“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านความชื่นชมยินดี”
ในสังคมโลกของเราในปัจจุบันจะนิยามความชื่นชมยินดีในมุมของอะไรก็ตามที่ทำให้ได้ประโยชน์ของตัวเอง ก็จะมีความยินดี แต่ถ้าเสียประโยชน์เมื่อไร ความยินดีเหมือนถูกปล้นไปได้ง่าย เราได้ฟังคำเทศนาตอนหนึ่ง แล้วว่า สันติสุขแท้ที่เกิดขึ้นในผู้เชื่อ คุณลักษณะของสันติสุข จะมาเป็นชุด ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีสันติสุข และที่นั้นมีความชื่นชมยินดีด้วย แต่ถ้าที่ใดไร้รัก ที่นั้นก็ขาดสันติสุขและขาดความชื่นชมยินดีเช่นกัน ขณะที่ข้าพเจ้าพักสะบาโตที่อินโดนีเซีย วันอาทิตย์สุดท้ายเข้ากรุงจาการ์ต้าเพื่อไปโบสถ์ ช่วงบ่าย คนที่พาไปโบสถ์ก็พาข้าพเจ้าไปช้อปปิ้งซื้ออาหารที่จะทำวันจันทน์กัน ข้าพเจ้าก็เลยชวนเขาซื้อซาลาเปาที่ซุปเปอร์มาเก็ตซึ่งจะมีบูทขายซาลาเปาเหมือนร้านวราภรณ์ที่ขายที่ท้อปบ้านเรา เจ้านี้อร่อยมาก ถูกมาก ชื่อ เอซาลาเปา ขณะรอซื้อซาลาเปา คนขายก็หน้าตาไม่ค่อยอยากจะขายของเท่าไร น้องคนที่พาข้าพเจ้าไปก็บอกว่า คนๆนี้ขาดความรัก แล้วก็พูดถึงหน้าตาแบบไม่รับแขกเท่าไร ข้าพเจ้าก็บอกเขาว่า สงสัยเขาคงจะเหนื่อย เพราะว่าข้าพเจ้าสังเกตว่า ซาลาเปาของเขาขายดีมาก เพิ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นยี่ห้อที่อร่อยที่สุดในอินโดนีเซีย น้องคนนี้ก็ยังพูดถึงว่า เป็นเพราะเขาขาดความรัก เลยขายของแบบหน้าตาไม่รับแขก สุดท้ายข้าพเจ้าพูดกับเขาว่า ถ้าเป็นข้าพเจ้าวิเคราะห์เรื่องความรักในคน ข้าพเจ้าจะไม่พูดว่าเขาขาดความรัก แต่ข้าพเจ้าจะใช้คำว่า เขาต้องการความรัก เมื่อมีใครสักคนให้ความรักแก่เขา เขาจะรู้สึกชื่นชมยินดี หน้าตาของเขาก็จะแสดงออกมาดี แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยอย่างไรก็ตาม เหมือนพวกเราที่นี้ใช่ไม๊ เราจะชื่นชมยินดีเมื่อมีใครสักคนมอบความรักแก่เรา เพราะว่าที่ใดมีรัก ที่นั้นมีสันติสุขและความชื่นชมยินดี Love Joy Peaceแต่วันนี้ เราจะโฟกัสลงไปที่ความชื่นชมยินดี กาลาเทีย 5:22-23 22 ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์23 ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย ความยินดี เป็นหนึ่งในคุณลักษณะของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงสถิตภายในผู้เชื่อทุกคน เมื่อใดที่คนรับเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า ผู้นั้นจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์มาประทับภายในชีวิต เอเฟซัส 1:13-14 13 ในพระองค์นั้น ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ฟังสัจวาทะ คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และได้วางใจในพระองค์ ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา14 เป็นมัดจำของการรับมรดกของเรา จนกว่าเราจะได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่พระสิริของพระองค์ และเมื่อใดก็ตามที่คริสเตียนดำเนินชีวิตต่อสู้กับความต้องการของตนเอง