“ตามพระเยซูคริสต์…พลังชีวิต”
มัทธิว 16:13-28
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง หากเชื้อเพลิงหมด ก็จะจอดไว้เฉยๆ จะเข็นหรือลาก ก็ไม่ใช่วิธีใช้งาน และกลายเป็นภาระ ไปไหนมาไหน ต้องลากต้องเข็น คำที่นำมาใช้กับชีวิตของคน ที่ต้องลากหรือเข็น จนมีคำพูดขำๆ เปรียบ ชีวิตบางคนเหมือนลูกฟุตบอล ต้องเตะ ถึงจะเคลื่อนที่ เตะไปเตะมา กว่าจะเข้าประตู หรือไปถึงจุดหมาย ขึ้นอยู่กับว่า คนเตะจะมีความแม่นยำขนาดส่งลูกบอลเข้าโกว์ หรือจะเตะพลาด ออกนอกสนามไป ชีวิตที่ขาดแรงขับเคลื่อน ก็จะปล่อยให้ใครบางคนมาเข็น มาลาก หรือเตะ ถ้าเป็นลูก ก็คือพ่อแม่ ถ้าเป็นลูกทีมก็คือ หัวหน้าทีม ถ้าเป็นลูกจ้างก็คือนายจ้าง ถ้าเป็นนักเรียนก็คือครู ถ้าเป็นสมาชิกโบสถ์ ก็คือ ศิษยาภิบาล ผู้รับใช้ ผู้นำในกลุ่มเซลล์
คำถามก็คือว่า เราพอใจที่จะอยู่ในสภาพ ต้องถูกเข็น ถูกลาก หรือถูกแตะ (อย่าใช้คำว่า เตะ เลย ดูรุนแรงไปสักหน่อย) เท่านั้นหรือ
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าไปเรียนต่อพระคริสตธรรมที่ต่างประเทศ เดือนแรก ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนขาดพลัง และรู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่ บรรยากาศไม่เหมือนตอนอยู่เมืองไทย อยู่คริสตจักรในเมืองไทย ตื่นขึ้นมา พูดภาษาไทยกับเพื่อนร่วมห้อง คิดว่า ยังอยู่ในประเทศไทย เข้าโบสถ์ของนักศึกษาต่างชาติ ที่มาจากทั่วโลก แต่ต้องมาอยู่ในกรอบเดียวกัน ไม่มีผู้นำนมัสการแบบเดียวกับที่คริสตจักรที่เคยอยู่ สถาบันที่ข้าพเจ้าไปเรียนต่อ จะเป็นประเภทที่เรียกว่า interdenomination คือ หลายๆคณะนิกายมารวมกัน ไม่เน้น คณะ ความเชื่อ สไตล์การนมัสการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น เรื่องการนมัสการ จึงออกมาในแนวแบบกลาง ทุกคนจะได้รับได้ เพื่อเห็นแก่คนที่ไม่ได้ชอบอย่างที่เราชอบ ไม่คุ้นอย่างที่เราคุ้น ทุกคนต้องอยู่ได้ในบรรยากาศที่ไม่เอื้อความชอบ ไม่เอื้อความคุ้นเคยของตนเอง และนี่คือ สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้า อยากย้ายสถาบัน….
แต่พระเจ้าทรงตรัสกับข้าพเจ้าในขณะอธิษฐานกับพระองค์ว่า เราจะทำให้เจ้าเป็นผู้ที่นำบรรยากาศ ไม่ใช่ตามบรรยากาศ คือเป็นผู้ที่อยู่ได้โดยตัวของตัวเอง และนี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่า คือพลังชีวิตที่ทำให้ตัวเราเอง ขับเคลื่อนโดยไม่ต้องมีใครมาเข็น มาลาก มาแตะ จึงจะเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไปข้างหน้า
ตามพระเยซูคริสต์…พลังชีวิต คือแรงขับเคลื่อนชีวิตที่จะทำให้ผู้ที่ติดตามพระเยซูคริสต์ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่ใช่เคลื่อนไหว แต่ไม่เคลื่อนที่ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างของการขับเคลื่อนไปข้าง แม้จะมีอุปสรรคมาขัดขวาง ก็ไม่สามารถที่จะทำให้พระองค์สะดุด หรือหยุด ล้มเลิกความตั้งใจ และไปถึงความสำเร็จได้อย่างงดงาม
ในบทสนทนา ระหว่างพระเยซูคริสต์กับเหล่าสาวก ในตอนนี้ กับคำถามที่พระเยซูทรงถามบรรดาสาวก และเปโตร เป็นคนตอบคำถามนั้น
มัทธิว 16:13 13 เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเขตเมืองซีซารียาฟีลิปปี พระองค์ตรัสถามพวกสาวกของพระองค์ว่า “คนทั่วไปพูดกันว่าบุตรมนุษย์เป็นใคร?”
