“เพื่อนรักของพระเยซู”

ภาษาอังกฤษมีคำหนึ่งที่เวลาเพื่อนกับเพื่อนจะลาจากกัน  จะใช้คำว่า See you again แปลว่า แล้วพบกันอีกนะ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทกัน เราไม่คิดว่า เราจะจากกันโดยไม่มีวันที่จะพบกันอีก  แม้ว่าเราจะอยู่ห่างไกลกัน แตกต่างกันแค่ไหน แล้วเราจะได้พบกันอีก แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะได้เจอกัน แต่ความสัมพันธ์อย่างเพื่อนทำให้เราคาดหวังที่จะได้เจอกันอีก การตายของพระเยซูก็เช่นกัน  ความตายได้พรากพระเยซูไปจากเหล่าสาวกชั่วระยะเวลาหนึ่งสำนวนของการจากกันแบบเพื่อนของพระเยซูปรากฏในหนังสือลูกาตอนหนึ่ง หลังจากพระเยซูถูกตรึงตายบนไม้กางเขน และถูกนำลงมาไปฝังในอุโมงค์ฝังศพ ย่างเข้าวันที่สาม กลุ่มผู้หญิงที่ติดตามพระเยซูได้เตรียมที่จะนำเครื่องหอมมาชโลมพระศพพระเยซูเป็นครั้งสุดท้ายในเวลาเช้ามืดที่เรียกว่ารุ่งอรุณ ลูกา 24:1-7 1 แต่​เช้า​มืด​ใน​วัน​ต้น​สัปดาห์ ผู้หญิง​เหล่า​นั้น​จึง​นำ​เครื่อง​หอม​ที่​เขา​ได้​จัดเตรียม​ไว้​มาถึง​อุโมงค์​2 เขา​เหล่า​นั้น​เห็น​ก้อน​หิน​กลิ้ง​ออก​พ้น​จาก​ปาก​อุโมงค์​แล้ว​3 และ​เมื่อ​เข้า​ไป​มิได้​เห็น​พระ​ศพ​ของ​พระ​เยซู​เจ้า​4 เมื่อ​เขา​กำลัง​คิด​ฉงน​ด้วย​เหตุการณ์​นั้น ดู​เถิด มี​ชาย​สอง​คน​ยืน​อยู่​ใกล้​เขา เครื่องนุ่งห่ม​แพรว​พราว​จน​พร่า​ตา​5 ฝ่าย​ผู้หญิง​เหล่า​นั้น​กลัว​และ​ซบ​หน้า​ลง​ถึง​ดิน ชาย​สอง​คน​นั้น​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “พวก​ท่าน​แสวงหา​คน​เป็น​ใน​พวก​คน​ตาย​ทำไม​เล่า​6 ​พระ​องค์​ไม่​อยู่​ที่นี่ แต่​ทรง​เป็น​ขึ้น​มา​แล้ว​​ จง​ระลึก​ถึง​คำ​ที่​พระ​องค์​ได้​ตรัส​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย เมื่อ​พระ​องค์​ยัง​อยู่​ใน​แคว้น​กาลิลี​7 ว่า ‘บุตร​มนุษย์​จะต้อง​ถูก​อายัด​ไว้​ใน​มือ​ของ​คน​บาป และ​ต้อง​ถูก​ตรึง​ที่​กางเขน และ​วันที่​สาม​จะ​เป็น​ขึ้น​มา​ใหม่’”8 เขา​จึง​ระลึก​ถึง​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​องค์​ได้​ กลุ่มผู้เชื่อพระเยซูเหล่านี้คาดหวังที่จะได้พบกับพระศพของพระเยซู แต่กลับได้พบกับทูตสวรรค์ผู้ส่งข่าวเท่านั้น และได้รับข้อมูลว่า พวกเขากำลังแสวงหาคนเป็นในพวกคนตาย พระเยซูไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเขาจำไม่ได้ถึงสิ่งที่พระเยซูได้เคยตรัสไว้ ทูตสวรรค์จึงต้องทบทวนความจำของพวกเขา ​ 6 ​พระ​องค์​ไม่​อยู่​ที่นี่ แต่​ทรง​เป็น​ขึ้น​มา​แล้ว​​ จง​ระลึก​ถึง​คำ​ที่​พระ​องค์​ได้​ตรัส​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย เมื่อ​พระ​องค์​ยัง​อยู่​ใน​แคว้น​กาลิลี​7 ว่า ‘บุตร​มนุษย์​จะต้อง​ถูก​อายัด​ไว้​ใน​มือ​ของ​คน​บาป และ​ต้อง​ถูก​ตรึง​ที่​กางเขน และ​วันที่​สาม​จะ​เป็น​ขึ้น​มา​ใหม่’” คำตรัสของพระเยซูเป็นคำพูดที่เป็นสำนวนว่า