เมื่อนั้น ผลพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสำแดงออกมาเด่นชัด เป็น…ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์23 ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน และนิยามของความรักเรื่องความชื่นชมยินดีปรากฏในหนังสือพระคัมภีร์1โครินธ์ 13:6 …ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ไม่ชื่นชมยินดีทั้งความผิดของตนเองและของผู้อื่น ในทางตรงกันข้าม จะรู้สึกเสียใจในความผิดของตนเอง เสียใจกับหัวใจที่คิดชั่ว เสียใจในความอ่อนแอของตนเอง โดยเฉพาะความบาปที่เป็นความลับที่ไม่มีใครรู้แต่พระเจ้าทรงรู้ และตนเองก็รู้อยู่แก่ใจ จะเป็นความรู้สึกไม่สบายใจกับคนที่ไม่นับถือพระเจ้า ไม่สบายใจกับความผิดศีลธรรมของคนในโลกนี้ ไม่สบายใจกับความอยุติธรรม และการกระทำที่อยุติธรรม โดยเฉพาะกับคนที่ถูกกระทำให้บาดเจ็บ แม้กระทั่งคนที่เป็นศัตรูที่ถูกกระทำ เหมือนกับพระเยซูคริสต์ในเหตุการณ์ขณะคนรับใช้ของปุโรหิตที่อยู่ในกลุ่มคนที่มาจับพระองค์ถูกสาวกของพระองค์ คือ เปโตรเอาดาบฟันหูขาดไปข้างหนึ่ง เปโตรได้กระทำด้วยการปกป้องพระเยซู เปโตรเป็นคนที่กระตือรือร้นในการปรนนิบัติพระเยซู แต่พระเยซูไม่ทรงยินดีกับการกระทำนั้นของเปโตร พระเยซูทรงสงสารคนที่หูขาด พระองค์ทรงเอาหูนั้นต่อกลับและรักษาชายคนนั้น บทเรียนเรื่องความชื่นชมยินดีที่เป็นคุณลักษณะของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้จะทำให้เรามองเห็นความชื่นชมยินดีในคนของพระเจ้าแสดงออกเป็นสองลักษณะ
1.ไม่ชื่นชมยินดีในการประพฤติผิด สดุดี 119:136
136 ข้าพระองค์น้ำตาไหลพรั่งพรู เพราะคนไม่ปฏิบัติตามพระธรรมของพระองค์
คนที่มีความชื่นชมยินดีอย่างคนของของพระเจ้าจะไม่ชื่นชมยินดีกับการประพฤติผิดด้วย โดยเฉพาะการผิดไปจากมาตรฐานด้านจริยธรรมของพระเจ้ามาตรฐานของพระเยซูคือมาตรฐานเดียวกันกับพระเจ้า พระเยซูได้สอนเรื่องวิธีคิด วิธีมองที่มีระดับจริยธรรมที่สูงกว่าค่านิยมของโลกนี้ เราพบคำสอนของพระเยซูได้ในหนังสือพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมของความสุขแท้ในคำเทศนาบนภูเขา หรือเกี่ยวกับการสะสมเงินทอง การปรนนิบัติพระเจ้ากับเงินทองในเวลาเดียวกันไม่ได้ หรือการให้อภัย การรักศัตรู การทำความดีเพื่อให้คนสรรเสริญพระเจ้า แม้กระทั่งการคิดที่ไม่เหมาะสมกับหญิงด้วยการมองก็ถือว่าได้ทำผิดแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นมาตรฐานของพระเจ้าที่สวนทางกับวิธีคิดอย่างคนในโลกที่ว่าไม่เป็นไร หยวนๆก็ได้ ดังนั้น คนของพระเจ้าจะไม่ชื่นชมยินดีกับพฤติกรรมอย่างโลก หรือรู้สึกเฉยๆ คนของพระเจ้าจะไม่มีความคิดว่า ไม่ใช่เรื่องของตน และเมื่อมีโอกาสจะไม่ยอมให้โอกาสนั้นผ่านไปโดยไม่มีการตักเตือน แนะนำ สั่งสอน หรือทำอะไรบางอย่างที่แสดงออก หรือจำยอมให้การประพฤติผิดนั้นยังคงมีต่อไป คำว่า โอกาส คือสิ่งที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้อย่างนี้ โคโลสี 4:5 5 