พระเยซูมักจะเรียกพระองค์เองว่า บุตรมนุษย์ เมื่อพระเยซูใช้คำถามตอนนี้ พวกสาวกเข้าใจในคำถามของพระเยซูชัดเจนว่า พระองค์กำลังหมายถึงตัวเอง
มัทธิว 16:14 14 เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “บางคนว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ว่าเป็นเยเรมีย์ หรือเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้เผยพระวจนะ”
พวกสาวกตอบพระเยซูคริสต์ว่าตามคำถามว่า คนอื่นพูดถึงว่า พระองค์เป็นใคร
พระเยซูคริสต์จึงถามอีกครั้ง…
มัทธิว 16:15 15 แล้วพระองค์ตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “แล้วพวกท่านว่าเราเป็นใคร?”
บรรยากาศตอนนี้ คาดว่า ไม่มีใครกล้าตอบ ส่วนใหญ่เงียบ ทั้งๆที่พวกสาวกมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วว่า ทำไมพวกเขาจึงตามพระเยซู
ตามพระเยซูคริสต์…พลังชีวิต คือการเปลี่ยนแปลงที่พระเยซูคริสต์ทรงเริ่มต้นในพวกสาวกที่ติดตามพระองค์ด้วยความหวังใหม่ ที่พวกเขาคิดว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระคริสต์(พระเมสสิยาห์) จากคำของ แอนดรูว์ตอนไปหาเปโตรเพื่อบอกเรื่องพระเยซูว่า เขาคิดว่า พระเยซูคือพระคริสต์ และนาธันนาเอลเองก็พูดทำนองเดียวกัน เมื่อได้พบกับพระเยซูครั้งแรก ทำให้พวกสาวก ส่วนใหญ่ติดตามพระเยซูคริสต์ด้วยความหวังใหม่ว่า พระองค์คือพระคริสต์
แต่ทำไมตอนนี้ พวกสาวกจึงลังเลใจที่จะตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ เป็นได้หรือไม่ว่า แรงเข็น แรงลาก แรงเตะของพวกฟาริสี พวกธรรมาจารย์ และยิวที่ต่อต้านพระเยซู กำลังมีอิทธิพลต่อความมั่นใจในตอนแรกในการติดตามพระเยซู?)
และแล้ว เปโตรคงทนไม่ไหวกับความเงียบ ความลังเลใจ ของบรรดาสาวกคนอื่นๆ พระคัมภีร์จึงบันทึกว่า
มัทธิว 16:16 16 ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”
และพระเยซูคริสต์ทรงตรัสย้ำว่า นี่คือความกล้าหาญ
มัทธิว 16:17 17 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ซีโมนบุตรโยนาห์เอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะมนุษย์ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผยให้ทราบ
ทำไม คำตอบของเปโตรจึงหมายถึงการแสดงความกล้าหาญ เพราะคำตอบของเปโตร คือคำที่พวกฟาริสี และพวกธรรมาจารย์ พวกที่ต่อต้านพระเยซูกล่าวหาว่าพระเยซูทรงยกตัวเองเทียบเท่าพระเจ้า และการยกตัวเองเทียบเท่ากับพระเจ้าสำหรับคนยิว หมายถึง การหมิ่นประมาทพระเจ้า และกระตุ้นให้คนยิวโกรธ ถึงขนาดที่คนๆนั้น อาจถูกสำเร็จโทษด้วยการเอาหินขว้งให้ตาย พระเยซูทรงตรัสถึงการเป็นบุตรของพระเจ้าของพระองค์ พระองค์ตรัสเป็นนัยๆให้รู้ว่า พระองค์คือพระคริสต์ (กรีก) ภาษาฮีบรูคือ พระเมสสิยาห์ แปลว่ ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ ผู้ที่ถูกทำนายไว้โดยผู้เผยพระวจนะก่อนหน้านี้หลายร้อยปีว่า พระเจ้าจะส่งพระเมสสิยาห์ มาเพื่อกอบกู้ ช่วยคนอิสราเอลจากความเป็นเชลย เป็นทาส นับร้อยๆปี เปลี่ยนอาณาจักรไปกี่อาณาจักรก็ถูกส่งต่อความเป็นทาส คนอิสราเอลต้องจมอยู่กับความทุกข์ยากลำบาก เข็ญใจ ชีวิต ถูกลาก ถูกเข็น ถูกเตะ จนฝังลึกเข้าไปในสมอง อยู่อย่างไร้จิตวิญญาณ ถูกลาก ถูกเข็น ถูกเตะโดย คนยิวด้วยกัน เช่นพวกฟาริสี พวกธรรมาจารย์ ที่ใช้ธรรมบัญญัติเป็นเครื่องมือ….