See you again แล้วพบกันอีกนะ  สำหรับมนุษย์อย่างเรา เรารับรู้ว่า การตายคือการจากไปโดยไม่มีวันกลับมาได้พบกันอีก  แต่สำหรับพระเยซู ความตายคือการพรากกันแค่ชั่วคราว ดังนั้น การฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซู มีวัตถุประสงค์เพื่อจะพบกันอีก พระคัมภีร์บันทึกว่า พระเยซูทรงปรากฏหลายครั้ง แต่ครั้งที่สำคัญที่บันทึกรายละเอียดการสนทนาระหว่างพระเยซูกับเหล่าสาวกและพระเยซูใช้เวลานานที่สุดคือการปรากฏในครั้งที่สามในหนังสือยอห์น 21:1-17 1 ต่อมา​พระ​เยซู​ได้​ทรง​สำแดง​พระ​องค์​แก่​เหล่า​สาวก​อีก​ครั้ง​หนึ่ง ที่​ทะเล​ทิเบ​เรียส ​พระ​องค์​ทรง​สำแดง​พระ​องค์​อย่าง​นี้​2 คือ ซีโมน​เปโตร โธมัส​ที่​เรียก​ว่า​แฝด ​นาธานาเอล​ชาว​บ้าน​คา​นา​แคว้น​กาลิลี บุตร​ทั้ง​สอง​ของ​เศเบ​ดี และ​สาวก​ของ​พระ​องค์​อีก​สอง​คน​กำลัง​อยู่​ด้วย​กัน​3 ซีโมน​เปโตร​บ​อก​เขา​ว่า “ข้า​จะ​ไป​จับ​ปลา” เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “เรา​จะ​ไป​ด้วย” แล้ว​พวก​เขา​ก็​ออกไป​ลง​เรือ แต่​คืน​นั้น​เขา​จับ​ปลา​ไม่ได้​เลย 4 ครั้น​รุ่ง​เช้า ​พระ​เยซู​ประทับ​ยืน​อยู่​ที่​ฝั่ง แต่​เหล่า​สาวก​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​พระ​เยซู​5 ​พระ​เยซู​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “ลูก​เอ๋ย มี​ปลา​บ้าง​หรือ​เปล่า” เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​มี”6 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “จง​ทอด​อวน​ลง​ทาง​ด้านขวา​เรือ​เถิด​แล้ว​จะ​ได้​ปลา​บ้าง” เขา​จึง​ทอด​อวน​ลง​และ​ได้​ปลา​เป็น​อัน​มาก จน​ลาก​อวน​ขึ้น​ไม่ได้​7 สาวก​คน​ที่​พระ​เยซู​ทรง​รัก​บอก​เปโตร​ว่า “เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า” เมื่อ​เปโตร​ได้​ยิน​ว่า เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เขา​ก็​หยิบ​เสื้อ​มา​สวม​เพราะ​ตัว​เปล่า​อยู่ แล้ว​ก็​กระโดด​ลง​ทะเล​8 แต่​สาวก​คน​อื่นๆ นั้น นั่ง​เรือ​มา และ​ลาก​อวน​ที่​ติด​ปลา​เต็ม​นั้น​มา​ด้วย เพราะ​เขา​อยู่​ไม่​ห่าง​จาก​ฝั่ง​นัก ไกล​ประมาณ​หนึ่ง​ร้อย​เมตร​เท่านั้น 9 เมื่อ​เขา​ขึ้น​มา​บน​ฝั่ง​เขา​ก็​เห็น​ถ่าน​ติด​ไฟ​อยู่ มี​ปลา​วาง​อยู่​ข้างบน และ​มี​ขนม​ปัง​10 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “เอา​ปลา​ที่​ได้​เมื่อ​กี้​นี้​มา​บ้าง”11 ซีโมน​เปโตร​จึง​ลง​ไป​ใน​เรือ​แล้ว​ลาก​อวน​ขึ้น​ฝั่ง อวน​ติด​ปลา​ใหญ่​เต็ม มี​หนึ่ง​ร้อย​ห้า​สิบ​สาม​ตัว ถึง​มาก​อย่าง​นั้น​อวน​ก็​ไม่​ขาด​12 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “มา​รับประทาน​อาหาร​กัน​เถิด” พวก​สาวก​ไม่​มี​ใคร​กล้า​ถาม​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​คือ​ใคร” เพราะ​เขา​รู้อยู่​ว่า​เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​13 ​พระ​เยซู​ทรง​เข้า​มา​หยิบ​ขนม​ปัง​แจก​ให้​เขา และ​ทรง​หยิบ​ปลา​แจก​ด้วย​14 นี่​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม ที่​พระ​เยซู​ทรง​สำแดง​พระ​องค์​แก่​พวก​สาวก หลังจาก​ที่​ทรง​ให้​พระ​องค์​คืน​พระ​ชนม์​แล้ว​15 เมื่อ​รับประทาน​อาหาร​เสร็จ​แล้ว ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​ซีโมน​เปโตร​ว่า “ซีโมน​บุตร​ยอห์น​เอ๋ย เจ้า​รัก​เรา​มากกว่า​เหล่า​นี้​หรือ” เขา​ทูล​พระ​องค์​ว่า “เป็น​ความ​จริง​พระ​เจ้า​ข้า ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ว่า​ข้า​พระ​องค์​รัก​พระ​องค์” ​พระ​องค์​ตรัส​สั่ง​เขา​ว่า “จง​เลี้ยง​ลูก​แกะ​ของ​เรา​เถิด”16 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ครั้ง​ที่​สอง​ว่า “ซีโมน​บุตร​ยอห์น​เอ๋ย เจ้า​รัก​เรา​หรือ” เขา​ทูล​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “เป็น​ความ​จริง​พระ​เจ้า​ข้า ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ว่า​ข้า​พระ​องค์​รัก​พระ​องค์” ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​ดูแล​แกะ​ของ​เรา​เถิด”17 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ครั้ง​ที่​สาม​ว่า “ซีโมน​บุตร​ยอห์น​เอ๋ย เจ้า​รัก​เรา​หรือ” เปโตร​ก็​เป็น​ทุกข์​ใจ​ที่​พระ​องค์​ตรัส​ถาม​เขา​ครั้ง​ที่​สาม​ว่า “เจ้า​รัก​เรา​หรือ” เขา​จึง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ทุก​สิ่ง ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ว่า ข้า​พระ​องค์​รัก​พระ​องค์” ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​เลี้ยง​แกะ​ของ​เรา​เถิด​ สาวกเจ็ดคนที่เป็นชาวประมงได้กลับไปสู่อาชีพเดิม ด้วยความรู้สึกว่า ความตายได้พรากพระเยซูไปจากพวกเขาโดยไม่มีวันที่จะได้พบกับพระเยซูได้อีก ดังนั้น พวกเขาจึงกลับไปที่เดิมที่เคยทำ เคยอยู่ เคยเป็น คืออาชีพประมง กลับไปจับปลา แทนที่จะไปจับคนเหมือนดังจับปลา เหมือนตอนที่พระเยซูเคยอยู่กับพวกเขา  พระคัมภีร์ตอนนี้บันทึกว่า การฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูเพื่อใช้เวลากับเหล่าสาวก เพื่อทบทวนความหลัง และคนที่จำความหลังได้คนแรกคือยอห์น ซึ่งได้เรียกตนเองว่า สาวกคนที่พระเยซูทรงรัก (เพื่อนรักของพระเยซู)  7 สาวก​คน​ที่​พระ​เยซู​ทรง​รัก​บอก​เปโตร​ว่า “เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า” การที่ยอห์นได้บันทึกแหตุการณ์ครั้งนี้เพื่อให้พวกเราในยุคต่อมาเข้าใจถึงความหมายของคำว่า เพื่อนรักของพระเยซู  เพราะสิ่งที่ยอห์นสังเกตเห็นการสนทนาระหว่างพระเยซูกับเปโตร มีการใช้คำว่า “รัก” ที่แตกต่างกันสองคำ  คำถามที่พระเยซูทรงใช้กับเปโตรสองคำถามแรกว่า 15 …“ซีโมน​บุตร​ยอห์น​เอ๋ย