรับ คนอิสราเอลก็บ่น เพราะอยากจะเข้าเมืองเต็มทนแล้ว สภาพเหมือนกักตัวแต่อยู่นอกเมือง ความเบื่อ ความกลัวจะตายเพราะอดอาหารอร่อย (อย่างที่เคยกินในอียิปต์ แม้จะเป็นทาสก็ยอม) ทำให้เกิดอาการบ่น และพระเจ้าทรงให้งูแมวเซามากัดประชาชนตายจำนวนมาก
กันดารวิถี 21:6 6 และพระเจ้าก็ทรงให้งูแมวเซามาในหมู่ประชาชน งูก็กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายมาก
พระเจ้าทรงให้งูแมวเซามาในหมู่ประชาชน แปลว่า ก่อนหน้านี้ พระเจ้าทรงปกป้อง แม้พื้นที่เหล่านั้นจะเต็มไปด้วยงูก็ตาม อะไรคือช่องทางที่เปิดให้งูทำร้ายคนอิสราเอล ความกลัว และความไม่ไว้วางใจในการเลี้ยงดู ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ ทำให้ความจริงหนึ่งปรากฏก็คือ ในการเลี้ยงดูของพระเจ้านั้น มีการปกป้องด้วย
7 และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทั้งหลายได้กระทำบาปเพราะเราทั้งหลายได้บ่นว่าพระเจ้าและบ่นว่าท่าน ขอทูลแด่พระเจ้าขอพระองค์ทรงนำงูไปจากเราเสีย” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน…
คำที่ประชาชนใช้คำว่า ทำบาป แปลว่า พลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า ด้วยการบ่นต่อว่า พระเจ้า ต่อว่าโมเสส คือการปฏิเสธการเลี้ยงดูและการปกป้องจากพระเจ้า งูแมวเซาที่มันอยู่ในที่ๆของมัน แต่คนอิสราเอลต่างหาก ที่เดินทางผ่านมัน ก่อนหน้านั้น ไม่ถูกมันกัด แต่การปฏิเสธการปกป้องของพระเจ้า ด้วยการแสดงความกลัวตาย และบ่น จึงเป็นการทำลายการปกป้องของพระเจ้า คำว่า พระเจ้าทรงให้งูแมวเซามาในท่ามกลางประชาชน แปลว่า พระเจ้าทรงไม่ควบคุมมันอีกต่อไป งูแมวเซาที่ป้วนเปี้ยน ก็กัดทุกคนที่เฉียดไปใกล้มัน
และเมื่อประชาชนสำนึก มาขอให้โมเสสอธิษฐานต่อพระเจ้า พระเจ้าจึงสั่งโมเสสให้ทำงูทองสำฤทธิ์
8 และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา ทุกคนที่ถูกงูกัด เมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้”9 ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้ที่เสา แล้วถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
นี่คือการแสดงความเชื่อหลังจากถูกงูกัด พระเจ้าไม่ได้เอางูออกไป ประชาชนต้องอยู่กับงูแมวเซา เป็นวิถีชีวิตปกติใหม่ ที่จะไม่ตาย ด้วยการใช้ความเชื่อไว้วางใจในพระเจ้าด้วยการมองงูทองสัมฤทธิ์บนเสาทุกครั้งที่ถูกงูกัด และพระเยซูคริสต์ทรงใช้ประโยคนี้ มาสำหรับตอบความสงสัยของนิโคเดมัส ที่ตามพระเยซูคริสต์ด้วยความกลัวและสงสัย ความไว้วางใจคือกุญแจสำคัญ ที่จะทำลายพิษจากความสงสัยได้ เมื่อไรที่เราขาดความไว้วางใจ เราจะตายทรมานเพราะพิษของความสงสัย
ยอห์น 3:14-15 14 โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น15 เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์”
หรืออาจจะเรียกอีกคำว่า ขาดสันติสุข เพราะความไม่ไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ จงมองที่พระเยซูเพื่อจัดการกับพิษต่างๆที่กำลังแผ่ซ่านในมโนความคิด ในอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง
วันนี้ เรากำลังถูกพิษอะไร บางคนก็ว่า พิษเศรษฐกิจ พิษโควิด พิษรัก แรงหึง หรือพิษของอาหาร ทำให้ป่วย พิษจากคำพูดที่ทำให้บาดเจ็บ หรืออะไรที่ทำพิษให้เสียหาย กลัว คือ การไม่อยากจะเจอกับมันอีก ไม่อยากโดนพิษ ไม่อยากรับผลของพิษ ความกลัวเหล่านี้ จะทำให้อาจกลายเป็นโรคประสาท
ยอห์น 3:14-15 14 โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น15 เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์”
ชีวิตนิรันดร์ แปลว่า ไม่ตาย เราจะไม่ตายเพราะพิษต่างๆในยุคนี้
ยอห์น 3:16-17 16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์17 เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น
ตามพระเยซูคริสต์…พิชิตความกลัว เพราะพระองค์มาเพื่อช่วยกู้โลกให้รอด….คำว่า รอด ภาษากรีก Sozo แปลว่า ปลอดภัย ได้รับการปกป้อง และยังแปลว่า สุขภาพดี ความรอดคือปัจจุบัน ไม่ต้องรอขึ้นสวรรค์แล้วจึงจะพบกับความรอด
ตามพระเยซูคริสต์…พิชิตความกลัว เพื่อควบคุมความกลัวไม่ให้สิ่งพิษของความกลัวเกินขนาด ต่อชีวิตของเราด้วยเราได้ไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ ยามที่เราเจอกับพิษอะไรก็ตาม เราไม่ตาย และเราก็ไม่พิการด้วย เราจะหายดี อาเมน
และที่สำคัญ การสำแดงชีวิตที่ไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ในทุกสถานการณ์ คือการยกพระเยซูคริสต์ให้ชาวโลกได้เห็นว่า พระเยซูคริสต์เสด็จมาเพื่อช่วยโลกให้รอดจากทุกสารพัดพิษ เราจะเห็นหมายสำคัญ การอัศจรรย์ และสิ่งที่น่าประหลาดใจ อาเมน
ยอห์น 3:14-15 14 โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น15 เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์”
ตามพระเยซูคริสต์…พิชิตความกลัว