จงปฏิบัติกับคนภายนอกด้วยใช้สติปัญญา โดยฉวยโอกาส6 จงให้วาจาของท่านประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้จักตอบให้จุใจแก่ทุกคน หากเราได้เตรียมชีวิต คำพูดของเราขณะดำเนินชีวิตอย่างที่พระคัมภีร์กล่าวถึง 6 จงให้วาจาของท่านประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ นั่นหมายความว่า ถ้าเราเตรียมพร้อมในชีวิตของเราเสมอ เราจะมองเห็นโอกาสที่จะฉวยเพื่อทำดี เราจะพร้อมที่จะตอบความต้องการของคนรอบตัว โดยเฉพาะคนภายนอก คือคนที่เราไม่รู้จัก แต่เหมือนได้รู้จักลึกเข้าไปในชีวิตของคนเหล่านั้นทีเดียว เพราะเรามีการเตรียมชีวิตของเรา อย่าคิดว่า ไม่จำเป็น เดี๋ยวก็จะพูดได้ ทำได้ พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บอกแล้ว ต้องเตรียมตัวเสมอ ต้องฝึกฝน จึงจะสามารถมีถ้อยคำวาจาที่ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้จักตอบให้จุใจแก่ทุกคน ดังนั้น ให้เราฝึกที่จะพูดดี คิดดีเสมอ ไม่ใช่อยู่โบสถ์พูดดีคิดดี แต่อยู่บ้าน ไม่เป็นไร คนในบ้านไม่ต้องเกรงใจ จะอาละวาด พูดจาตามอารมณ์ของตนเองไม่ฝึกควบคุมตนเองตั้งแต่อยู่ในบ้าน นั่นไม่ใช่เป็นอย่างที่พระคัมภีร์ใช้คำว่า “เสมอ” คือตลอดเวลา ต่อเนื่อง เสมอต้นเสมอปลาย คนที่มีผลพระวิญญาณ ความชื่นชมยินดีจะไม่ชื่นชมยินดี (ไม่สบายใจ) กับชีวิตที่สวนทางกับพระประสงค์ของพระเจ้า จะรู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมนั้นๆ โดยเฉพาะพฤติกรรมของตนเอง เหมือนผู้เขียนสดุดีในตอนนี้ ถึงขนาดร้องไห้ 136 ข้าพระองค์น้ำตาไหลพรั่งพรู เพราะคนไม่ปฏิบัติตามพระธรรมของพระองค์ ภาษาเดิมใช้คำว่า ร้องไห้เหมือนสายน้ำของแม่น้ำ คือเสียใจมาก และรู้หรือไม่ว่า ผู้เขียนสดุดีหมายถึงใครก่อน ตัวของผู้เขียนสดุดีนั่นเองต้องมาก่อนที่จะไปพิจารณาตัดสินคนอื่น สดุดี 119:113,115 113 ข้าพระองค์เกลียดชังคนสองใจ แต่ข้าพระองค์รักพระธรรมของพระองค์ ….115 แน่ะ เจ้าคนทำชั่ว ไปเสียจากข้า เพื่อข้าจะรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าของข้า เราเคยมองตัวเราเองอย่างนี้หรือไม่ ยากอบ4:8-10 8 ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด และคนสองใจ จงชำระใจของตนให้บริสุทธิ์9 จงเป็นทุกข์โศกเศร้าและร้องไห้ จงให้การหัวเราะกลับกลายเป็นการโศกเศร้า และความปีติยินดีกลับกลายเป็นความเศร้าสลด10 ท่านทั้งหลายจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงยกชูท่านขึ้น เรามองเห็นความต้องการการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของตัวเราด้วยความไม่สบายใจ และมีความปรารถนาที่จะไปถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่ เราไม่รู้สึกยินดีกับความยินดีอย่างค่านิยมของโลกนี้ที่กำลังพาตัวเราไปสู่ความพินาศ ยิ่งสนุกกับกิเลศตัณหาและความทะนงในลาภยศ ยิ่งมองยากอบยิ่งเศร้าใจ สำนวนของพระคัมภีร์ตอนนี้จึงเป็นการเตือนให้หันกลับและมองวิถีการดำเนินชีวิตอย่างคนบาปด้วยมุมที่ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ยังปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยชีวิตหลงระเริงไปกับความบาป ความสกปรกของจิตใจ ความสกปรกของการกระทำใดๆ แม้กระทั่งคำว่า สองใจ ก็ยังถูกรวมอยู่ในความสกปรกของจิตใจ คือการสงสัยและไม่เชื่อวางใจในพระเจ้า ยากอบ 1:6-8 …เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา7 ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย8 เขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น คนที่มีคุณลักษณะความชื่นชมยินดีจากผลพระวิญญาณบริสุทธิ์จะมีธรรมชาติในการมองที่แตกต่างจากการมองของโลก และไม่ชื่นชมยินดีไปกับโลกนี้ ในทางกลับกันความชื่นชมยินดีที่มาจากผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามนิยมของความรัก….คือ
2.แต่ชื่นชมยินดีในการประพฤติชอบ 2โครินธ์ 7:9-11
9 แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดี มิใช่เพราะท่านเสียใจ แต่เพราะความเสียใจนั้นทำให้ท่านกลับใจใหม่ เพราะว่าท่านได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้ผลร้ายจากเราเลย10 เพราะว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า ย่อมกระทำให้กลับใจใหม่ ซึ่งนำไปถึงความรอดและไม่เป็นที่น่าเสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำไปถึงความตาย11 จงพิจารณาดูว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า กระทำให้เกิดความกระตือรือร้นมากทีเดียว ทำให้เกิดความขวนขวายที่จะแก้ตัวใหม่และการเดือดร้อนแทน ความตื่นตัว ความอาลัย และความกระตือรือร้น และการลงโทษ ในทุกสิ่งเหล่านี้ ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าท่านก็ไม่ได้กระทำผิด อ.เปาโลได้เขียนจดหมายถึงคริสเตียนเมืองโครินธ์ มีการตักเตือนที่แรง เพราะมีความแตกแยก การทะเลาะกัน การแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากัน ความชื่นชมยินดีของอ.เปาโลในมุมนี้เกิดขึ้นเมื่ออ.เปาโลได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนเป็นการกลับใจใหม่ ชื่นชมยินดีกับการเสียใจต่อการประพฤติผิด ซึ่งเป็นความเสียใจที่พระเจ้าทรงพอพระทัย อ.เปาโลชื่นชมยินดีที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นความกระตือรือร้น กระทำให้เกิดความขวนขวายที่จะแก้ตัวใหม่และการเดือดร้อนแทน ความตื่นตัว ความอาลัย และความกระตือรือร้น และการลงโทษ ในทุกสิ่งเหล่านี้ ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าท่านก็ไม่ได้กระทำผิด อะไรจะเกิดขึ้นถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่กระตือรือร้นที่จะแก้ตัวใหม่ ไม่กระตือรือร้นที่จะพิสูจน์ตัวเองใหม่ แน่นอน อ.