เจ้า​รัก​เรา​มากกว่า​เหล่า​นี้​หรือ” เขา​ทูล​พระ​องค์​ว่า “เป็น​ความ​จริง​พระ​เจ้า​ข้า ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ว่า​ข้า​พระ​องค์​รัก​พระ​องค์” ​พระ​องค์​ตรัส​สั่ง​เขา​ว่า “จง​เลี้ยง​ลูก​แกะ​ของ​เรา​เถิด” 16 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ครั้ง​ที่​สอง​ว่า “ซีโมน​บุตร​ยอห์น​เอ๋ย เจ้า​รัก​เรา​หรือ” เขา​ทูล​ตอบ​พระ​องค์​ว่า “เป็น​ความ​จริง​พระ​เจ้า​ข้า ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ว่า​ข้า​พระ​องค์​รัก​พระ​องค์” ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​ดูแล​แกะ​ของ​เรา​เถิด”  คำถามของพระเยซูใช้คำว่า “รัก” ที่มีรากศัพท์ว่า อากาเป้ แปลว่า รักที่ตัดสินใจคิดอย่างรอบคอบ ที่เรามักเรียกว่า ไม่มีเงื่อนไข  แต่เปโตรตอบพระเยซูด้วยคำว่า “รัก” ที่มีรากศัพท์ว่า “ฟีโล” แปลว่า รักอย่างเพื่อน  รักด้วยผูกพันทางอารมณ์ หากจะมองดูความรักสองคำนี้ แตกต่างกันที่อารมณ์ รักแรกไม่มีอารมณ์เกี่ยวข้อง รักที่สองมีอารมณ์ผูกพันอย่างเพื่อน คำถามที่สาม พระเยซูใช้คำว่า “รัก” อย่างเพื่อนคำเดียวกันกับเปโตร  17 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ครั้ง​ที่​สาม​ว่า “ซีโมน​บุตร​ยอห์น​เอ๋ย เจ้า​รัก​เรา​หรือ” เปโตร​ก็​เป็น​ทุกข์​ใจ​ที่​พระ​องค์​ตรัส​ถาม​เขา​ครั้ง​ที่​สาม​ว่า “เจ้า​รัก​เรา​หรือ” เขา​จึง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ทุก​สิ่ง ​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​ว่า ข้า​พระ​องค์​รัก​พระ​องค์” ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “จง​เลี้ยง​แกะ​ของ​เรา​เถิด  พระเยซูถามเปโตรว่า เปโตร เจ้ารักเราอย่างเพื่อนใช่ไม๊  งั้นก็จงเลี้ยงแกะของเราเถิด ทำไมคำถามนี้จึงทำให้เปโตรเป็นทุกข์ใจในคำถามที่สาม เพราะนั่นคือความสัมพันธ์ที่ผูกพันที่พระเยซูก็มีกับเปโตร  และพระองค์ได้ทำสำเร็จบนไม้กางเขนไปแล้ว ยอห์นได้บันทึกความหมายนี้ก่อนหน้านี้ในหนังสือยอห์น 15:13-14 13ไม่​มี​ผู้ใด​มี​ความ​รัก​ที่​ยิ่งใหญ่​กว่า​นี้ คือ​การ​ที่​ผู้​หนึ่ง​ผู้ใด​จะ​สละ​ชีวิต​ของ​ตน​เพื่อ​มิตร​สหาย​ของ​ตน​14 ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ประพฤติ​ตาม​ที่​เรา​สั่ง​ท่าน ท่าน​ก็​จะ​เป็น​มิตร​สหาย​ของ​เรา  พระเยซูทรงรักเราอย่างเพื่อนรักและปรารถนาที่จะให้เราทั้งหลายตอบสนองพระองค์ด้วยรักอย่างเพื่อนรักด้วย อย่าลืมว่า พระเจ้าของเรามีความเป็นบุคคล มีอารมณ์ ความรู้สึก แต่พระองค์ไม่มีบาป ไม่มีกิเลศตัณหาอย่างเรา ความรักอย่างเพื่อนรักไม่มีกิเลศตัณหาและความทะนงในลาภยศ  ความรักอย่างเพื่อนรักไม่ใช่เพื่อความสนุกสนาน แต่ความรักอย่างเพื่อนรัก คือความรักที่ยิ่งใหญ่ อย่างที่ยอห์นได้กล่าวว่า 13ไม่​มี​ผู้ใด​มี​ความ​รัก​ที่​ยิ่งใหญ่​กว่า​นี้ คือ​การ​ที่​ผู้​หนึ่ง​ผู้ใด​จะ​สละ​ชีวิต​ของ​ตน​เพื่อ​มิตร​สหาย​ของ​ตน  แม้เพื่อนรักอย่างเปโตรจะเคยปฏิเสธพระเยซูสามครั้ง เป็นบาดแผลของความสัมพันธ์อย่างเพื่อนรัก ที่ความอ่อนแอของเพื่อนทำให้เพื่อนทรยศเพื่อนก็ตาม แต่พระเยซูก็ยังกลับมาหาเปโตรอีกครั้งเพื่อพบกันอีกก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์   มีเพื่อนบางคนมีพฤติกรรมไม่ดี ไม่น่าไว้วางใจ สร้างความเสียหาย จนเพื่อนเดือดร้อน เพื่อนก็จะปฏิเสธความเป็นเพื่อน แต่พระเยซูได้ปกป้องเพื่อนคือเหล่าสาวกด้วยชีวิตของพระองค์ในวันที่พระเยซูถูกจับ ยอห์น18:8-9  8 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “เรา​บอก​ท่าน​แล้ว​ว่า เรา​คือ​ผู้​นั้น ถ้า​ท่าน​แสวงหา​เรา ​ก็​จง​ปล่อย​คน​เหล่า​นี้​ไป​เถิด”9 ทั้งนี้​ก็​เพื่อให้​เป็น​จริง​ตาม​พระ​ดำรัส​ซึ่ง​พระ​องค์​ตรัส​ว่า “คน​เหล่า​นั้น​ซึ่ง​พระ​องค์​ได้​ประทาน​แก่​ข้า​พระ​องค์ ไม่ได้​เสีย​ไป​สัก​คน​เดียว” พระเยซูต้องการให้เราตอบสนองพระองค์อย่างเพื่อนรักของพระเยซู มิใช่อย่างผู้ศรัทธา ผู้เชื่องมงาย ผู้เชื่อที่ไม่มีความสัมพันธ์ ผู้เชื่อที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือเป็นผู้ที่ต้องการผลประโยชน์จากพระเยซู แต่พระองค์ต้องการเพื่อนรักที่เป็นเพื่อนตาย ไม่ใช่เพื่อนกิน ที่หาง่าย แต่เพื่อนตายหายาก ทำไม เพื่อนตาย เพื่อนรักจึงหายาก เพราะนั่นคือการเสียสละอันยิ่งใหญ่ พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตายเพื่อหาเพื่อนรัก เพื่อนตาย ไม่ใช่หาเพื่อนกิน และในทำนองเดียวกัน เราทั้งหลายกำลังตอบสนองพระเยซูอย่างไร พระเยซูไม่เหมือนพระอื่นที่เป็นเพื่อนกิน แต่ไม่ใช่เพื่อนตาย เพราะไม่มีพระใดในโลกที่จะตายเพื่อเรา หรือนับเราเป็นเพื่อนรัก เพราะผู้ที่ถือว่าตนเองเป็นพระต่างๆมักจะถือว่าตนเองสูงกว่ามนุษย์ แต่พระเยซูไม่ได้ถือว่าพระองค์สูงกว่ามนุษย์ พระเยซูได้สาธิตการเป็นเพื่อนไว้อย่างนี้

1.มีหัวใจบริการ

ฟิลิปปี 2:5-8 5 ท่าน​จง​มี​น้ำใจ​ต่อ​กัน​เหมือน​อย่าง​ที่​มี​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​6 ผู้​ทรง​สภาพ​ของ​พระ​เจ้า แต่​มิได้​ทรง​ถือ​ว่า​การ​เท่า​เทียม​กับ​พระ​เจ้า​นั้น​เป็น​สิ่ง​ที่​จะต้อง​ยึดถือ​7 แต่​ได้​กลับ​ทรง​สละ และ​ทรง​รับ​สภาพ​ทาส ทรง​ถือ​กำเนิด​เป็น​มนุษย์​8 และ​เมื่อ​ทรง​ปรากฏ​พระ​องค์​ใน​สภาพ​มนุษย์​แล้ว ​พระ​องค์​ก็​ทรง​ถ่อม​พระ​องค์​ลง​ยอม​เชื่อ​ฟัง​จนถึง​ความ​มรณา กระทั่ง​ความ​มรณา​ที่​กางเขน  ​เราจะเห็นพระเยซูย่างปลารอไว้ และเสริฟอาหารให้กับสาวกทั้งเจ็ดคน ส่งปลา ขนมปัง และพระเยซูยังถามสาวกอีกว่า เอาปลาส่งมา พระองค์จะย่างให้เพิ่ม ถ้าเราเป็นเพื่อนรักของพระเยซู เราต้องมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ คำว่า รับสภาพทาส รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า