และพระเยซูคริสต์ทรงตรัสเปรียบเทียบความกล้าหาญของเปโตร เทียบกับก้อนหินที่แข็งแกร่งที่จะเป็นรากฐานสำหรับคริสตจักรรุ่นต่อๆไป ที่จะสามารถยืนหยัด มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามแรงเตะ แรงลากของอิทธิพลต่างๆได้
มัทธิว 16:18 18 เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้
ตัวของเปโตร Petros คำกรีกที่พระเยซูเล่นคำ แปลว่า หินชิ้นเล็กจากก้อนหิน เป็นส่วนหนึ่งของหินก้อนใหญ่ Petra หมายถึงคริสตจักรทั้งหมดที่ถูกสร้างให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นหินก้อนเดียวกันที่พระเยซูทรงสร้างเป็นคริสตจักร คริสตจักรคือ ชุมนุมชนที่มารวมตัวกันโดยการทรงเรียกของพระองค์ (พระคริสต์) นี่คือสปิริตความกล้าหาญของหินอีกหลายก้อนที่ทำให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน ความกล้าหาญที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า มีชัยชนะเหนือ….
มัทธิว 16:18 18….และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้
พลังของความตาย ส่งอิทธิพลต่อเนื้อหนัง กิเลศตัณหาต่างๆ และ ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ความเจ็บป่วย พลังของความตาย พลังของความตาย ทำให้ตกอยู่ภายใต้ความกลัวต่างๆนาๆ พลังแห่งความตาย ที่ทำงานในขณะที่คนมีชีวิตอยู่ มันจะหมดพลังไป เมื่อคนตาย พลังแห่งความตายก็ตายไปกับความตายด้วย
ตรงกันข้ามกับพลังของความตาย คือพลังชีวิต คริสตจักรถูกเรียกให้มีพลังชีวิต ในการติดตามพระเยซูคริสต์ และพระเยซูคริสต์ตรัสถึงสิ่งที่เปโตรแสดงออกมาคือพลังชีวิต ของคริสตจักร ที่ไม่กลัวแรงลาก แรงเตะของกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในสังคมเวลานั้น
มัทธิว 16:19 19 เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย”
ลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ ในการกล่าวห้าม….หรืออนุญาต คือพลังแรงต้านอิทธิพลพลังแห่งความตายของโลกนี้ทุกอย่าง ด้วยพลังชีวิตจากสวรรค์ เมื่อกล่าวถึงสวรรค์ นั่นคือ ที่ประทับของพระเจ้า และนี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสกับเปโตรในก่อนหน้านี้ว่า
มัทธิว 16:17 17 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ซีโมนบุตรโยนาห์เอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะมนุษย์ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผยให้ทราบ
ความกล้าหาญในการสวนกระแสแรงต้าน แรงลาก แรงเตะของสังคม ในเปโตรที่แสดงออกมาเป็นความแน่ใจในความเป็นพระเมสสิยาห์ พระคริสต์ ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ เป็นพระบุตรของพระเจ้า นี่คือ พลังจากสวรรค์ (พระบิดาทรงเปิดเผยให้ทราบ)
ยังมีต่อไปอีก ไม่จบ สำหรับเปโตรที่สามารถผ่านบททำสอบจากแรงลาก เข็น และเตะจากสังคมภายนอกจนได้รับคำชมจากพระเยซู แต่พระคัมภีร์บันทึกต่อว่า เปโตรกลับถูกพระเยซูคริสต์ตำหนิรุนแรง ชนิดอีกขั้วหนึ่งที่เปโตรเป็น นั่นคือ
มัทธิว 16:23 23 พระองค์จึงหันพระพักตร์มาตรัสกับเปโตรว่า “จงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเราเพราะเจ้าไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า แต่เจ้าคิดอย่างมนุษย์”
เพิ่งจะถูกชมไปหยกๆ กลับถูกตำหนิ (แรงซะด้วย) เปโตรผู้ไม่กลัวอิทธิพลภายนอก แต่กลับตกม้าตายเพราะอะไร… หลังจากพระเยซูตรัสถึงคริสตจักรที่มีพลังชีวิตจากสวรรค์ มีชัยชนะเหนือพลังแห่งความตาย เปโตรผ่านเรื่องความกล้าหาญ แต่เมื่อพระเยซูทรงตรัสว่า ภารกิจที่พระองค์จะต้องทำ ต้องตาย และฟื้นขึ้นมาจากความตาย เปโตรรีบห้ามพระเยซูทันที คือ ห้ามพระเยซูทำภารกิจที่จะไปถึงความตาย และฟื้นขึ้นมาจากความตายด้วย