เปาโลจะร้องไห้เสียใจอย่างมาก นั่นคือยินดีไม่ออกกับพฤติกรรมที่เย็นชา ไม่ตอบสนองต่อการเร้าใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่คือสิ่งที่อยู่ในหัวใจของผู้รับใช้พระเจ้าที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ผู้รับใช้พระเจ้าเป็นเสียเอง คือมีอาการตายด้านกับความตายด้านของสมาชิก ลูกแกะ แล้วจะมีใครร้องไห้ให้กับเรา มีคนถามข้าพเจ้าว่า ทำอย่างไรที่จะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ข้าพเจ้ามักจะสอนเขาว่า พูดผิดพูดใหม่ให้ถูกแค่นั้น แต่ก็มีคำถามว่า แล้วถ้าไม่รู้ว่าจะพูดถูกอย่างไร ข้าพเจ้าก็จะแนะนำเขาว่า ก็จงเรียนรู้คำพูดที่ถูกและดูคนที่เขาพูดถูกและเลียนแบบเขา อ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่มีสำนวนที่ถูกต้องเยอะๆ และจำเอามาใช้ อีกหน่อยก็จะสร้างประโยคของตัวเองได้ เช่นเดียวกันกับการดำเนินชีวิตที่ประพฤติที่เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าที่อ.เปาโลใช้คำว่า 11 จงพิจารณาดูว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า กระทำให้เกิดความกระตือรือร้นมากทีเดียว ทำให้เกิดความขวนขวายที่จะแก้ตัวใหม่…. นั่นคือเราต้องมีท่าทีที่อยากจะดำเนินชีวิตอย่างผู้เชี่ยวชาญในมาตรฐานของพระเจ้าที่พระเจ้าทรงชอบพระทัย เราต้องรู้ว่าอะไรที่เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า เราจะรู้ได้ เราต้องเรียนรู้สิ่งที่ชอบพระทัยพระเจ้า จากพระคัมภีร์ จากคนที่รู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า ผู้รับใช้ ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ ผู้ที่กำลังดำเนินชีวิตในน้ำพระทัยพระเจ้า คนเหล่านี้มีคำตอบให้กับเราได้ ไม่ใช่เราคิดเอง ทำเอง และก็ผิดไปจากน้ำพระทัย พระประสงค์ของพระเจ้าอยู่เรื่อย ชีวิตที่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติชอบไม่เด่นชัด กลายเป็นชื่นชมยินดีอย่างโลก เพราะเรามองเห็นแต่ความชื่นชมยินดีอย่างโลก ไม่ใช่อย่างที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ฮีบรู 10:37-39 37 อีกไม่นาน พระองค์ผู้จะเสด็จมาก็จะเสด็จมาและจะไม่ทรงชักช้า 38 แต่คนชอบธรรมของเรานั้นจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ และถ้าความเชื่อของเขาเสื่อมถอย เราจะไม่มีความพอใจในคนนั้นเลย 39 แต่ท่านทั้งหลายไม่ใช่คนที่เสื่อมถอย และถึงซึ่งความพินาศ แต่เป็นคนที่เชื่อมั่น จึงทำให้ชีวิตปลอดภัย หนังสือฮีบรูเตือนเราว่า ถ้าเราไม่ดำเนินชีวิตในมาตรฐานของพระเจ้า อันตรายมาก และอันตรายที่น่ากลัวที่สุดคือการไม่พร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เจ้า ดังนั้น จงให้ความชื่นชมยินดีของเรานั้นเป็นความชื่นชมยินดีที่มาจากผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ทำให้สายตาฝ่ายวิญญาณของเรามองเห็นว่าอะไรที่ควรชื่นชมยินดี อะไรที่ควรเศร้าใจ และเป็นทุกข์อย่างแท้จริง อย่าให้ค่านิยมของโลกนี้บังตาใจเรา และทำให้เราเข้าใจอย่างผิดๆว่า นี่คือความสุขแท้ คือความยินดีแท้ แต่จริง คืออุปโลกน์ ภาพลวงตามายาทั้งสิ้น
“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านความชื่นชมยินดี”
1.ไม่ชื่นชมยินดีในการประพฤติผิด
2.ชื่นชมยินดีในการประพฤติชอบ