สภาพความเป็นผู้รับใช้  ผู้ปรนนิบัติ เพื่อนรักของพระเยซูคริสต์ต้องมีสปิริตอย่างเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ คือหัวใจบริการ มาระโก 10:43-45 43 แต่​ใน​พวก​ท่าน​หา​เป็น​อย่าง​นั้น​ไม่ ถ้า​ผู้ใด​ใคร่​จะ​ได้​เป็น​ใหญ่​ใน​พวก​ท่าน ผู้​นั้น​จะต้อง​เป็น​ผู้​ปรนนิบัติ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​44 และ​ถ้า​ผู้ใด​ใคร่​จะ​เป็น​เอก​เป็น​ต้น ผู้​นั้น​จะต้อง​เป็น​ทาส​สมัคร​ของ​คน​ทั้ง​ปวง45 เพราะ​ว่า​บุตร​มนุษย์​มิ​ได้มา​เพื่อ​รับ​การ​ปรนนิบัติ แต่​ท่าน​มา​เพื่อ​จะ​ปรนนิบัติ​เขา และ​ประทาน​ชีวิต​ของ​ท่าน​ให้​เป็น​ค่า​ไถ่​คน​เป็น​อัน​มาก” พระเยซูได้ถ่ายทอดสปิริตของการเป็นผู้ปรนนิบัติให้กับสาวก หัวใจบริการคือหัวใจของคนที่ไม่ได้แสวงหาการเป็นนายคนอื่น อย่าให้เราติดกับใจที่มักใหญ่ใฝ่สูง อย่าให้เราติดกับค่านิยมของคนไทยที่ว่าเป็นเจ้าคนนายคน แต่ให้เราเป็นเพื่อนรักของพระเยซูที่มีสปิริตอย่างเดียวกัน หัวใจบริการ ไม่ว่าคนที่เราบริการจะอยู่ในฐานะด้อยกว่าเราเพียงใด เราจะไม่รู้สึกว่า เราอยู่เหนือคนเหล่านั้น หรือเลือกที่จะปรนนิบัติเฉพาะบางคนเท่านั้น อย่าลืมคำอุปมาของพระเยซูที่ว่า มัทธิว 25:40,45 40 แล้ว​พระ​มหา​กษัตริย์​จะ​ตรัส​กับ​เขา​ว่า ‘เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ซึ่ง​ท่าน​ได้​กระทำ​แก่​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​พี่​น้อง​ของ​เรา​นี้ ถึงแม้​จะ​ต่ำ​ต้อย​เพียงไร ​ก็​เหมือน​ได้​กระทำ​แก่​เรา​ด้วย’…45 เมื่อ​นั้น​พระ​องค์​จะ​ตรัส​กับ​เขา​ว่า ‘เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ซึ่ง​ท่าน​มิได้​กระทำ​แก่​ผู้​ต่ำ​ต้อย​ที่สุด​สัก​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​นี้ ​ก็​เหมือน​ท่าน​มิได้​กระทำ​แก่​เรา​ด้วย’ หัวใจบริการในที่นี้หมายความว่า สิ่งที่ควรทำกับผู้เล็กน้อย และสิ่งที่มิได้กระทำต่อผู้เล็กน้อย มีผลเท่ากับได้ทำและไม่ได้ทำต่อพระเยซูคริสต์เจ้าด้วย เพื่อนรักของพระเยซูไม่สามารถเพิกเฉยกับความจำเป็นของคนรอบข้าง  แต่มีคนบางคน ที่ไม่ทำเพราะคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ หรือหลีกเลี่ยงที่จะรับผิดชอบ หรือไม่ใส่ใจ หรือไม่สนใจคนความเดือดร้อนของคนอื่น ก็ถือว่าได้หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อพระเยซูคริสต์เจ้าด้วย  อย่าให้บางคนคิดว่าตนเองเดือดร้อนตลอดเวลาที่คนอื่นจะต้องมาใส่ใจตนเอง และเอาสาระวันนี้ไปโจมตีคนอื่นเพื่อเรียกร้องให้คนอื่นมาช่วยเหลือตนเอง นี่ก็เป็นคนที่ฉวยโอกาสใช้คำสอนของพระเยซูเพื่อหาประโยชน์เข้าหาตนเอง นี่ก็ไม่ใช่เพื่อนรักของพระเยซู แต่เป็นเพื่อนกินที่หากินกับความเป็นเพื่อนกับพระเยซู เพื่อนอย่างนี้พระเยซูฟื้นขึ้นมาแต่จะไม่มาหา การฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูมีจุดมุ่งหมายบนโลกนี้เพื่อพบกับเพื่อนรักของพระเยซูที่มีสปิริตเดียวกัน พระเยซูได้สาธิตความเป็นเพื่อนรักกับเปโตรมาก่อนนั่นคือ