มัทธิว 16:21-22 21 ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่ และพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ จนต้องถึงถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่22 ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์ทูลท้วงว่า “พระองค์เจ้าข้าให้เหตุการณ์นั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์เถิด อย่าให้เป็นอย่างนั้นแก่พระองค์เลย”
พลังแห่งความตายกำลังทำงานในเปโตร ผ่านทางความคิด
มัทธิว 16:23 23 พระองค์จึงหันพระพักตร์มาตรัสกับเปโตรว่า “จงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเราเพราะเจ้าไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า แต่เจ้าคิดอย่างมนุษย์”
ตามพระเยซูคริสต์…พลังชีวิต คือความคิดอย่างพระเจ้า ซาตาน แปลว่า ปฏิปักษ์ แปลว่า ฝ่ายตรงกันข้าม ความคิด คือพื้นที่ภายในจิตใจ เป็นที่เก็บข้อมูลต่างๆ ในตอนนี้ พระเยซูทรงไล่ความคิดที่รับอิทธิพลจากฝ่ายตรงกันข้ามกับพระเจ้า พระเยซูใช้คำว่า ซาตาน เพื่อจะกระตุกความคิดของเปโตรให้กลับมาสู่ความคิดของพระเจ้า ในตอนแรกที่เปโตรกล้าหาญ แสดงความเชื่อในพระเยซูคริสต์ออกมา แม้เป็นคนเดียวที่แตกต่างจากบรรดาสาวกอื่นๆก็ตาม นี่คือ พลังชีวิต ที่พลังแห่งความตายพ่ายแพ้ เปโตรต้องกลับมาที่ที่เป็นจุดยืนของคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ ภายนอก เปโตรยืนถูกที่แล้ว แต่ภายใน ยังยืนอยู่คนละที่ คือตรงกันข้ามกับพระเจ้า จึงทำให้คิดอย่างมนุษย์ตามพลังแห่งความตาย(ที่ตรงกันข้าม) กับความคิดของพระเจ้า คือพลังชีวิต
ตามพระเยซูคริสต์…พลังชีวิต จำเป็นที่จะต้องใช้พลังชีวิต ทั้งภายในและภายนอก ขับเคลื่อนชีวิตให้ไปต่อ ไปอย่างมีพลัง ไม่ย่อท้อ กับอุปสรรคใดๆ ไม่หยุดนิ่ง ไม่เงียบ ไม่เฉย ใช่หรือไม่
ที่เมืองจีน กำลังมีกระแสที่มาแรงในสังคมคนรุ่นใหม่ คือคำว่า อยู่เฉยๆ หรือนอนราบ คือไม่ทำอะไรทั้งสิ้น อยู่แค่กิน แค่มีชีวิตไปวันๆ ซึ่งทางรัฐบาลจีนกำลังมองว่า นี่คือกระแสที่กำลังเป็นภัยต่อระบบของประเทศที่กำลังขับเคลื่อนไปในทางพัฒนา
พระคัมภีร์ได้เตือนไว้ล่วงหน้าว่า จะมีคริสตจักรที่นอนราบ คืออยู่เฉยๆ และพระเยซูคริสต์ทรงเตือนคริสตจักรให้ตื่น ให้ร้อน อย่าเป็นเพียงอุ่นๆ
วิวรณ์ 3:16-19,21-22 16 เพราะว่าเจ้าเป็นแต่อุ่นๆ ไม่ร้อนและไม่เย็น เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา 17 เพราะเจ้าพูดว่า ‘ข้าเป็นเศรษฐีและข้าร่ำรวยแล้ว ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเลย’ เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนน่าสมเพช น่าสังเวช เจ้ายากจน ตาบอด และเปลือยกาย18 เราแนะนำเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมด้วยไฟจากเรา เพื่อเจ้าจะได้มั่งมี และให้ซื้อเสื้อผ้าสีขาว เพื่อจะได้สวมให้พ้นจากความอับอายที่ต้องเปลือยกาย และซื้อยาหยอดตาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้เห็น19 เรารักใครเราก็ตักเตือนและตีสอนเขา เพราะฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจใหม่…. 21 คนที่ชนะ เราจะให้เขานั่งกับเราบนพระที่นั่งของเรา เหมือนอย่างที่เรามีชัยชนะแล้ว และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนพระที่นั่งของพระองค์22 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณได้ตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย” ’ ”
ตามพระเยซูคริสต์…พลังชีวิต เรากำลังด้วยพลังแห่งชีวิต อยู่หรือไม่ เหนือทุกสิ่ง อาเมน