“ทรหดอดทน”
ลูกา8:11-1511“อุปมานั้นหมายถึงอย่างนี้ เมล็ดพืชหมายถึงพระวจนะของพระเจ้า12 ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจของเขาเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด13 ที่ตกบนหินหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วก็รับพระวจนะนั้นด้วยความยินดี แต่ไม่มีราก เชื่อได้เพียงชั่วคราว เมื่อถูกทดลองก็หลงไป14 ที่ตกกลางหนามหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว และขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่ ความกังวล ทรัพย์สมบัติ และความสนุกสนานของชีวิตนี้ ก็รัดพวกเขาจนทำให้ผลไม่เติบโต15 ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน
คำอุปมาของพระเยซูคริสต์เจ้าถึงเรื่องเมล็ดพืชตกในดินสี่ชนิด ที่ทรงอธิบายให้ศิษย์ที่ใกล้ชิดได้เข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในดินสี่ชนิด ดินอันแรกคือ ดินที่เป็นหนทาง(เดิน) คือใจคนที่แข็งกระด้าง เป็นโอกาสที่มารแทรกแซง ทำให้ไม่เชื่อและพลาดไปจากความรอด ส่วนดินชนิดที่สอง คือหิน ก็คือใจคนที่ไม่ยอมให้พระวจนะฝังรากลึก เป็นเพียงผิวๆ ตื้นๆ เมื่อต้องพบกับการทดสอบความเชื่อที่ไม่ได้มีพระวจนะยึดเกาะ ความเชื่อนั้น ก็หลงไปจากความจริงคือพระวจนะ ส่วนดินชนิดที่สาม ดินที่ปกคลุมด้วยหนาม เป็นอุปสรรค และน่าเสียดายที่สุด เพราะพระวจนะกำลังเจริญเติบโตแล้ว แต่กลายเป็นแคระแกนไป ไม่สามารถเกิดผลได้ เพราะความกังวลในทรัพย์และการรักความสนุกสนานของโลกนี้
สุดท้าย ดินดี … หมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน…. ดินดี ไม่เพียงแค่ได้ยินและจดจำไว้ดวยใจที่ซื่อสัตย์ดีงามเท่านั้น แต่ปัจจัยที่สำคัญคือ ความทรหดอดทน รากศัพท์กรีก แปลว่า อดทนด้วยความชื่นชมยินดี ด้วยความหวัง ความอดทนนี้ ใม่ใช่ทนได้บ้าง ทนไม่ได้บ้าง แต่เป็นความอดทนอย่างมั่นคง constancy ทรหดอดทน ยังเป็นคำในนิยามความรัก ที่เริ่มต้นด้วยคำว่า อดทนนาน และดำเนินอย่างอดทน จบลงที่คำว่า ทรหดอดทน
1โครินธิ์13:7 7 ความรักทนได้ทุกอย่าง เชื่ออยู่เสมอ มีความหวังและความทรหดอดทนอยู่เสมอ