2.ติเพื่อก่อได้

มาระโก8:33  33 พระ​องค์​หัน​พระ​พักตร์​มา​มอง​พวก​สา​วก​แล้ว​ตำ​หนิ​เป​โตร​ว่า “เจ้า​ซา​ตาน จง​ไป​ให้​พ้น เพราะ​เจ้า​คิด​อย่าง​คน ไม่​ได้​คิด​อย่าง​พระ​เจ้า” เพื่อนรักของพระเยซูคริสต์รับคำตำหนิตรงๆจากพระเยซูได้ เหมือนกับเปโตรที่ยังติดตามพระเยซูแม้จะถูกตำหนิแรงๆจากพระเยซู ไม่ได้คิดน้อยใจ ไม่ได้คิดเคียดแค้น ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น เพื่อนรักจะรู้ว่านี่คือความหวังดี คนที่มีสปิริตอย่างเดียวกันกับพระเยซูจะเตือนเราอย่างเพื่อนรัก ผู้รับใช้พระเจ้าหลายคนจะเตือนเราอย่างเพื่อนรัก แต่ถ้าไม่กล้าเตือนเรา แสดงว่า เขาไม่ใช่เพื่อนรักของพระเยซู เพื่อนรักของพระเยซูจะห่วงใยคนมากกว่าการกลัวที่คนจะไม่รัก  พระเยซูไม่กลัวว่าเปโตรจะไม่รัก  พระองค์จึงตำหนิเปโตรแรงๆ เพราะพระเยซูทรงรู้ว่าวิญญาณที่อยู่เบื้องหลังเปโตรคือมารซาตานที่พยายามใส่ความคิดของมันมาขัดขวางน้ำพระทัยพระเจ้า แม้ความคิดจะดูดี ทำให้รู้สึกดี แต่ไม่ได้มาจากความคิดอย่างพระเจ้า คือมีการทรงนำที่มาจากพระเจ้า  นี่คือประเด็นที่สำคัญของชีวิตที่มีการเจิม จะอยู่ภายใต้การนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่ให้เนื้อหนังนำ ในขณะที่พระเยซูได้ตรัสว่าพระองค์จะต้องตาย ต้องถูกทรมาน ต้องถูกประหารชีวิต แต่เปโตรกลับพูดถึงความไม่อยากสูญเสียพระเยซู ไม่อยากให้พระเยซูจากไปด้วยความตาย  พระเยซูรู้ได้ทันทีว่า มารได้ใช้ความอ่อนแอของเปโตรเป็นเครื่องมือผ่านความสัมพันธ์การเพื่อนกับพระเยซูเพื่อทักท้วงแผนการของพระเจ้า แต่พระเยซูได้จัดการกับความคิดอย่างมารด้วยความเป็นเพื่อนกับเปโตรด้วยเช่นกัน “เจ้า​ซา​ตาน จง​ไป​ให้​พ้น เพราะ​เจ้า​คิด​อย่าง​คน ไม่​ได้​คิด​อย่าง​พระ​เจ้า”พระเยซูกำลังพูดกับซาตาน และพูดกับเปโตรในเวลาเดียวกัน  บางครั้ง  เราต้องระวังที่ความอ่อนแอของเราทางด้านความคิดจะกลายเป็นเครื่องมือของมาร เราต้องต่อสู้โดยขับไล่มารออกไปอย่างที่พระเยซูทรงทำกับเปโตร และนำเปโตรให้ได้เห็นความอ่อนแอของตนเองทางคำพูด ที่คิดอย่างมนุษย์ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า  บางที ความอ่อนแอของเรา ที่มารอาจอยู่เบื้องหลังทำให้เราแสดงออกมาเป็นทางสายตาก็เป็นได้ โดยมีสายตาที่แข็งกร้าว ปากที่แสยะยิ้ม คำพูดที่ทำให้คนรู้สึกแย่  หรือการกระทำที่ขัดขวางน้ำพระทัยพระเจ้า เพียงเพราะเราไม่ใส่ใจความคิดของตัวเราว่า เรากำลังคิดอย่างมนุษย์ หรือคิดอย่างพระเจ้า  ให้เราถามคนข้างๆว่า คุณกำลังคิดอย่างมนุษย์ หรือคิดอย่างพระเจ้า  สุดท้าย เพื่อนรักของพระเยซูจะสื่อสารโดยการ…

3.ใช้ภาษาเดียวกัน

1โครินธ์ 2:13-14  ​13 เรา​กล่าวถึง​เรื่อง​สิ่ง​เหล่า​นี้ ด้วย​ถ้อยคำ​ซึ่ง​มิใช่​ปัญญา​ของ​มนุษย์​สอน​ไว้ แต่​ด้วย​ถ้อยคำ​ซึ่ง​พระ​วิญ ญาณ​ได้​ทรง​สั่ง​สอน คือ​เรา​ได้​อธิบาย​ความ​หมาย​ของ​เรื่อง​ฝ่าย​วิญญาณ ให้​คน​ที่​มี​พระ​วิญญาณ​ฟัง 14 แต่​มนุษย์​ธรรมดา​จะ​รับ​สิ่ง​เหล่า​นั้น ซึ่ง​เป็น​ของ​พระ​วิญญาณ​แห่ง​พระ​เจ้า​ไม่ได้ เพราะ​เขา​เห็น​ว่า​เป็น​สิ่ง​โง่​เขลา และ​เขา​ไม่​สามารถ​เข้าใจ​ได้ เพราะ​ว่า​จะ​เข้าใจ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ได้​ก็​ต้อง​สังเกต​ด้วย​วิญญาณ  ​เพื่อนรักของพระเยซูจะสามารถรับรู้ความคิดของพระเจ้าด้วยภาษาเดียวกันกับพระเจ้า เพราะพระเยซูได้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มาอยู่กับเราแล้ว และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในเราจะสื่อสารภาษาฝ่ายวิญญาณกับเรา เมื่อเราฟังคำเทศนา ฟังเพลงพระเจ้า อ่านพระคำพระเจ้า รับคำหนุนใจจากผู้เชื่อด้วยกัน เราจะรับการสื่อสารนั้น แต่คนที่ไม่รับคือคนที่ไม่ได้สื่อสารภาษาเดียวกัน และยังเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลาที่จะทำตาม ไม่สามารถเข้าใจได้   ประโยคที่สำคัญอยู่ที่ประโยคสุดท้ายคือ เพราะ​ว่า​จะ​เข้าใจ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ได้​ก็​ต้อง​สังเกต​ด้วย​วิญญาณ ประโยคนี้แสดงให้เราได้เห็นว่า คริสเตียนทุกคนจะต้องเป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณที่มีการสังเกตด้วยวิญญาณ มาจากคำกรีกที่แปลว่า Discernment มันไม่ใช่ของประทานเฉพาะสำหรับบางคน แต่เป็นของประทานสำหรับทุกคนที่เป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณ แต่อาจจะมีคริสเตียนบางคน (จำนวนไม่น้อย) ที่ไม่เป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณ แต่เป็นมนุษย์ฝ่ายเนื้อหนัง จึงขาดความสามารถในการสังเกตวิญญาณ คือไม่เข้าใจเรื่องฝ่ายวิญญาณ  เพื่อนรักของพระเยซูจะต้องเป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณ สื่อสารภาษาเดียวกันกับพระองค์  เพื่อนรักของพระเยซูยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเหมือนกับพระเยซู แต่วันนี้เอาสามเรื่องก็พอแล้ว เพราะว่า ยอห์นได้บันทึกว่า ยอห์น 21:25 25 มี​อีก​หลาย​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​ได้​ทรง​กระทำ ถ้า​จะ​เขียน​ไว้​ให้​หมด​ทุก​สิ่ง ข้าพเจ้า​คาด​ว่า แม้​หมด​ทั้ง​โลก​ก็​น่าจะ​ไม่​พอ​ไว้​หนังสือ​ที่​จะ​เขียน​นั้น​  จงจำสาระสำคัญของการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูไว้ว่า  พระองค์ฟื้นขึ้นมาเพื่อนพบกับเพื่อนรักของพระองค์  คุณเป็นเพื่อนรักของพระเยซูหรือไม่….

เพื่อนรักของพระเยซู

1.มีหัวใจบริการ

2.ติเพื่อก่อได้

3.ใช้ภาษาเดียวกัน 

By admin